นายกฯ ย้ำรัฐบาลส่งเสริมภาคธุรกิจไทยให้เข้มแข็ง

ทำเนียบฯ 24 ส.ค.-นายกฯ เป็นประธานมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 61 ย้ำรัฐบาลส่งเสริมภาคธุรกิจไทยให้เข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทั้งระบบ ฝากผู้ประกอบการผลักดันนำผลงานวิจัยใหม่ ๆ มาพัฒนา ยืนยันไม่เคยปิดกั้นสื่อฯ ย้ำเสนอข่าวสร้างสรรค์ รัฐบาลพยายามเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2561 (Prime Minister’s Export Award 2018 : PM Award 2018) รับรองคุณภาพของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สากล ในปีนี้ได้ใช้แนวคิด “Leading The Way” สะท้อนถึงเส้นทางเดินแห่งความสำเร็จของนักธุรกิจไทย ซึ่งจัดโดย สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล ว่า การส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนของประเทศบนเวทีโลก ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยอย่างดีเสมอมา รัฐบาลจึงได้มีนโยบายหลักที่มุ่งเน้นให้เกิดการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อีกทั้งนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ผลักดันให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยการเน้นใช้นวัตกรรมในการออกแบบและผลิต เพื่อเพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ทั้งยังเน้นสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการไทย โดยคงเอกลักษณ์แบบไทยอันโดดเด่นที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่นใด เมื่อภาคการส่งออกและภาคธุรกิจโดยรวมเข้มแข็ง ก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคส่วนอื่นภายใต้พลังประชารัฐ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากและภาคประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นเป็นลำดับ


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้รัฐบาลจะดูแลทั้งเรื่องการปรับเปลี่ยนการค้าให้ทันต่อสถานการณ์โลก ซึ่งบางครั้งต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่น การส่งออกของประเทศไทยลดลงเพราะมีปัจจัยการค้าภายนอกประเทศ ดังนั้นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ จะต้องมีการปรับตัว ใช้เทคโนโลยีใหม่ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งบางครั้งอยากให้ผู้ประกอบการนำผลงานวิจัยใหม่ ๆ ที่รัฐบาล หรือ มหาวิทยาลัยได้คิดค้นขึ้นมา นำมาพัฒนาสินค้าของตนเอง เพื่อเพิ่มมูลค่า

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ยึดหลักการแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่ยึดความมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญรัฐบาลนี้ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในการออกกฎหมาย พิจารณาเตรียมให้ใช้คลังข้อมูลบิ๊กดาต้า และช่วยเหลือบริการในการลงทุน ทั้งนี้ขอฝากภาคเอกชนช่วยสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง นอกจากนี้ผู้ประกอบการ จะต้องช่วยกันดูแลคนในประเทศด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยก แต่จะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน ตั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง 

“ปีหน้าได้เตรียมความพร้อมเป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล และตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้ชี้แจงการทำงานมาตลอด ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อย ซึ่งทุกเรื่องที่พูดได้บันทึกเป็นหลักฐานไว้หมด และการพูดผ่านรายการในทุกวันศุกร์ เป็นการสั่งงานข้าราชการไปในตัวด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องของประชาธิปไตย ว่า ได้ศึกษาจากตำราต่างประเทศ คำว่าประชาธิปไตย คือ ประชานิยม เพราะเป็นการเลือกคนที่นิยม และชื่นชอบ แต่ถ้าทำเป็นโครงการ ต้องเป็นประโยชน์และไม่มีผลต่อการเงินการคลังของประเทศ ไม่ใช่นำงบฯ เกินครึ่งของประเทศมาทำโครงการประชานิยม หรือให้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ตนพูด ต้องการสื่อไปถึงประชาชน รวมถึงพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ยังพยายามจะบิดเบือน ซึ่งกังวลว่าประชาชนจะเข้าใจผิดและจะย้อนกลับเป็นแบบเดิม เพราะที่ผ่านมา คนที่มีฐานะอาจไม่สนใจการเมืองมากนัก แต่คนที่มีรายได้น้อยมักสนใจการเมืองและการเลือกตั้ง ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ประชาชนจะเลือก และตนไม่สนใจว่าใครจะมาต่อว่าอะไรตน และยืนยันไม่เคยปิดกั้นการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

“ขอยืนยันว่าผมไม่เคยปิดกั้น ควบคุมหรือบังคับสื่อมวลชน และถ้ามีการบิดเบือน ทุกอย่างมีกลไกอยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่มีใครอยากมีปัญหากับสื่อฯ แต่วันนี้อาจต้องมีการดำเนินการบ้าง หากมีการบิดเบือนข้อมูล จึงขอเตือนสื่อฯ ให้ระมัดระวังการทำหน้าที่ แต่ไม่ได้เป็นการขู่สื่อฯ ซึ่งผมมักถูกสื่อฯ มองว่าเป็นคนใจร้อน ชอบระบายอารมณ์กับสื่อฯ จึงอยากให้มองย้อนกลับไปถึงการทำหน้าที่ของสื่อฯ ด้วย ขณะที่บางสัปดาห์ ผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ก็มีความสุขดี และตอนนี้เริ่มเลือกหนังสือพิมพ์บางฉบับในการติดตามข่าวสาร เพราะมีหนังสือพิมพ์บางฉบับไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศเลย บางครั้งการพาดหัวข่าว ถูกสื่อสารออกไปยังต่างประเทศ และอาจส่งผลต่อการค้าการลงทุน และการทำแบบนี้โดยไม่รับผิดชอบนั้นไม่ได้ และหากผมใช้อำนาจที่มีอยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ก็ไม่เคยใช้อำนาจในการดำเนินการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในปีนี้ มีผู้ประกอบธุรกิจได้รับรางวัลใน 7 ประเภท รวมทั้งสิ้น 35 รางวัล 32 บริษัท รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ถือเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จสูงสุดสำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไทย ทั้งสินค้าและบริการประเภทต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้ผู้ที่ได้รับรางวัลได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงทำให้ผู้นำเข้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพิ่มความเชื่อมั่นต่อผู้ส่งออกของไทยที่ได้รับรางวัลอีกด้วย ซึ่งจากผลการดำเนินโครงการ ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2561 ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 27 มีผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไทยที่ได้รับรางวัลแล้วกว่า 600 ราย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