พปชร.ไม่เห็นด้วยงบกระตุ้น ศก. 1.57 แสนล้าน ส่อเอื้อพวกพ้อง

พปชร. 27 พ.ค.- พปชร.ไม่เห็นด้วยงบกระตุ้น ศก. 1.57 แสนล้าน ลุกลี้ลุกลน ไร้แผนแม่บท ส่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ด้าน “ธีระชัย” ซัด โปรยเงินอย่างไร้ประโยชน์ เปิดช่องคอร์รัปชัน


นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรค และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค สส. และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุม

นายอัคร กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ระหว่างวันที่ 28-31 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะการเสนอโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบซึ่งพรรคพลังประชารัฐมองว่า รัฐบาลยังไม่มีแผนในการดำเนินการที่ชัดเจนในการนำไปใช้ประโยชน์ให้กับท้องถิ่นและแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน


นายธีระชัย กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำกับทาง สส.ของพรรคว่า ให้พิจารณางบประมาณในที่ประชุมสภาฯอย่างจริงจัง และให้เกิดผลเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง มีผลในการแก้ปัญหาปากท้องแก้ปัญหา การครองชีพของประชาชนอย่างแท้จริง งบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามความเห็นของตนยังไม่เป็นงบที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ขอเรียกว่าเป็นแผนการ 3 ไม่ ไม่ที่หนึ่งคือ ไม่ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เวลานี้เราเหลือกระสุนการคลังอยู่น้อย การจะใช้กรอบวงเงินถึง 1.57 แสนล้านบาทอย่างนี้ ควรจะเน้นทำให้ชุมชนระดับรากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ ควรจะทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง แต่ดูกระบวนการในการพิจารณานั้นเห็นชัดว่า ไม่ได้เข้าไปสอบถามความต้องการของชุมชนเลย เพราะเริ่มต้นโดยให้หน่วยงานงบประมาณเป็นผู้พิจารณาโครงการ เสนอไปที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแล เสนอไปที่รองนายกรัฐมนตรี และเข้าไปในคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ไม่ได้เปิดให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม ไม่ได้เปิดฟังเสียงของประชาชน

นายธีระชัย กล่าวว่า ไม่ที่สอง คือ ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพของชาติ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท กระจายหลายหัวข้อยิ่งกว่าหัวข้องบประมาณโดยรวมของประเทศ เป็นลักษณะการเสนอโครงการที่แตกกระจาย ไม่มียุทธศาสตร์องค์รวม ลักษณะเช่นนี้น่าสงสัยว่า มันมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ และไม่ที่สามคือ ไม่ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น เห็นได้ว่า ครม.อนุมัติแผนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. โดยกำหนดให้ยื่นโครงการอย่างกระชั้นภายในวันที่ 23 พ.ค. อันเป็นการส่อพิรุธว่า อาจมีวัตถุประสงค์เพื่อควักเอาโครงการเดิมที่ไม่สำคัญและถูกพักค้างเอาไว้ออกมาใช้เป็นหลัก ขาดการแสวงหาข้อมูลปัญหาล่าสุด จึงขอแนะนำแทนที่จะเน้นโครงการขนาดใหญ่ ควรทำโครงสร้างพื้นฐานระดับชุมชนมากกว่า เช่น เครื่องมือหรือเครื่องจักรการเกษตรขนาดเล็ก และโครงสร้างที่ลดต้นทุนการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชนโดยตรง เกณฑ์การคัดเลือกโครงการก็คลุมเครือ ไม่โปร่งใส โดยเกณฑ์ 8 ข้อที่รัฐบาลตั้งไว้ไม่ระบุน้ำหนักคะแนนที่ชัดเจน เสี่ยงต่อการเลือกตามใจนักการเมืองหรือพวกพ้อง จึงเสนอแนะให้ปรับเกณฑ์ให้มีน้ำหนักคะแนนชัดเจนเสียก่อน เช่น เน้นผลประโยชน์ต่อชุมชนและความคุ้มค่า 70% ความโปร่งใส 30% เป็นต้น พร้อมทั้งให้เปิดผลคะแนนต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนรับทราบและสามารถติดตามได้ การใช้กระสุนการคลังในช่วงเวลานี้ ควรจะเน้นเตรียมความพร้อมให้แก่ชาวบ้านและชุมชนรากหญ้ามากที่สุด และจะต้องไม่ทำเพื่อประโยชน์แก่ สส.หรือพรรคการเมืองใด

ด้านนายชัยมงคล กล่าวว่า งบประมาณปี 69 ครั้งนี้ เป็นงบที่ลุกลี้ลุกลน นายกรัฐมนตรีให้เหตุผลว่า เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีเลยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่า จะให้หน่วยงานใดตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่ามีเจตนาหรือผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงอยู่ หรือนำไปสู่การฮั้วระหว่างผู้มีอำนาจคือรัฐบาลกับนักการเมืองที่ในพื้นที่ เป็นการสมยอมกันในการแสวงหาผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งเป็นผลประโยชน์มิชอบ


”พรรคพลังประชารัฐ จึงมองว่า งบ 1.57 แสนล้านบาทนั้น เป็นงบที่ขาดแผนแม่บทขาดการวางแผนที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประชาชน วันนี้ทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อนเศรษฐกิจฝืด ไม่มีกำลังซื้อ ถามว่าโครงการต่างๆได้ตอบสนองตอบปัญหาเหล่านี้หรือไม่ อีกทั้งเป็นงบที่กระจุกนำไปสู่ผลงานไม่กระจาย กระจุกไปยังกระทรวงซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัฐบาล เป็นแนวร่วมที่ดี ผลงานจึงไม่กระจาย ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก หากแต่คิดถึงผลประโยชน์ของพวกพ้อง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจึงไม่เห็นด้วย”นายชัยมงคล กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]