นายกฯ ห่วงใช้เด็กเป็นกันชน

ทำเนียบฯ 19 ส.ค. – นายกฯ ยันรับฟังข้อเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา แต่หลายข้อเป็นไปไม่ได้ จะทำลายสถาบันครอบครัวและการศึกษา ระบุให้ความสำคัญกับการชุมนุม ห่วงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก หากมีความพยายามให้เกิดความรุนแรง และใช้เด็กเป็นกันชน ย้ำไม่มีนโนบายใช้ความรุนแรงกับเด็ก เตือนการชุมนุมต้องเป็นไปอย่างสันติ ไม่แตะต้องสถาบัน ตอกสื่อต่างชาติไม่เคยสนับสนุนการเมืองที่มาเคลื่อนไหวในประเทศไทยต่อต้านประเทศอื่่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีสื่อมวลชนต่างประเทศจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษ มารอติดตามทำข่าวด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงภายหลังการประชุมว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องแก้ทั้ง 2 มิติทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง รัฐบาลจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ควบคู่กับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเดินหน้าประเทศเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 7 การประชุมครั้งนี้ ไม่ใช่การประชุมเพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวของนักเรียนและนักศึกษาในสถาบันต่าง ๆ


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมเคลื่อนไหวของนักเรียนและนักศึกษาว่า ตนคิดว่าเป็นหลักการประชาธิปไตยเหมือนกับทุกประเทศ ตนเข้าใจ แม้ใครจะมองที่มาของตนว่ามาจากการรัฐประหาร แต่วันนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่เป็นประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ ที่หากจะแก้ไขก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน สิ่งที่กังวลคือหากมีความวุ่นวาย มากยิ่งขึ้น อาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ตาม อยากให้ทุกคนมองที่อนาคตของประเทศชาติ ถ้าสถานการณ์บานปลายไปเรื่อย ๆ มีการกดดัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ สิ่งที่จะตามมาคือความไม่สงบเรียบร้อยกลับไปสู่สถานการณ์เดิมที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

“อยากให้มองว่า การแสดงออกของเด็กเป็นพลังที่บริสุทธิ์ อาจมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจและบางส่วนที่ถูกชักนำ ซึ่งข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายข้อเป็นไปไม่ได้ แต่ทำให้เด็กมีความคาดหวัง โดยเฉพาะข้อเรียกร้องหลาย 10 ข้อ ทั้งการยกเลิกการไหว้ครู การไม่เคารพพ่อแม่ ซึ่งหากปฏิบัติตาม จะทำให้สถาบันครอบครัวและการศึกษาต้องล้มลงทั้งหมด จึงอยากขอร้องสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าว ขอให้ดูข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ และไม่เผยแพร่ข้อมูล ที่ไม่เหมาะสมซ้ำ ๆ กัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ ความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ที่มีคนมากหรือน้อย ว่า ตนให้ความสำคัญทั้งหมด เพราะเป็นประเทศไทย และหากมีคนเจตนาไม่บริสุทธิ์ ต้องการให้เกิดความรุนแรง และการเปลี่ยนแปลงที่มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น เด็ก เยาวชนเหล่านี้ ก็จะเป็นกันชนให้กับคนที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถือเป็นอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงกับเด็ก และไม่เคยห้ามการชุมนุมเพียงแต่การชุมนุนต้องเป็นไปอย่างสันติ ซึ่งรวมถึงการไม่กล่าวคำอาฆาตมาดร้ายหรือ คำพูดที่หยาบคายกับสถาบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย


“ขออย่านำปัญหาทุกอย่างมาพัวพันกันหมดแล้วกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ดี อย่างข้อเรียกร้องของเยาวชน ที่ต้องการให้ทุกคนจบมามีงาน มีเงินเดือน 50,000 บาท หรือให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าผ่อนรถให้กับทุกคน เดือนละ 1,000 บาท สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางเป็นไปได้ อยากฝากถึงครูบาอาจารย์ และนักการเมือง ที่อาจมีความคิดต่างด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศ ถามว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรียืนยันว่ามีการรับฟังเสียงของเด็ก แต่บนเวทีการชุมนุมยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับฟังเสียงเรียกร้องในหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องของสถาบัน อยากให้สื่อต่างชาติเข้าใจว่าสถาบันกับประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

