เพื่อไทย 1 มิ.ย.-“ดนุพร” ชี้อำนาจปรับ ครม.อยู่ที่ นายกฯ เชื่อการปรับอยู่ภายใต้เหตุการณ์บ้านเมืองเหตุการณ์โลก ยันนายกฯอิ๊งค์ ยันคงทำงานหนักเพื่อประชาชน และเดินไปสุดทางของสมัยประชุมปี 2570 มั่นใจหากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือประชาชน โพล นายกฯจะดีขึ้น
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส. บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าสื่อสารไปยังประชาชนและการเมือง เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ชี้แจงว่าหลังจากมีการพูดคุยกับผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยหลายคน ทั้งหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ชี้แจงว่าการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว โดยพรรคเพื่อไทยพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง
และเชื่อว่าไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะปรับคณะรัฐมนตรีอย่างไร ตัวตั้งคือประชาชนซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พิจารณากฎหมายงบประมาณปี 2569 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีอยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะเห็นสมควร และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณา ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์บ้านเมืองและเหตุการณ์โลก ปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับงบประมาณ และสอดคล้องกับปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญอยู่
ส่วนมีการพูดถึงว่าจะมีการปรับ ครม. จะสลับกระทรวง ทบวง กรมหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของนายนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคร่วมหลายพรรค จากเสียงโหวต 322 เสียงที่โหวตเห็นชอบกฎหมายงบประมาณ
“และการที่ปรับกระทรวง ทบวง กรมเชื่อว่าหัวหน้าพรรค ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้ใหญ่ในพรรค จะได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค หากจะมีการปรับ ครม. เพื่อให้คณะรัฐมนตรีภายใต้นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เตรียมพร้อมทำงานหนักต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชน และหวังว่าชาตินี้จะไปถึงสุดทางของสมัยประชุมนี้และรับการเลือกตั้งในปี 2570 “ นายดนุพรกล่าว
นายดนุพรกล่าวถึงผลโพลสวนดุสิตโพลคะแนนนิยมระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร้อยละ 40.87 กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ร้อยละ 50.79 สะท้อนอะไรหรือไม่ ว่า ความนิยมเป็นไปได้ประชาชนเป็นห่วงในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ไทยเผชิญเชิญ ทั้งเรื่องภาษีทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา หรือวิจิตรสงครามต่างๆอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความกังวล และเกิดความเข้มแข็งสงสัยว่ารัฐบาลจะสามารถนำพาประเทศไปได้หรือไม่
โดยชี้แจงว่าเมื่องบประมาณปี 2569 หากผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว โดยมีการฉลองงบของโครงการดิจิทัลวิเล็ต1.57 แสนล้านบาท มากระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าหากเม็ดเงินจำนวนนี้ลงไปจะทำให้ประชาชนที่เกิดความระแวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศไทย
“เมื่อเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ลงไปสู่พี่น้องประชาชน หรือการกระจายตัวของเม็ดเงินแล้วจะทำให้สภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี จะต้องกลับมาเป็นอยู่ในใจของประชาชน และแน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง ที่มีการสำรวจโพลทุกไตรมาส เป็นเรื่องปกติ เชื่อว่าไม่ว่าโพลจะออกมาอย่างไร เชียวนายกรัฐมนตรี ทำงานหนักต่อไปและผลักดันนโยบายที่เป็นนโยบายหลัก ของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลให้ออกสู่ประชาชนได้” นายดนุพร กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย