“สุรเดช” แนะไทยอย่าหงอ กล้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ

กทม. 19 ก.ค.-“สุรเดช” แนะไทยอย่าหงอ กล้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ หวั่นกลุ่มการเมืองให้ข้อมูล “ทรัมป์” เรื่องความมั่นคง-กม.ม.112 ชี้ยอมไม่ได้ให้จาบจ้วงสถาบันฯ แทรกแซงไทย บีบให้เราจนตรอก เตือนระวังเจรจาสหรัฐฯ บอกจีนมองอยู่

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีภาษีสหรัฐฯ ว่าส่วนตัวคิดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการกดดันทุกประเทศให้ทำตามข้อตกลงที่ตัวเองต้องการ ซึ่งนอกจากเรื่องที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯแล้ว ตนคิดว่าน่าจะมีเรื่องอื่นด้วย โดยเฉพาะในส่วนของประเทศไทย ตนทราบมาว่าจะมีการคุยเรื่องของความมั่นคงด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไม่สมควรเลย และยังมีเรื่องของการแก้กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในเรื่องการแสดงออกของคนไทยเกี่ยวกับมาตรา 112 ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ


“ผมคิดว่าเป็นความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อยากเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยมากกว่า โดยเอาเรื่องของภาษีมาบังหน้า แทนที่จะคุยกันเรื่องการค้าอย่างเดียว การนำเข้าหรือส่งออก ถ้าขาดดุลก็ต้องมาคุยกันว่าต้องการให้เราทำอะไร ไม่เกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคง และผมคิดว่าทางรัฐบาลไทย จะเอาความมั่นคงไปแลกกับเรื่องภาษีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ และพรรคพลังประชารัฐเอง ก็คัดค้านเพราะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องของ มาตรา 112 ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช กล่าวว่าสิ่งที่ตนแปลกใจมากก็คือ ทางประธานาธิบดีทรัมป์ รู้เรื่องมาตรา 112 ได้อย่างไร หรือมีใครที่เป็นนักการเมือง หรือกลุ่มนักการเมือง ติดต่อไปหรือไม่ ตนไม่อยากให้ทำแบบนี้ ตนไม่ได้กล่าวถึงใคร แต่เราก็มีสิทธิ์คิดว่าอยู่ดี ๆ เขามาคุยเรื่อง มาตรา 112 ทำไม ซึ่งระบบการปกครองของเราแตกต่างกับทางสหรัฐ ฯ โดยสิ้นเชิงเพราะสหรัฐฯ มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นระบบแบบประธานาธิบดีที่ผ่านการเลือกตั้งกันมา ซึ่งคนละระบบกัน เพราะฉะนั้นเรื่องมาตรา 112 เป็นที่เข้าใจกันในประเทศไทยอยู่แล้วว่าใครจะไปละเมิดหรือจาบจ้วงไม่ได้ ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีนักการเมืองหรือพรรคการเมือง อาจมีการประสานหรือติดต่อไปทางสหรัฐฯ ตนสันนิษฐานแบบนี้ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริง และอยากจะส่งสัญญาณไปถึงทูตสหรัฐฯที่อยู่ในประเทศไทย ว่าควรจะส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลสหรัฐฯว่าอย่าทำเรื่องนี้ เพราะคนไทยรับไม่ได้ และต่อไปอาจจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมันไม่คุ้ม เพราะเรามีสัมพันธ์ที่ดีกันมายาวนานกว่า 200 ปี เราร่วมรบกับอเมริกามาโดยตลอด แค่เรื่องขึ้นภาษี 36% เราก็รู้สึกน้อยใจแล้ว ถ้าไปเปรียบเทียบกับเวียดนามซึ่งเป็นคู่อริกันมาตลอด ไปขึ้นภาษีเวียดนาม 20% แต่กับไทยซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ กลับจะมาขึ้นภาษี 36% ซึ่งตนไม่รู้เขาเอาอะไรคิด


