“วิษณุ” แจงขั้นตอนแก้รัฐธรรมนูญ

ทำเนียบฯ 6 ส.ค.-“วิษณุ” แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 วิธี คือการแก้ไขรายมาตรา กับการแก้ไขเป็นหมวด ที่ต้องทำประชามติ เผยหากทำประชามติ กกต.ต้องไปยกร่างกฎหมายประชามติก่อน ระบุรัฐบาลมีธงแก้รัฐธรรมนูญเพราะพบปัญหาในการบริหารงาน


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หากต้องมีการทำประชามติจะต้องเสียงบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท ว่า หากต้องมีการทำประชามติก็จะต้องใช้งบประมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับการเลือกตั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกแก้รัฐธรรมนูญในแบบไหน ซึ่งมี 2 วิธี ๆ ที่ 1 คือ การแก้ไขรายมาตรา หรือ วิธีที่ 2 คือ การแก้ไขเป็นหมวด อาทิ หมวด 1 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวดทั่วไป หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ หรือ หมวด 15 เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงคุณสมบัติต้องห้าม องค์กรอิสระ ซึ่งการแก้ไขส่วนเหล่านี้จะต้องทำประชามติ ซึ่งอาจมีความยุ่งยากและใช้เวลา

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีการทำประชามติ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องจัดหางบประมาณ และต้องจัดทำกฎหมายประชามติ เพราะปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายดังกล่าว ที่ผ่านมาเคยออกกฎหมายเกี่ยวกับทำประชามติมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเป็นการออกตามรัฐธรรมนูญฉบับก่อนและยกเลิกไป เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญเปลี่ยน กฎหมายการลงประชามติก็ใช้ไม่ได้


นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.เคยส่งร่างกฎหมายประชามติ มายังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 1 เมื่อปี 2562 ซึ่งรัฐบาลเตรียมที่จะเสนอสู่รัฐสภา แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หมดวาระ และเปลี่ยนรัฐบาล กกต.จึงขอนำร่างกฎหมายประชามติไปปรับปรุง จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ส่งกลับมา แต่ตนได้รื้อดูกฎหมายประชามติเก่า ว่าจะสามารถนำกลับมาใช้ได้หรือไม่ พบว่าไม่ได้ เนื่องจากติดล็อคกับรัฐธรรมนูญอื่น ซึ่งหลังจากนี้ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการ และก็ต้องปรับปรุงจากบทเรียนที่พบในการทำประชามติที่ผ่านมา

นายวิษณุ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 ทางเลือกดังกล่าว ซึ่งข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ก็คือการแก้หมวด 15 ซึ่งอยู่ในวิธีที่ 2 ตนไม่ขอตอบว่าการทำประชามติโดยใช้งบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท จะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะหากมีความจำเป็นต้องแก้ไข ก็ต้องคุ้ม เหมือนกับที่ฝ่ายค้านให้ความเห็นว่า หากมีเหตุผลที่ต้องเสีย มีความจำเป็นก็ต้องทำ แต่อีกฝ่ายหนึ่ง มองว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินในยุคนี้ หากไม่จำเป็นจริง ๆ และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นำไปสู่การทำประชามติ ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว เพราะหากมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ต้องนำไปลงประชามติอีกครั้ง

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางของการแก้รัฐธรรมนูญ ของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธานยังไม่เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอยู่ระหว่างรอข้อเสนอให้ส่งมาว่าจะแก้ไขรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลมีความคิดอยู่แล้วว่าจะทำอะไร แต่ขอรอฟังเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ขณะนี้เท่าที่ทราบฝ่ายค้านคิดจะแก้อย่างหนึ่ง รัฐบาลคิดจะแก้อีกอย่างหนึ่ง และพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้คิดตรงกัน ขณะที่ ส.ว.ก็คิดจะแก้ไขเช่นกัน


“ เมื่อเข้าสู่สภา ต้องใช้ 2 สภา ส.ส.บวก ส.ว.ประมาณ 750 คน การโหวตจะต้องได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งถึงจะผ่าน คือ 375 เสียง ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผย และการนับคะแนน เสียงของ ส.ว.250 ต้องมีเสียงเห็นชอบกับแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาด้วย 1 ใน 3 หรือประมาณ 80 เสียง และหากเข้าสู่วาระ 3 ก็จะย้อนไปนับเสียงของฝ่ายค้านต้องมีเสียงเห็นชอบด้วย และหากได้ข้อสรุปว่าจะแก้ในรูปแบบไหน เป็นวิธี 1 ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากเป็นวิธีที่ 2 ก็จะต้องไปทำประชามติ ซึ่งต้องตกลงกันให้เข้าใจก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าจะแก้ในรูปแบบใด” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องยึดข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ชุดของนายพีระพันธุ์ทั้งหมด แต่หากถามใจรัฐบาลมีธงอยู่แล้วว่าจะแก้อะไร เพราะเมื่อบริหารงานมาตั้งแต่ปี 60 ก็พบปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นปัญหาตรงกัน โดยเฉพาะ ม.144 เพราะไปเปลี่ยนอำนาจ ส.ส.ในการพิจารณางบประมาณ ซึ่งเชื่อว่าหากจะแก้มาตรานี้ก็จะมีเสียงเห็นชอบอย่างท่วมท้น

เมื่อถามว่าการตั้ง สสร.นั่นหมายถึงการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญหมวด 15 ไม่ได้พูดถึง สสร. ดังนั้นการตั้งสสร.เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ คือ เท่ากับไปแก้ ม.256 ในหมวด 15 แต่หากมีการแก้แค่บทเฉพาะกาล ก็ไม่ต้องนำไปสู่การทำประชามติ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่เคยพูดว่าไม่ต้องการให้มีการตั้ง สสร.

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด เพราะยังไม่รู้จะรับมือในเรื่องใด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับฟัง และใช้ความเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งคิดว่าจะมีการพิจารณากันในสมัยประชุมหน้า เพราะสมัยประชุมนี้เหลือระยะเวลาอีก 1 เดือน ซึ่งเป็นการประชุมร่วม และต้องใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณและอีกหลายเรื่อง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]