“ประเด็นนี้ผมจะไม่ตอบ เพราะผมเองไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศ ไม่เคยไปสนับสนุนการเมืองที่มาเคลื่อนไหวในประเทศไทยต่อต้านประเทศอื่น ๆ ไม่เคยสนับสนุนแบบนั้น ผมต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างสมดุลย์
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นของผม ไม่ใช่ว่าที่ผมไม่ได้ไป คือการที่ผมไม่ได้ฟัง ผมฟังจากข้อมูลในด้านต่าง ๆ รวมทั้งจากสื่อโซเชียล หนังสือพิมพ์ ที่มีข้อเสนอต่าง ๆออกมาจำนวนมากก็เป็นวิธีการการรับฟังอีกทางและต้องหาวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดการลุกลามบานปลาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนราชการ เอกชนและประชาชน แม้แต่นักเรียน นักศึกษา ตนรับรู้ทุกข้อเรียกร้อง แต่ขออย่างเดียวไม่อยากให้มาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพนับถือ อย่าลืมว่าคนไทยมี 67 ล้านคน การที่มาชุมนุมอาจจะดูมากหรือน้อยแต่ตนถือว่าประชาชนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศไม่ได้เห็นด้วยกับการชุมนุมดังกล่าว ก็ต้องเปรียบเทียบให้ดู

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดแย้งในเรื่องของการชุมนุม หากเป็นการชุมนุมเรียกร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือสิ่งที่ดำเนินการให้ได้ ก็พร้อมที่จะตาม อะไรที่ไม่ได้ก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ด้วย อย่าเรียกว่านักศึกษาทั้งหมด หรือนักเรียนทั้งหมดเป็นแค่ส่วนหนึ่งในสังคม แต่ตนก็รับฟังพยายามตอบคำถามให้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองของเรา และเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตนต้องเดินหน้า ถ้าเอาทุกอย่างมารุมเร้า ทุกอย่างก็จะพังไปทั้งหมด และตนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย แต่หลายคนอาจจะคาดหวัง ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“ ผมถามว่าเขาพร้อมหรือไม่ในการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ มันจะนำพาท่านเสื่อมลงไปทั้งหมดหรือเปล่า แล้วในวันข้างหน้าจะควบคุมกันไหวหรือไม่ ตราบใดที่ยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา วันข้างหน้าก็จะมีอีกฝ่ายเกิดขึ้น แล้วดำเนินการเช่นนี้อีกเช่นกัน ผมถามว่าแล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ก็ขอให้เคารพความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทยด้วย เรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่คู่กับแผ่นดินเรามาหลาย 100 ปี ไม่ใช่เพิ่งมีมาเพียง 2-3 วัน สถาบันพระมหากษัตริย์ มีคุณูปการต่อประเทศไทยตลอดเวลา ขอร้องว่าอย่าลืมสิ่งที่เป็นพื้นฐานของประเทศ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกทำลาย หรือความแตกต่างของสถาบันเรากับสถาบันต่างประเทศ ทุกประเทศมีสถาบันมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศทั้งสิ้น แต่สถาบันของเราทำแบบประเทศอื่นหรือไม่ ต้องกลับไปทบทวนตรงนี้ เรียกร้องบางอย่างทำไม่ได้ สมมติว่าประเทศอังกฤษ มีการเรียกร้องว่าเมื่อจบการศึกษามาแล้วจะต้องมีการจ้างงานเดือนละ 50,000 เหรียญฯ จะให้ได้หรือไม่ ก็คงไม่ได้ หรืออย่างไม่ต้องไหว้ครู ประเทศไทยมีแบบและธรรมเนียมปฎิบัติมาอยู่ วันนี้พยายามสร้างว่าครูเป็นลูกจ้างของเด็ก ลูกจ้างของพ่อแม่ แต่วันนี้ลูกกับพ่อคิดเห็นไม่ตรงกัน ลูกประกาศตัดพ่อ แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ นี่คือจะทำให้ประเทศล่มสลาย จากนั้นก็จะเกิดจลาจล สงครามกลางเมืองต่อไป ผมไม่อยากให้ไปถึงจุดดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง