“ไชยชนก” กระตุ้นทุกภาคส่วนรับมือภัยลานีญา-น้ำท่วม

อยุธยา​ 21 พ.ค. – “ไชยชนก” ยก อยุธยารับมือภัยน้ำท่วมดีที่สุด พร้อมกระตุ้นทุกภาคส่วนรับมือภัย ลานีญา-น้ำท่วม หวังนำความรู้จากคนในพื้นที่รับมืออุทกภัยทั่วประเทศ วอนทุกคนฟังเสียงเตือนจากธรรมชาติ ด้าน ปภ. มั่นใจเตือนภัยทันเวลาสถานการณ์น้ำ


นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ร่วมงานเสวนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “การเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณะภัยในระดับพื้นที่” ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกล่าวบนเวทีว่า ตนเป็นตัวตั้งตัวตีให้คนในพรรคภูมิใจไทย ตื่นตัวในความไม่ปกติของธรรมชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รวบรวมบูรณาการการทำงานระหว่างมหาดไทยและ อว. ในการเชิญภาคเอกชนมาระดมมันสมอง หาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นายไชยชนก​ กล่าวว่า​ สิ่งที่พวกเราได้ปรึกษาหารือและเจตนาของการรวมตัวกัน เพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะหน่วยงานหรือผู้บริหารท้องถิ่นทุกระดับ เรามาด้วยความนอบน้อม ตระหนักดีว่าประชาชนและฝ่ายบริหารของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีทั้งประสบการณ์ ความสามารถ องค์ความรู้ในการรับมือภัยน้ำท่วมดีที่สุดในประเทศ พวกเรารู้ดีว่าชาวอยุธยาไม่ใช่แค่เพียงปรับตัวกับสถานการณ์ภัยน้ำท่วมที่เผชิญทุกปี แต่ปรับถึงขั้นเป็นวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และความยืดหยุ่น มีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม


นายไชยชนก กล่าวอีกว่า เหตุผลหลักที่ตนมาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อบอกเพื่อสอน แต่เพื่อมาเรียนรู้ สิ่งที่เราคาดการณ์และวิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นคือ ลานีญาที่มาเร็วกว่าที่คิด และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ การมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างความรู้ แต่มาเพื่อเอาองค์ความรู้จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเจอภัยน้ำท่วมในอนาคต สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นของลานีญาจะมากขึ้นจนถึงกลางปีหน้า พวกเรารวมตัวมาเพื่อทำให้พวกท่านได้เห็นว่าเราเองก็ตื่นตัว ตระหนักถึงความไม่ปกติ จะทำหน้าที่ในแต่ละหน่วยงานอย่างสุดความสามารถ เพื่อมอบข้อมูลช่วยเหลือให้พวกท่านได้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเรามาเพื่อเรียนรู้จากพวกท่าน เพื่อนำข้อมูลไปช่วยคนไทย ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพวกท่าน

นายไชยชนก​ กล่าวว่า​ หน่วยงานต่างๆ มีข้อมูลและสถิติ ทำให้เห็นว่าความไม่ปกติเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ชาวบ้านทุกคนเห็นว่าไม่ปกติ ตนเชื่อว่าทุกท่านหากดูจากเดือนเมษายนจนถึงวันนี้ เจอสภาพอากาศถึง 4 ฤดูในวันเดียวกัน วนเวียนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ฝนตก 15 นาที เป็น 30 นาที จนตกทั้งวัน ในอนาคตจะตกยาว 3 วันที่จะขับเคลื่อนมาจากฝั่งตะวันตกไปทางตะวันออก ตนอยากให้ทุกท่านเปิดใจรับฟังธรรมชาติ รับฟังในสิ่งที่เราเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พายุเห็บในภาคอีสาน พายุฤดูร้อน น้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ธรรมชาติเตือนเราเสมออย่างเป็นขั้นตอน เราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าฤดูฝนจะหนักแค่ไหน ดินฟ้าอากาศไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ฤดูร้อนน้ำเยอะแบบไม่ปกติ สภาวะอากาศทั่วประเทศก็ไม่ปกติ และสถานการณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเรากำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งเดียวที่อยากจะให้ทำคือ เปิดใจรับฟังธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท แต่ละหน่วยงานตระหนักและระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้เห็นวันต่อวันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ฝนไม่ได้ตกหนักมากที่สุดในภาคกลาง แต่จะหนักที่ภาคเหนือและภาคอีสาน อยากให้ทุกคนระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำจะไหลร่วมกันจากแม่น้ำหลักและลงที่อยุธยา พวกท่านเตรียมตัวรับมือได้หรือไม่ วันนี้อยากจะให้เตรียมตัวและคอยดูสถานการณ์ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม จะได้แบ่งเบาและลดความเสียหายให้กับชาวอยุธยาจากการเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน

“พวกเราตื่นตัว แต่ความตื่นตัวของเราไม่ได้รองรับว่าจะไม่เกิดความเสียหาย แต่จะสามารถลดได้คือพวกท่านที่เป็นวีรบุรุษหน้างาน ที่คอยเตรียมตัว สื่อสาร และรับมือกับภัยที่จะเกิดขึ้น ช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ตื่นตัวไปกับเรา”นายไชยชนก​ กล่าว


นายภาสกร บุญญลักษม์​ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า​ ปภ.​ เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการจัดการสาธารณะภัยทุกประเภท ข้อมูล ปภ. ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะ 8 หน่วยงาน เมื่อได้รับข้อมูลมาที่ ปภ. จะรายงานข่าว วิเคราะห์ข่าว และกระจายข่าว ข้อมูลต้นทางต้องมาอย่างครบถ้วนในการจะออกคำเตือนแจ้งประชาชน ข้อมูลต้องชัดเจน ถึงจะแจ้งเตือนประชาชนตามข้อกำหนดของ ปภ. สำหรับผู้บริหารท้องถิ่นมีส่วนสำคัญ ไม่ใช่รับข้อมูลวิชาการและออกคำเตือน เราจะมองไม่เห็นพื้นที่จริงว่าเป็นอย่างไรถ้า ต้องรีเช็คไปในพื้นที่ให้ช่วยดูข้อมูลจากต้นทางว่าปริมาณน้ำฝนมีปริมาณเท่าไหร่ รวมทั้งเช็คในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร เป็นไปตามข้อมูลจริงหรือไม่ เมื่อพื้นที่ได้รับข้อมูลก็จะแจ้งมาที่ ปภ. จึงจะทำการแจ้งเตือนตามข้อกำหนด วิธีการแจ้งเตือนมีหลายระดับ ไม่ว่าเรื่องการรายงานทางแอพพลิเคชั่น LINE Facebook YouTube LINE Alert และ รวมทั้ง SMS แจ้งส่วนข้าราชการทุกจังหวัด เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารว่าพื้นที่ไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย ให้ทำความเข้าใจกับประชาชน แล้วแจ้งที่ศูนย์ ปภ. ทั้ง 18 เขต ที่มีเครื่องจักรสาธารณภัยขนาดใหญ่ สามารถจะนำเครื่องมือลงไปลงพื้นที่ช่วยประชาชนได้ทันที ช่วงอุทกภัย ปภ. เตรียมความพร้อมรวมทั้งนำเครื่องจักรไปอยู่ในจุดที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น รวมทั้งบุคลากรตามที่ร้องขอ

อธิบกี​ปภ. ยังกล่าวถึงวิธีการแจ้งเตือนว่ามีหลายช่วง หากความรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน ปภ. จะส่ง SMS และ Cell Broadcast (CBS) ที่ได้ทดสอบทั้งสามระบบ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากมีความจำเป็นจะนำ CBS มาใช้ แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน 100% คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนนี้ จะมีความสมบูรณ์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการแจ้งเตือนภัย และการแจ้งเตือนจะต้องมีระดับความรุนแรงมากกว่าที่กำหนด.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ติดป้ายให้ ‘ชาวกัมพูชา’ รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน

สระแก้ว 4 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งติดป้ายให้ชาวกัมพูชา รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน ในส่วนของไทย หากฝ่าฝืนเอาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง-ป่าไม้ โทษปรับ-จำคุก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จ.สระแก้ว ติดตั้งประกาศบังคับใช้กฎหมายชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยป้ายมี 3 ภาษา ไทย-กัมพูชา-อังกฤษ พร้อมแผนที่ ระบุว่า “ประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 […]

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]