สว.ฉัตรวรรษ ขอโทษ กกต. ใช้คำก้าวร้าว

รัฐสภา 15 พ.ค.-สว.ฉัตรวรรษ ขอโทษ กกต. ใช้คำก้าวร้าว ยันไม่คิดเป็นการสัมภาษณ์สื่อ คิดแค่คุยธรรมดา เตรียมนัดคุยเพื่อน สว. ที่ถูกหมายเรียก 19 พ.ค.นี้ ขอตั้งหลักก่อน ยังไม่รู้จะแจงอะไร

พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงชี้แจงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลธรรมนูญ มีมติสั่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฎิบัติหน้าที่กำกับดูแลกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า จากข่าวที่ถูกนำเสนอเหมือนการใช้คำรุนแรงนั้น ถือเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์กับสื่อมวลชนกันธรรมดา เป็นพี่เป็นน้องอาจใช้คำพูดในลักษณะหนึ่ง ที่มีนักข่าวผู้หญิงโทรศัพท์ หาตนซึ่งเพิ่งลงจากเครื่อง และสื่อไม่ได้บอกว่าจะขอเป็นข่าว ส่วนการแถลงข่าวคือการแถลงข่าว ต่อสาธารณะในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนักข่าวได้สอบถามกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอซึ่งตอนนั้น ตนจำไม่ได้ทั้งหมดว่าพูดคุยอะไรไปบ้าง แต่ดูจากภาพข่าวเข้าใจได้ว่า ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ สิ่งที่เห็นว่าไม่สมควรคือการพูดคุยไม่น่าไปอัดคลิป และนำไปออกข่าวนำเสนอ ถ้าบอกก่อนว่าจะอัดคลิป ไปเสนอข่าวจะใช้คำพูดอีกแบบ แต่ถ้าพูดคุยกันธรรมดา จะพูดคุยตามประสา


พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่าวันนี้ จึงมาขอโทษที่ พูดไปทำให้สังคมเข้าใจว่า ตนเป็นคนที่ไม่มีเจตนาก้าวร้าว ไม่เคารพในองค์กร ขออนุญาตบอกว่าตนไม่มีจิตใจเป็นเช่นนั้น การแถลงข่าวทุกครั้งจะเคารพทุกองค์กรและขอโทษสังคมจริงๆ ต่อข่าวที่ได้เผยแพร่ไป และไม่ถือโทษโกรธผู้ที่อัดคลิป แม้จะมองว่าเป็นการผิดจริยธรรมของสื่อมวลชน ตนพร้อมที่จะให้ข้อมูล แต่ต้องบอกว่าอัดคลิปหรือเชิญไปให้สัมภาษณ์ ก็จะตอบให้ จึงอยากมาชี้แจงและขอโทษโดยเฉพาะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกเรื่องพร้อมที่จะพิสูจน์ สว.ทุกคนก็พร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายทำด้วยความสุจริตและโปร่งใสเราพร้อมหมด แม้กระทั่งการไปชี้แจงต่ออนุกรรมการ กกต. หรือในส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนข้อเท็จจริง คือข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงอาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ ในส่วนที่เรารับทราบมา ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าข้อมูลที่จะไปให้การต่ออนุกรรมการ กกต. แม้จะเป็นคนหนึ่งที่ได้รับหมายเรียก

พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า ในฐานะเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ การเชิญกลุ่มคนมาให้ถ้อยคำหรือเป็นพยานต้องชี้แจงประเด็นว่าจะ สอบประเด็นใดบ้าง ไม่ใช่แจ้งข้อหาผิด เกี่ยวกับการกระทำ เท่าที่ได้อ่านเอกสารดู ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปตอบประเด็นใด ทั้งนี้อยากย้อนกลับไปยังผู้ตั้งคำถามที่กล่าวหา ว่ามีประเด็นที่จะให้ตอบหรือไม่อย่างไร และในเอกสารระบุว่าจะไปให้ถ้อยคำหรือไม่ไปก็ได้ พร้อมให้มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดติดตามไปด้วยก็ได้ 1 คน ซึ่งถ้าสอบกันโดยเที่ยงธรรมก็ต้องสอบทั้ง 200 คน ไม่ใช่จะเอากลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไปตั้งสีนั้นสีนี้ ตนไม่เข้าใจ ไปแล้วไม่สามารถไปตอบคำถามท่านได้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องดูเหตุและผล โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ที่ถูกเรียกหรือที่จะต้องถูกเรียกในอนาคตให้เป็นรูปแบบเดียวกัน ยังมีเวลาอยู่ก่อนจะถึงวันที่ 19 พ.ค.


“ผมในฐานะตำรวจอาชีพการพูดคุยกับใครหรือการอัดคลิป ถือว่าไม่ให้เกียรติ ควรมาพูดคุยกัน ยิ่งถ้าเป็นผู้บังคับบัญชาสายตำรวจเรียบร้อยเลย เราไม่เคยกระทำ ผมไม่ถือโทษ แต่ต้องขอโทษสังคมหากข่าวที่เสนอไปกระทบสังคมไม่ว่าองค์กรใดโดยเฉพาะ กกต. ผมมีความเคารพเพราะการได้มาของผม กกต. พิจารณาว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมแต่ตอนนี้เมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องทำไปตามกระบวนการ ผมพร้อมรับทุกเงื่อนไขทุกกรณีที่กกต.พิจารณาวินิจฉัย เรื่องการได้มา สว. ตามรัฐธรรมนูญ” พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าว

ส่วนสาเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง แต่การดำเนินการของดีเอสไอ มีความไม่โปร่งใส ทำให้ประชาชนที่ถูกเรียกสอบเป็นพยานโดยเฉพาะในจังหวัดอำนาจเจริญ ทำให้ สว.อำนาจเจริญ ได้รับความเดือดร้อนจากคนที่ถูกพนักงานสอบสวนของดีเอสไอสอบสวน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม รู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ จึงร้องเรียนมาที่ สว. อำนาจเจริญ และนำมาเสนอที่วุฒิสภา ซึ่งตนพิจารณาแล้วเห็นควรให้ยื่นเพิ่มเติมไปต่อศาลรัฐธรรมนูญเพราะมองว่าการสอบสวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแต่เป็นการได้ว่าซึ่ง สว. ซึ่งไม่เข้าข่ายคดีพิเศษ แต่จะเป็นเพราะประเด็นนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่อาจก้าวล่วงการพิจารณาของศาลได้

ส่วนแนวทางการต่อสู้ประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องสัญญาว่าจะให้ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า การจะต่อสู้คดีเราจำเป็นต้องได้ข้อเท็จจริงจากข้อกล่าวหาก่อนว่า ตนไปสัญญาว่าจะให้กับใครที่ไหนอย่างไร เพื่อให้มีประเด็นที่จะไปตอบคำถาม ถ้าบอกแค่ว่ามีความผิดเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว. แบบกว้างๆ ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปตอบประเด็นไหน ซึ่งวันนี้ตนกลับมาอ่านเอกสารแล้วจะกลับไปทำคำชี้แจงของตัวเอง ยืนยันว่าจะชี้แจงอย่างแน่นอนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์แต่จะต้องเป็นขั้นเป็นตอน แต่ถ้า กกต. ไม่เชื่อตรงไหนจะกำหนดวันไปชี้แจงด้วยตนเอง


ส่วนการนัดหารือกับเพื่อน สว. ที่ถูกออกหมายเรียกและคาดว่ากำลังจะถูกออกหมายเรียกนั้น พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงของแต่ละคนเป็นอย่างไรและในแต่ละพื้นที่บริบทไม่เหมือนกันคงจะไปชี้แจงแทนใครไม่ได้ แต่รูปแบบการชี้แจงและการได้มาคงคล้ายคลึงกัน

สำหรับกรณีที่ สว. ไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 นั้น พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นการต่อสู้ แต่เป็นการพิสูจน์ การได้มาซึ่งสว. ทุกคน เราพร้อมให้พิสูจน์ เราไม่ได้ไปรบกับใคร แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียวมาตลอดจากการให้สัมภาษณ์สื่อ แต่เราไม่มีอะไรไปต่อสู้ทั้งที่ทุกวันนี้เราแทบจะเป็นจำเลยของสังคม แต่เราก็ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ ตราบใดที่ กกต.รับรองเราว่ามาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเสนอมาที่ เลขาธิการวุฒิสภารับรองให้เราปฏิบัติหน้าที่ เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่ให้ไว้เท่านั้น ไม่ได้ไปก้าวก่าย

เมื่อถามว่ายอมรับกรมตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 แล้วหรือไม่ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า เขาได้พยานจากไหนตนไม่ทราบ แต่เมื่อมาประเมินแล้วว่าในชุดนี้มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอด้วย จึงน่าจะรับการตรวจสอบของดีเอสไอทั้งหมดเข้ามาพิจารณาและใช้อำนาจอนุกรรมการ กกต. เรียก สว.เข้าไปให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารไปชี้แจง ซึ่งเราอาจต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เพราะอาจมี สว.ติดภารกิจหรือเดินทางไปต่างประเทศ และส่วนตัวจะขอตั้งหลักก่อนพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]