รัฐสภา 1 ก.ย.-เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงน้ำท่วมสภาฯ ยังอยู่ในประกัน ผู้ก่อสร้างเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ย้ำไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่เป็นเรื่องปกติ หากพบปัญหาต้องแก้ไข รับกระทบแผนย้ายเข้ามาทำงานที่ไม่สะดวก แต่ต้องประหยัดงบแผ่นดิน
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีน้ำท่วมอาคารรัฐสภาฝั่งวุฒิสภาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า ได้รับรายงานว่ามีฝนตกหนักตั้งแต่เวลา 02.00-03.00 น. และพบน้ำท่วม เวลา 04.00 น. บริเวณอาคารรัฐสภาด้านติดบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ และเมื่อดูจากคลิปวิดีโอ พบว่ามีน้ำท่วมไหลลงมามาก จึงสั่งการให้รีบหาสาเหตุทันที จากนั้นนายช่างรายงานว่าท่อระบายน้ำฝนขนาดใหญ่ที่ต่อจากชั้น 7 ลงมาชั้น 1 โดยสันนิษฐานว่าน้ำฝนพัดเศษอิฐปูนจากชั้น 7 ลงมากระแทกข้องอชั้น 1 ที่ต่อเพื่อระบายน้ำสู่ชั้นใต้ดิน ทำให้ข้องอแตก จึงเกิดน้ำรั่วขนาดใหญ่ และเมื่อเวลา 06.00 น.ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยนำถุงทรายไปปิดช่องระบายน้ำฝนที่ชั้น 7 ซึ่งขณะนี้ไม่มีน้ำไหลลงมาแล้ว โดยให้สำนักรักษาความปลอดภัยทำรายงานชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณภาพของอาคาร เมื่อเทียบกับงบประมาณก่อสร้างกว่าหมื่นล้านบาท นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ทางสำนักเลขาธิการสภาฯ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ซึ่งโดยปกติอาคารใหม่ทุกที่จะต้องมีการทดสอบอาคารก่อนประมาณ 2 เดือน เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ซึ่งทุกที่ก็พบความไม่สมบูรณ์และต้องดำเนินการแก้ไข แต่ยอมรับว่าอาคารรัฐสภามีความจำเป็นต้องเข้าใช้อาคาร โดยไม่มีการทดสอบได้ดีเท่าที่ควร เพราะหากไปเช่าใช้อาคารที่อื่น จะต้องเสียงบประมาณหลายร้อยล้านบาท แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังอยู่ในเงื่อนไขที่บริษัทผู้ก่อสร้างจะต้องรับผิดชอบภายใน 2 ปีนับแต่วันส่งมอบพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นได้สั่งการให้ตรวจสอบเฉพาะจุดที่มีปัญหา ส่วนการตรวจสอบความเรียบร้อยส่วนอื่น ๆ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างงาน ตรวจสอบทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ขณะที่ความเสียหายส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากบริเวณข้องอท่อ และความเสียหายจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะลิฟท์ หรือฝ้าอาคาร ต้องรอรายงานการตรวจสอบอีกครั้ง
นายสรศักดิ์ ยังยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบต่อแผนการย้ายเข้ามาทำงานของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในเรื่องความไม่สะดวกในการเข้าใช้อาคาร แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหากต้องไปเช่าสถานที่อื่นทำงาน ก็ต้องเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยได้ให้บริษัทที่ปรึกษาคำนวณดู พบว่าหากไม่เข้ามาใช้รัฐสภาแห่งใหม่ จะเกิดความเสียหายที่ต้องมีค่าใช้จ่าย หลายร้อยล้านบาท จึงจำเป็นต้องเข้ามาใช้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน.- สำนักข่าวไทย