เปิดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.-เปิดคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้ คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ประมาทไม่ตรวจสอบทุจริตขายข้าวจีทูจี สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้าน พร้อมกันทรัพย์ให้สามี

ศาลปกครองสูงสุด โดยนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด และตุลาการเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะในคดีออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษา เป็นให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เรื่อง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เฉพาะส่วนที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งเป็นต้นไป และให้เพิกถอนคำสั่ง ประกาศ และการดำเนินการใดๆ ของกรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 6 ที่มีคำสั่ง ประกาศหรือการดำเนินการใดๆ ในการยึด อายัดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อดำเนินการขายทอดตลาด อันเป็นการบังคับตามมาตรการทางปกครอง ที่สืบเนื่องจากคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เรื่อง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เฉพาะในส่วนที่เกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งเป็นต้นไป รวมทั้งให้ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง ดำเนินการสั่งการเกี่ยวกับการขอกันส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดเพื่อนำมาขายทอดตลาดตามสิทธิของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 37 รายการ และแจ้งให้กรมบังคับคดีจัดทำบัญชีรับ-จ่าย เพื่อกันส่วนให้นายอนุสรณ์ ในฐานะเจ้าของร่วม รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้แก่นายอนุสรณ์ ทราบภายใน 60 วัน นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษา

ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า คดีนี้รับฟังได้ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แยกพฤติการณ์การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนที่ 1 การดำเนินการ ในส่วนของนโยบายการรับจำนำข้าวเปลือก ที่แถลงต่อรัฐสภา ไม่มีส่วนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง แต่ในส่วนที่ 2 ในการดำเนินการ ให้การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบายรับจำนำข้าวเปลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน กขช.ย่อมอยู่ในฐานะที่จะต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการที่คณะรัฐมนตรี ในขณะนั้น อนุมัติให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ประจำปีการผลิต ระหว่างปี 2554-2557 ใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1 การตรวจสอบคุณสมบัติและรับรองเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 2 การนำข้าวเปลือกไปจำนำและเก็บรักษาข้าวเปลือก 3 การสีแปรสภาพข้าวเปลือกและเก็บรักษาข้าวสาร และ 4 การระบายข้าว ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้รับทราบว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีปัญหาเกิดขึ้น ก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก มีการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นในหลายขั้นตอน ขอให้นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ปล่อยปละละเลย เป็นช่องทางให้ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการกระทำการทุจริต อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมดังกล่าวไม่เป็นถึงการประมาทเลินเล่อ ศาลพิจารณาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในการจำนำข้าวเปลือก ประจำปีการผลิต ระหว่างปี 2554 -2557 แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี จากความเสียหาย กว่า 20,057,723,761.66 บาท เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบปัญหาการทุจริตแล้ว แต่ไม่ได้ติดตามกำกับดูแล เห็นได้จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน กขช. เข้าร่วมประชุม กขช.เพียงครั้งเดียว จนเกิดการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญาซื้อขายข้าว 4 ฉบับ ส่งผลให้มีปัญหาการระบายข้าวไม่ทัน ต้องเก็บรักษาข้าวในคลังเป็นเวลานาน จนข้าวเสริมคุณภาพ และสูญเสีย พฤติการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์จึงเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิดในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท ดังนั้น คำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.2559 ที่เฉพาะส่วนที่เรียกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


เมื่อคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยึด อายัดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อดำเนินการขายทอดตลาดในส่วนที่เกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน และเมื่อทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มาภายหลังจากการอยู่กินฉันสามีภริยากับนายอนุสรณ์ โดยมีเจตนาเปิดเผยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2538 อีกทั้งทั้งสองยังได้มีบุตรด้วยกัน พฤติการณ์ย่อมถือได้ว่า มีเจตนาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกัน นายอนุสรณ์ จึงย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่มีส่วนในทรัพย์สินเท่ากันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะไม่ปรากฏชื่อนายอนุสรณ์ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังกล่าวก็ตาม ดังนั้น นายอนุสรณ์ จึงเป็นผู้มีสิทธิขอกันส่วนในทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 6 การที่ กระทรวงการคลัง โดยปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิเสธการขอกันส่วนในฐานะเจ้าของรวมซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำละเมิดต่อ นายอนุสรณ์ ด้วย.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ลงโทษ “ชัยวัฒน์” ไล่ออกจากราชการ ปม ป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง

กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.- ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ มีคำสั่งลงโทษไล่ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ออกจากราชการ กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยพบพฤติการณ์ฮั้วประมูล และปลอมเอกสารตรวจรับงานที่ทำให้รัฐเสียหาย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 194/2568 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ให้ลงโทษนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ประเภทอำนวยการระดับสูง สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ้นจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. […]

กัมพูชาถือฤกษ์ 15 มิ.ย. ยื่นฟ้อง 4 พื้นที่พิพาทต่อศาลโลกแล้ว

พนมเปญ 15 มิ.ย. – เช้าวันนี้ รัฐบาลกัมพูชา ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ International Court of Justice (ICJ) เพื่อหาข้อยุติกรณี 4 พื้นที่พิพาท คือ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตากระเบ็ย หรือ ปราสาทตาควาย รวมทั้ง พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต หรือ ช่องบกของไทย รัฐบาลกัมพูชา กล่าวอ้างถึงเหตุการณ์เมื่อ 63 ปีที่แล้ว คือ วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ซึ่งถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พิพากษาให้กัมพูชา ชนะคดีเขาพระวิหาร โดยระบุว่า แม้เหตุการณ์จะห่างกัน 63 ปี แต่ความมุ่งมั่นและเจตจำนงของกัมพูชา ยังคงเหมือนเดิม คือ กัมพูชาเลือกที่จะใช้สันติวิธีโดยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ผ่านกลไกกระบวนการของศาล ICJ เพื่อแก้ปัญหาพิพาทเขตแดนในพื้นที่ที่เป็นจุดเปราะบาง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปะทะกันทางทหาร และเป็นพื้นที่ปัญหาที่ไม่อาจหาข้อยุติได้ด้วยกลไกระดับทวิภาคี ดังเช่น กรณีพื้นที่เขาพระวิหารเมื่อกว่า 60 […]

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง

กทม. 15 มิ.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]