นายสุรเดช ยังกล่าวว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงมาก คือเกษตรกรของไทย ซึ่งเราก็ต้องเจรจาให้เขาลดภาษีในส่วนของเกษตรกรลงได้หรือไม่ แต่ตนคิดว่าทางสหรัฐฯ ก็คงปฏิเสธ เพราะเขาอาจจะอ้างโมเดลของเวียดนาม และอินโดนีเซีย เหมือนเป็นการบีบให้เราไม่มีทางเลือก ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ต้องมาแก้ปัญหาภายในของเรา อย่างเช่นการเยียวยาเกษตรกร จะเยียวยาอย่างไรก็ต้องมาคิดว่าเป็นเกษตรกรจริงหรือไม่ รายย่อยหรือรายใหญ่ ถ้าเป็นรายใหญ่ที่ผูกขาด เราอาจจะไม่จำเป็น และทางกระทรวงพาณิชย์ อาจจะต้องมีนโยบายเชิงรุก โดยอาจสั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการตลาดเพิ่มเติม ที่ไม่เกี่ยวกับสหรัฐฯ ด้วย หรือใช้วิธีดีลกับประเทศสิงคโปร์ ที่คิดภาษีน้อยมาก แค่ 10% ซึ่งสิงคโปร์ก็พึ่งเราเยอะ ก็น่าจะคุยกับเขาได้

เมื่อถามว่า เราต้องระมัดระวังเรื่องการไปเจรจากับทางสหรัฐฯด้วยหรือไม่ เพราะทางจีนก็คงจะเฝ้าจับตาดูเราอยู่ด้วยเหมือนกัน นายสุรเดช กล่าวว่า ถูกต้อง ดังนั้นเราอาจจะต้องใช้เทคนิคเหมือนกันว่าเราจะต้องคุยกับสหรัฐฯ ว่าอย่าบีบเราให้หลังชนฝา หรือจนตรอก เพราะเราอาจไปจับมือกับจีน ทั้ง ๆ ที่เราไม่ต้องการจับมือกับใคร เราอยากมีพันธมิตรกับทุกประเทศ เพราะเราเป็นประเทศที่ต้องการหามิตร ไม่ได้ต้องการหาศัตรู อเมริกาก็เหมือนเพื่อนเก่าแก่ ส่วนจีนก็เหมือนญาติพี่น้อง เพราะฉะนั้นอย่าบีบเราจนเกินไป ถ้ายังไม่ยอมลดภาษีให้เรา ก็จะเป็นการบังคับให้เราหันไปเลือกข้างก็ได้

ส่วนความไว้วางใจของเราในฐานะฝ่ายค้านเกี่ยวกับการดีลโดยเฉพาะข่าวที่ทางสหรัฐฯต้องการมาตั้งฐานทัพเรือในประเทศไทย นายสุรเดชกล่าวว่า เรื่องของฐานทัพเรือ ถึงอย่างไรก็ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าตั้งฐานทัพเรือเมื่อไหร่ เราจะมีปัญหากับจีนแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง และคิดว่าทางอเมริกาก็ไม่น่าจะมาเสนอตรงนี้


ส่วนมองว่าการขับเคลื่อนของรัฐบาลเรื่องนี้ช้าเกินไปหรือไม่ นายสุรเดช กล่าวว่า ช้าเกินไปมาก ความจริงหลังจากเวียดนามมีความชัดเจนเรื่องภาษีแล้ว เราต้องดำเนินการเชิงรุกแล้วว่าถ้าอเมริกาเสนอเรามาแบบเวียดนาม เราจะทำอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้ทางอินโดนีเซีย หรือประเทศอื่น ๆ ชิงพื้นที่ไปก่อน จนถูกทิ้งไปอยู่ข้างหลัง ตนคิดว่าทุกอย่างต้องมีทางออก ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้หนี จึงคิดว่าน่าจะแก้ไขได้

