“ไชยชนก” กระตุ้นทุกภาคส่วนรับมือภัยลานีญา-น้ำท่วม

อยุธยา​ 21 พ.ค. – “ไชยชนก” ยก อยุธยารับมือภัยน้ำท่วมดีที่สุด พร้อมกระตุ้นทุกภาคส่วนรับมือภัย ลานีญา-น้ำท่วม หวังนำความรู้จากคนในพื้นที่รับมืออุทกภัยทั่วประเทศ วอนทุกคนฟังเสียงเตือนจากธรรมชาติ ด้าน ปภ. มั่นใจเตือนภัยทันเวลาสถานการณ์น้ำ


นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ร่วมงานเสวนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “การเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณะภัยในระดับพื้นที่” ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกล่าวบนเวทีว่า ตนเป็นตัวตั้งตัวตีให้คนในพรรคภูมิใจไทย ตื่นตัวในความไม่ปกติของธรรมชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รวบรวมบูรณาการการทำงานระหว่างมหาดไทยและ อว. ในการเชิญภาคเอกชนมาระดมมันสมอง หาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นายไชยชนก​ กล่าวว่า​ สิ่งที่พวกเราได้ปรึกษาหารือและเจตนาของการรวมตัวกัน เพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะหน่วยงานหรือผู้บริหารท้องถิ่นทุกระดับ เรามาด้วยความนอบน้อม ตระหนักดีว่าประชาชนและฝ่ายบริหารของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีทั้งประสบการณ์ ความสามารถ องค์ความรู้ในการรับมือภัยน้ำท่วมดีที่สุดในประเทศ พวกเรารู้ดีว่าชาวอยุธยาไม่ใช่แค่เพียงปรับตัวกับสถานการณ์ภัยน้ำท่วมที่เผชิญทุกปี แต่ปรับถึงขั้นเป็นวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และความยืดหยุ่น มีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม


นายไชยชนก กล่าวอีกว่า เหตุผลหลักที่ตนมาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อบอกเพื่อสอน แต่เพื่อมาเรียนรู้ สิ่งที่เราคาดการณ์และวิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นคือ ลานีญาที่มาเร็วกว่าที่คิด และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ การมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างความรู้ แต่มาเพื่อเอาองค์ความรู้จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเจอภัยน้ำท่วมในอนาคต สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นของลานีญาจะมากขึ้นจนถึงกลางปีหน้า พวกเรารวมตัวมาเพื่อทำให้พวกท่านได้เห็นว่าเราเองก็ตื่นตัว ตระหนักถึงความไม่ปกติ จะทำหน้าที่ในแต่ละหน่วยงานอย่างสุดความสามารถ เพื่อมอบข้อมูลช่วยเหลือให้พวกท่านได้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเรามาเพื่อเรียนรู้จากพวกท่าน เพื่อนำข้อมูลไปช่วยคนไทย ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพวกท่าน

นายไชยชนก​ กล่าวว่า​ หน่วยงานต่างๆ มีข้อมูลและสถิติ ทำให้เห็นว่าความไม่ปกติเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ชาวบ้านทุกคนเห็นว่าไม่ปกติ ตนเชื่อว่าทุกท่านหากดูจากเดือนเมษายนจนถึงวันนี้ เจอสภาพอากาศถึง 4 ฤดูในวันเดียวกัน วนเวียนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ฝนตก 15 นาที เป็น 30 นาที จนตกทั้งวัน ในอนาคตจะตกยาว 3 วันที่จะขับเคลื่อนมาจากฝั่งตะวันตกไปทางตะวันออก ตนอยากให้ทุกท่านเปิดใจรับฟังธรรมชาติ รับฟังในสิ่งที่เราเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พายุเห็บในภาคอีสาน พายุฤดูร้อน น้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ธรรมชาติเตือนเราเสมออย่างเป็นขั้นตอน เราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าฤดูฝนจะหนักแค่ไหน ดินฟ้าอากาศไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ฤดูร้อนน้ำเยอะแบบไม่ปกติ สภาวะอากาศทั่วประเทศก็ไม่ปกติ และสถานการณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเรากำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งเดียวที่อยากจะให้ทำคือ เปิดใจรับฟังธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท แต่ละหน่วยงานตระหนักและระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้เห็นวันต่อวันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ฝนไม่ได้ตกหนักมากที่สุดในภาคกลาง แต่จะหนักที่ภาคเหนือและภาคอีสาน อยากให้ทุกคนระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำจะไหลร่วมกันจากแม่น้ำหลักและลงที่อยุธยา พวกท่านเตรียมตัวรับมือได้หรือไม่ วันนี้อยากจะให้เตรียมตัวและคอยดูสถานการณ์ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม จะได้แบ่งเบาและลดความเสียหายให้กับชาวอยุธยาจากการเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน

