ส.ว.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบ 64

รัฐสภา 21 ก.ย.-ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบพ.ร.บ.งบประมาณ 64 เป็นเอกฉันท์ วงเงิน 3.285 ล้านล้านบาท ขณะ “วันชัย” แนะเร่งบังคับคดีจำนำข้าว นำมาเงินใช้แก้วิกฤติโควิด


การประชุมวุฒิสภาวันนี้ (21 ก.ย.) มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานุวฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 วงเงินงบประมาณ 3,285,000 ล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรผ่านความเห็นชอบวาระ 3 แล้ว โดยปรับลดงบประมาณลงกว่า 31,000 ล้านบาท

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ชี้แจงว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลยึดตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศและนโยบายด้านต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการบูรณาการทุกมิติและเพื่อเป็นกรอบในการขับเคลื่อนแผนงานโครงการให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้อง เกิดความคุ้มค่าและไม่ซ้ำซ้อน ให้การขับเคลื่อนการดำเนินการของรัฐบาลเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่รัฐบาลกำหนดไว้


“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด – 19 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน วางรากฐานของประเทศสู่อนาคต พร้อมส่งเสริมกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพด้านการคลัง โดยการจัดสรรงบไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจด้านบริการสาธารณะระดับท้องถิ่นให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สอดคล้องกับแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 วุฒิสภา กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด -19 เป็นภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณจึงคำนึงถึงการฟื้นฟูภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่จะต้องปรับตัวบนพื้นฐานการดำรงชีวิตใหม่ ภายใต้หลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสำคัญ

ขณะที่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. อภิปรายงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์แบบ งบประมาณ กรมกิจการผู้สูงอายุ 192 ล้านบาท ดูแลผู้สูงอายุ 13 ล้านคน ต้องดึงศักยภาพผู้สูงอายุในแต่ละชุมชนเพื่อมาดูแลกันเอง ส่วนงบประมาณสภาเด็กและเยาวชน 220 ล้านบาท แต่ส.ส.ตัดงบประมาณออกไป 41 ล้านบาท ซึ่งคิดว่าจะทำให้เงินไม่พอจ่ายในการทำงาน เพราะที่ตั้งอยู่ก็มีไม่พออยู่แล้ว หวังว่าจะนำงบกลางมาชดเชย ไม่เช่นนั้นจะพัฒนาเด็กได้อย่างไร ส.ว.แก้งบประมาณไม่ได้ แต่ตั้งข้อสังเกตได้และเชื่อว่าเสียงส.ว.ดังพอ


ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. อภิปรายเรื่องประชากรกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ว่าปัจจุบันเกิดวิกฤติเด็กเกิดน้อย แต่คนแก่แก่นาน กองทุนเลี้ยงชีพผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจึงเป็นประโยชน์ ขณะที่หน่วยงานตอบสนองช้าและไม่ทันการณ์ กระทรวงสาธารณสุขมีงบผู้สูงอายุที่ซ่อนอยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัว แต่ไม่สะท้อนต่อการแก้ปัญหา สิ่งที่ตนอยากเห็นในปีงบประมาณ 2565 คือ อยากให้ตั้งงบประมาณบูรณาการของผู้สูงอายุด้วย เนื่องจากงบประมาณของผู้สูงอายุซ่อนอยู่ในกระทรวงต่างๆ แต่เมื่อไม่บูรณาการก็จะเกิดความซ้ำซ้อน

ส่วนนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายถึงข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เรื่องการให้ความรู้เรื่องการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล ว่า เนื่องจากความเป็นอยู่ ภาระหนี้สินของประชาชนกำลังเป็นปัญหาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 การเงินเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้ารัฐจัดการอบรมด้านนี้ จะทำให้ประชาชนรู้จักกันออม การปันเงิน หรือแบ่งสันปันส่วนอย่างไร สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐปล่อยปะละเลย ประเด็นต่อมาคือการชดใช้ทางแพ่งตามคำพิพากษาของศาลและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ กรมบังคับคดีควรเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงในการบังคับคดีประเภทต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเงินจากการบังคับคดีเป็นจำนวนมาก แต่ปล่อยปละละเลย เช่น คดีจำนำข้าว ศาลพิพากษาต้องได้เงินหลายหมื่นล้าน แต่ยังไม่ไปถึงไหน รวมทั้งคดีสำคัญ เช่น คดีคลองด่าน แต่ละเลย ทั้งที่เงินเหล่านี้ได้มาจะเป็นเงินสำคัญที่เอามาใช้สอยได้