นายสุรเดช กล่าวต่อว่าตนเคยพูดในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐว่าทางสหรัฐฯ กลัวอภิมหาโปรเจกต์คลองไทย หรือคอคอดกระ กลัวว่าเราจะขุดคลอง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้จีนที่เขาอยากให้ขุดคลอง เพื่อทำการค้าเชิงพาณิชย์ เราไม่อนุญาตให้เรือรบผ่านอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ และในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีการลงทุนกันหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ จะมารวมกันตรงนี้ แต่ถึงอย่างไรสหรัฐฯ ก็ไม่อยากให้ขุด เพราะฉะนั้นเราอาจจะเอาเรื่องนี้ขู่ไปบ้างก็ได้ ว่าอย่ากดดันเราให้เลือกข้าง เรื่องนี้เรากลัวไม่ได้ ถ้าเรากลัวเขา เขายิ่งขย่มเราใหญ่ เราจะไม่ไปเป็นลูกน้องใคร เราเป็นได้แค่พาร์ทเนอร์เท่านั้น ถ้าสหรัฐฯ ต้องการให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ เรายินดี แต่ถ้าให้เราไปเป็นคนรับใช้ หรือไปเป็นข้าทาส เราไม่เอา.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ตรึงกำลังเข้ม-รถจีโน่เข้าประจำการชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 20 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำรถจีโน่เข้าประจำการชายแดน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขณะที่น้ำใจชาวไทยหลั่งไหลสู่เจ้าหน้าที่ไม่ขาดสาย ส่วนที่จันทบุรี วางลวดหนามหีบเพลงตามจุดล่อแหลม.-สำนักข่าวไทย

Delayed flights at Brussels airport after cyberattack disrupts operations

เหตุโจมตีไซเบอร์ป่วนสนามบินในยุโรป

ลอนดอน 20 ก.ย. – สนามบินในยุโรปหลายแห่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ต่อระบบเช็กอินและการขึ้นเครื่อง ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและถูกยกเลิกบางส่วน ขณะที่สหรัฐมีเหตุขัดข้องที่สนามบินในเมืองดัลลัส ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษแจ้งเตือนเรื่องเที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากบริษัทคอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเช็คอินและขึ้นเครื่องให้กับสายการบินหลายสายในสนามบินหลายแห่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาทางเทคนิค ซึ่งอาจกระทบต่อผู้โดยสารขาออก   ขณะที่ท่าอากาศยานบรัสเซลส์ของเบลเยียมแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น การโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้ทำให้ระบบการเช็คอินอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องใช้การเช็คอินและขึ้นเครื่องด้วยระบบมือเท่านั้น ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อกำหนดตารางการบิน ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและยกเลิก ขอให้ผู้โดยสารที่มีกำหนดเดินทางในวันเสาร์ตรวจสอบกับสายการบินก่อนเดินทางไปยังสนามบิน ด้านท่าอากาศยานเบอร์ลินของเยอรมนีแจ้งข้อความผ่านเว็บไซต์ว่า เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการระบบเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ส่งผลให้การเช็คอินต้องใช้เวลานานขึ้น แต่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและท่าอากาศยานซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด อาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคอลลินส์ แอโรสเปซแจ้งว่า ทราบเรื่องซอฟต์แวร์ที่สนามบินบางแห่งมีปัญหาที่เกี่ยวกับไซเบอร์แล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อสนามบินเหล่านั้น ส่วนที่สหรัฐองค์การบริหารการบินแห่งชาติหรือเอฟเอเอ (FAA) ได้สั่งระงับเที่ยวบินขาออกมากกว่า 1,800 เที่ยวที่สนามบิน 2 แห่งของเมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัสเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น และต้องยกเลิกเที่ยวบินอีกหลายร้อยเที่ยว หลังจากระบบโทรคมนาคมเกิดปัญหาขัดข้อง เอฟเอเอระบุว่า ปัญหาการจราจรล่าช้าเกิดจากอุปกรณ์ของบริษัทโทรคมนาคมท้องถิ่นมีปัญหา ไม่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ของเอฟเอเอ และเอฟเอเอได้ร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุของปัญหาแล้ว.-816(814).-สำนักข่าวไทย

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]