กรุงเทพ 17 มิ.ย.- “อลงกรณ์”หวังพรรคการเมืองเก่าและใหม่ยึดแนวทางปฏิรูปเร่งขับเคลื่อนระบบไพรมารี ชี้แม้ยากแต่ต้องทำเพื่อยกระดับเป็นสถาบันทางการเมือง
นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีหลายพรรคการเมืองกังวลเรื่องการเลือกตั้งขั้นต้น หรือ ระบบไพรมารีโหวตว่า จากประสบการณ์กว่า 20 ปีที่อยู่ในพรรคการเมืองและผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง เห็นว่า การเลือกตั้งขั้นต้นเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิรูปพรรคการเมืองและการพัฒนาประชาธิปไตย โดยการเพิ่มสิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของสมาชิกพรรคให้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความเป็นเจ้าของพรรคและ ส.ส.ของพรรคมาก ขึ้น หากทำได้พรรคการเมืองจะเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้พรรคการเมืองหลุดพ้นจากการถูกครอบงำของกลุ่มผลประโยชน์และนักการเมืองที่ใช้พรรคการเมืองแสวงหาประโยชน์ทุจริตคอร์รัปชั่นงบประมาณแผ่นดินและโครงการของรัฐดังที่เกิดขึ้นในอดีต
“หากต้องการปฏิรูปการเมืองให้บังเกิดผล ต้องเริ่มจากระบบไพรมารี ซึ่งหวังว่าพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่จะช่วยขับเคลื่อนระบบไพรมารีในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะยากและต้องสละอำนาจของผู้บริหารพรรคหรือกลุ่มผลประโยชน์ให้กับสมาชิกพรรคก็ต้องทำเพื่อยกระดับพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองและพัฒนาประชาธิปไตยแบบผู้แทน ที่ใช้มา80กว่าปีเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ระบบไพรมารีเริ่มเสนอโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เห็นพ้องต้องกัน โดยบรรจุระบบไพรมารีในกฎหมายพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองและเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้ง ยืนยันว่า สามารถปฏิบัติได้จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะเลื่อนระบบไพรมารีออกไป ไม่เช่นนั้นการปฏิรูปการเมืองก็ไม่สามารถนับหนึ่งได้และหากติดขัดเรื่องเวลาหรือแนวปฏิบัติใดๆก็ควรหารือร่วมกันระหว่างพรรคการเมืองและกกต.
ส่วนประเด็นที่อ้างว่าการเลือกตั้งขั้นต้นจะทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคก็ใช้ระบบการเลือกตั้งเหมือนกัน หรือประเด็นที่กังวลว่า ผู้สมัครส.ส.จะไปรวมสมาชิกเป็นกลุ่มก้อน เพื่อสนับสนุนตนเป็นผู้สมัครส.ส.นั้น เห็นว่าเป็นการดีกว่าที่ผู้สมัครส.ส.จะมุ่งหน้าหาสมาชิก มากกว่ามุ่งหน้าหาผู้ใหญ่ในพรรคหรือกลุ่มทุน อีกประเด็นคือ ปัญหาเรื่ององค์ประชุมของการเลือกตั้งขั้นต้นที่ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คนในเขตเลือกตั้งที่มีสาขาพรรคหรือจะมีสมาชิกไม่ถึง 50 คนในจังหวัดที่ไม่มีสาขาในเขตเลือกตั้งแล้ว จะดำเนินการไพรมารีไม่ได้ซึ่งหากพรรคการเมืองหาสมาชิกแค่ 50 คนใน 1 จังหวัดหรือ 100 คนในเขตเลือกตั้งที่มีสาขาพรรค ก็ไม่ควรตั้งเป็นพรรคการเมืองให้เสียเวลา เพราะหากคิดจะส่งส.ส.เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งต้องมีคะแนนหลายหมื่นคะแนน ดังนั้นหากแค่50-100 คนยังบอกทำไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น.- สำนักข่าวไทย