กระทรวงการต่างประเทศ 24 ส.ค.-ที่ปรึกษา รมว.กต. ย้ำ กต.เดินหน้าแจงต่างชาติ-ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ออตตาวา หลังพบ PMN-2 บริเวณจุดกัมพูชาดักซุ่ม ชี้กัมพูชาไม่เคยร่วมมือไทยเก็บกู้ ขณะที่โฆษก กต. ออกแถลงการณ์ซัดกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทยอีกแล้ว เตรียมส่งหลักฐานให้ IOT
นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำถึงการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ยังคงเดินหน้าคุยสื่อต่างประเทศ และสื่อภาษาอังกฤษสัญชาติไทยเพื่อสื่อสารประชาคมโลกต่อเนื่อง ซึ่งแม้กัมพูชา จะเชิญประชุมทูตกว่า 40 ประเทศเพื่อแก้เกี้ยวจากที่โดนประณาม เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร “ใหม่” และยังคงไม่จำนนต่อหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่เอ่ยว่า จะร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด พร้อมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับไทยแล้วนั้น ล่าสุดกองทัพของไทย ก็ได้มีการแถลงว่า “ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น” เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าในเวทีโลกต่อไปกรณีมีหลักฐานเพียงพอต่อการกระทำเช่นนี้ ที่ต้องถูกประณาม เพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง
นางสาวชยิกา ยังย้ำอีกว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุปะทะไทย ได้เรียกร้องให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเก่ามาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน แต่ไม่เคยได้รับความร่วมมือใด ๆ จากกัมพูชา และในทุ่นระเบิดที่มีการวางใหม่โดยกัมพูชานั้น หากไม่เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ก็คงไม่อาจรู้ได้เลยว่า กัมพูชาใช้ ซึ่งไทยก็ได้ทำการประท้วงตามช่องทางและตามกฎหมายระหว่างประเทศทันที และจะติดตามการกระทำของกัมพูชาอย่างใกล้ชิดและเข้มข้นต่อไปว่า จะปฏิบัติตามที่พูดว่าจะร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดจริงหรือไม่ หรือเพียงพูดแก้เกมส์ไปเพื่อลดแรงกดดัน เพราะ “การกระทำ” มักดังกว่า “คำพูด” เสมอ
ขณะที่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ ตามที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยและการตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของไทยโดยทหารกัมพูชาล่าสุดว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 หน่วยทหารไทยตรวจพบการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาบริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย จึงได้ขับไล่ทหารกัมพูชาออกไป หลังจากนั้น ได้มีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ และพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ณ จุดที่พบทหารกัมพูชาและบริเวณโดยรอบ จำนวน 3 ทุ่น พร้อมอาวุธอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นี้บ่งชี้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่า ฝ่ายกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย พันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา และเงื่อนไขหลายข้อของข้อตกลงหยุดยิงจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายไทยจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาต่อไป
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางเยือนนครเจนีวาในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อพบหารือกับประเทศที่มีบทบาทสำคัญในประเด็นทุ่นระเบิด รวมถึงคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา (Committee on Cooperative Compliance) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงการละเมิดอนุสัญญาฯ ของกัมพูชาหลายครั้งที่ผ่านมา รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด และใช้โอกาสนี้ ขอให้ประเทศต่าง ๆ เรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ระเบิดบริเวณชายแดน และในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ อย่างรับผิดชอบ.-312-สำนักข่าวไทย