“พวกเราตื่นตัว แต่ความตื่นตัวของเราไม่ได้รองรับว่าจะไม่เกิดความเสียหาย แต่จะสามารถลดได้คือพวกท่านที่เป็นวีรบุรุษหน้างาน ที่คอยเตรียมตัว สื่อสาร และรับมือกับภัยที่จะเกิดขึ้น ช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ตื่นตัวไปกับเรา”นายไชยชนก​ กล่าว


นายภาสกร บุญญลักษม์​ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า​ ปภ.​ เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการจัดการสาธารณะภัยทุกประเภท ข้อมูล ปภ. ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะ 8 หน่วยงาน เมื่อได้รับข้อมูลมาที่ ปภ. จะรายงานข่าว วิเคราะห์ข่าว และกระจายข่าว ข้อมูลต้นทางต้องมาอย่างครบถ้วนในการจะออกคำเตือนแจ้งประชาชน ข้อมูลต้องชัดเจน ถึงจะแจ้งเตือนประชาชนตามข้อกำหนดของ ปภ. สำหรับผู้บริหารท้องถิ่นมีส่วนสำคัญ ไม่ใช่รับข้อมูลวิชาการและออกคำเตือน เราจะมองไม่เห็นพื้นที่จริงว่าเป็นอย่างไรถ้า ต้องรีเช็คไปในพื้นที่ให้ช่วยดูข้อมูลจากต้นทางว่าปริมาณน้ำฝนมีปริมาณเท่าไหร่ รวมทั้งเช็คในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร เป็นไปตามข้อมูลจริงหรือไม่ เมื่อพื้นที่ได้รับข้อมูลก็จะแจ้งมาที่ ปภ. จึงจะทำการแจ้งเตือนตามข้อกำหนด วิธีการแจ้งเตือนมีหลายระดับ ไม่ว่าเรื่องการรายงานทางแอพพลิเคชั่น LINE Facebook YouTube LINE Alert และ รวมทั้ง SMS แจ้งส่วนข้าราชการทุกจังหวัด เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารว่าพื้นที่ไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย ให้ทำความเข้าใจกับประชาชน แล้วแจ้งที่ศูนย์ ปภ. ทั้ง 18 เขต ที่มีเครื่องจักรสาธารณภัยขนาดใหญ่ สามารถจะนำเครื่องมือลงไปลงพื้นที่ช่วยประชาชนได้ทันที ช่วงอุทกภัย ปภ. เตรียมความพร้อมรวมทั้งนำเครื่องจักรไปอยู่ในจุดที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น รวมทั้งบุคลากรตามที่ร้องขอ

อธิบกี​ปภ. ยังกล่าวถึงวิธีการแจ้งเตือนว่ามีหลายช่วง หากความรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน ปภ. จะส่ง SMS และ Cell Broadcast (CBS) ที่ได้ทดสอบทั้งสามระบบ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากมีความจำเป็นจะนำ CBS มาใช้ แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน 100% คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนนี้ จะมีความสมบูรณ์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการแจ้งเตือนภัย และการแจ้งเตือนจะต้องมีระดับความรุนแรงมากกว่าที่กำหนด.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]