“ส่วนงบประมาณเพื่อการปฏิรูปประเทศ ตามหมวด 16 ที่ต้องการให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ปรองดอง ขจัดความเหลื่อมล้ำ เห็นว่าเป้าหมายการปฏิรูปประเทศเขียนไว้ดี แม้โควิดมาหลายอย่างจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่งบประมาณที่จะทำเรื่องนี้ไม่ได้มีตรง ๆ กลับไปซ่อนไว้ตรงโน้นตรงนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าจะปฏิรูปชัดเจน เช่น การปฏิรูปการเมืองที่มีเป้าหมายให้ประชาธิปไตยมั่นคงและการเลือกตั้งสุจริต หรือแม้กระทั่งการปราบปรามการทุจริตก็จัดอยู่ในงบประมาณกระต่างๆ เหมือนที่จัดไว้ตามธรรมดาทุกปี ไม่ได้มีลักษณะในการปฏิรูปทางการเมือง” นายวันชัย กล่าว

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.อภิปรายงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยว่า รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งเป็นหัวใจของการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่การจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน้อยกว่าทุกปี ขณะเดียวกันรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องถูกหักไปจากการบริการสาธารณะด้านการศึกษาและด้านสังคมไปอีก 17.88% เหลือเพียง 24.23% ซึ่งต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดให้มีรายได้ 25% แต่ตนก็ชื่นชมรัฐบาลที่จัดสรรเงินกลับมาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10,650 ล้านบาท หลังจากถูกส.ส.ตัดงบประมาณจากวาระที่ 2 ซึ่งจะบรรเทาการขาดงบประมาณได้ระดับหนึ่ง

“ตามมาตรา 33 การจัดสรรงบประมาณให้เทศบาลเมือง เทศบาลนคร เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร รวม 224 หน่วยงาน ได้รับผลกระทบมาก แต่กลับถูกตัดจนงบประมาณลดลง 1,796 ล้านบาท ซึ่งผมมีข้อเสนอให้ปรับปรุงรายได้ของอปท.โดยเสริมสร้างรายได้และโครงสร้างภาษี หาแนวทางการเพิ่มรายได้ แบ่งภาษีที่รัฐบาลเก็บได้ให้ อปท. และถ้าลดหย่อนภาษีให้ประชาชนก็ควรนำเงินกู้ไปชดเชยให้กับ อปท. ควรเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นรัฐกระจายอำนาจ และเชื่อมั่นในศักยภาพของอปท. ผมไม่อยากเชื่ออย่างที่นักการเมืองหลายคนพูดว่ารัฐบาลบอนไซอปท.” พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

ด้านนายออน กาจกระโทก ส.ว. อภิปรายงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการถูกตัดออกไปตั้งแต่ปี 2563-2564 รวมกว่าหมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับงบประมาณอปท. ที่ไม่ถึง 25% ตามกฎหมาย ก็นำเงินอาหารเสริมนมกับอาหารกลางวันของกระทรวงศึกษาไปเติมให้อปท. เพื่อเป็นทางผ่านไปให้โรงเรียน แล้วเวลาเปิดเทอมครูก็ต้องไปหาเงินสำรองหรือเซ็นค่าวัตถุดิบทำกับข้าวให้นักเรียน ขอตั้งคำถาม ว่าทำไมไม่เอาเงินก้อนนี้ไปที่กระทรวงศึกษาธิการแล้วโอนเงินไปให้โรงเรียนโดยตรงเลย ขณะเดียวกันการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในช่วงโควิด ต้องจัดหาสื่อและอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ให้โรงเรียนที่ห่างไกล

จากนั้น ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเอกฉันท์ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ด้วยเสียง 217 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง หลังจากใช้เวลาอภิปรายนาน 6 ชั่วโมง 30 นาที โดยนายสุพัฒนพงษ์ ได้กล่าวขอบคุณและยืนยันว่าจะนำข้อสังเกตไปพิจารณาประกอบการใช้งบประมาณ โดยจะใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามนโยบาย ประชาชนมั่งคั่งและยั่งยืน ซึ่งหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะนำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วันนับแต่วันที่ได้รับร่าง เพื่อให้ลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก