อธิบดี ปภ. ย้ำทุกหน่วยงานช่วยเหลือเยียวยาประชาชน

กทม. 29 มี.ค.-อธิบดี ปภ. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แผ่นดินไหวและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ย้ำทุกหน่วยงานร่วมเป็นกลไกการทำงานภายใต้ บกปภ.ช. เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวและความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ว่า จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร ในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง สามารถรับรู้แรงสั่นไหวได้ในพื้นที่ รวม 57 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ยโสธร เลย สกลนคร อุดรธานี ชัยนาท นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สระบุรี อ่างทอง จันทบรี ฉะชิงเทรา ชลบุรี ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง สุราษฎร์ธานี รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยมีแผ่นดินไหวตาม (Aftershock) ขนาด 2.8 – 7.1 รวม 56 ครั้ง เบื้องต้นได้รับรายงานความเสียหาย 13 จังหวัด และกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิต จำนวน 9 ราย ผู้บาดเจ็บ จำนวน 9 ราย และผู้สูญหาย จำนวน 101 ราย ปัจจุบันมีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดแพร่ รวมทั้งกรุงเทพมหานครที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติเต็มพื้นที่ ในส่วนของความเสียหายในพื้นที่จังหวัดอื่นนั้นขณะนี้ได้รับรายงานความเสียหายจาก 14 จังหวัด ดังนี้


จ.เชียงใหม่ อาคารจอดรถโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อาคารคอนโดศุภาลัยมอนเต้ 1 และ 2 ผนังเกิดความเสียหาย อาคารดวงตะวันคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น โครงสร้างได้รับความเสียหาย วัดสันทรายต้นกอกมีเจดีย์ร้าว และอ.ดอยเต่าส่วน ต่อเติมบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 1 หลัง อ.พร้าว ต.ทุ่งหลวง ม.6 บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 2 หลัง ต.สันทราย บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลัง อ.หางดง ต.หางดง หลังคาของอาคารหอพักรัชดาได้รับความเสียหายจากแทงค์น้ำตกจากเสา กำแพงบ้านประชาชนล้มประมาณ 10 ม. อาคารโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 มีรอยร้าวตามอาคารเรียน วัดน้ำล้อม ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง วิหารมีรอยร้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.เชียงราย ผนังอาคารโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เกิดรอยร้าวเล็กน้อย หลังคาของอาคารวัฒนธรรม วัดท่าข้าม ต.ศรีดอนชัย ได้รับความเสียหายบางส่วน อ.ป่าแดด คานคอนกรีตบริเวณสถานีรถไฟป่าแดด (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) หล่นทับรถยนต์ จำนวน 6 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต


จ.ลำพูน อ.ป่าซาง ต.ปาซาง ซุ้มประตูวัดพาณิชน์สิทธิการามโค่นล้มเสียหาย ต.แม่แรง หอระฆังวัดดอนตอง เสียหาย อ.ลี้ ต.ป่าไผ่ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง ต.ลี้ บ้านเรือนเสียหาย 23 หลัง ผนังอาคารโรงพยาบาลลี้มีรอยร้าว อ.บ้านธิ ต.ห้วยหยาบ โรงเก็บไม้ถล่มเสียหาย อ.เมืองฯ ต.บ้านแป้น ซุ้มประตูบ้านผู้ใหญ่บ้านล้มเสียหาย ต.หนองช้างคืน โรงเก็บของพังเสียหาย ต.ริมปิง บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง ต.ป่าสัก ระบบท่อประปาหมู่บ้านเสียหาย ต.เหมือนจี้ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง ต.มะเขือแจ้ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง ต.หมืองง่า หลังคาโบสถ์วัดบ้านหลุกเสียหาย ต.ต้นธง ผนังอาคาร รพ.ลำพูน เสียหาย อ.บ้านโฮ่ง ต.บ้านโฮ่งหอนาฬิกาบ้านห้วยกาน เสียหาย ผนังอาคาร รพ.บ้านโฮ่ง เสียหาย ต.หนองปลาสวาย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง เมรุวัดสันเจดีย์ริมปิง เสียหาย อ.เวียงหนองล่อง ต.หนองล่อง อาคารที่ว่าการอำเภอเวียงหนองล่อง มีรอยร้าวอ.แม่ทา ต.ทาสบเส้า ผนังอาคาร รพ.แม่ทา มีรอยร้าว อาคารสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่ทามีรอยร้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.ลำปาง อ.สบปราบ ต.สมัย บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง สำนักสงฆ์ 1 แห่ง อ.เกาะคา ห้องน้ำกองร้อย อส.
อำเภอเกาะคา เสียหาย ศาลาวัดลำปางหลวงเกิดรอยร้าว อ.เมืองฯ อาคาร รพ.ลำปาง มีรอยร้าว เสาอาคาร มทร.ล้านนาลำปางเสียหาย อ.แม่ทะ ต.บ้านกิ่ว บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6 หลัง ต.นาครัว บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง โรงรถ 1 แห่ง อาคาร อบต.บ้านกิ่ว มีรอยร้าว 2 หลัง อ.แม่พริก ต.แม่พริก บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 10 หลัง อาคาร รพ.แม่พริก มีรอยร้าว อ.งาว ต.บ้านแหง บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 7 หลัง อาคารเก็บพืชผลการเกษตร 2 หลัง อ.ห้างฉัตร ต.ปงยางคก บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง ต.แม่สัน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง ต.ห้างฉัตร วัดพระธาตุปางม่วง เสียหาย อ.วังเหนือ ต.วังซ้าย กุฏิวัดบ้านสบม่า เสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและสียชีวิต

จ.แม่ฮ่องสอน อาคารศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนหลังใหม่มีร้อยร้าว อ.ปาย ศาลาริมทางแหล่งท่องเที่ยวกองแลน อาคารโรงพยาบาลปาย โรงเก็บกระเทียม ได้รับความเสียหาย อ.ขุนยวม อาคารโรงพยาบาลขุนยวม มีรอยร้าว อ.สบเมย ทางเดินเชื่อมอาคารโรงพยาบาลสบเมย ได้รับความเสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต


จ.แพร่ อ.เมืองฯ โรงจอดรถภายในบ้านเลขที่ 234 ต.ป่าแมต ได้รับความเสียหายบางส่วน
ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.เพชรบูรณ์ อ.เมืองฯ อาคารโรงเรือนการเกษตร ได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.สุโขทัย อ.ศรีสำโรง อาคารโรงยาสูบ เสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต3

กรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่ม บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักรลักษณะเป็นอาคารระหว่างการก่อสร้าง สูง 30 ชั้น เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 8 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ผู้สูญหาย 101 ราย เขตบางซื่อ เครนก่อสร้างถล่ม บริเวณแยกบางโพ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

จ.พระนครศรีอยุธยา อ.ลาดบัวหลวง แท็งก์น้ำทรุดตัวในพื้นที่ ม.6,7 ต.สิงหนาท ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.นนทบุรี อ.เมืองฯ รพ.พระนั่งเกล้า ฝ้าเพดานบนชั้น 17 ร่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ตัวอาคารมีรอยแตกร้าวและร่วงลงพื้น 3 จุด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.สมุทรปราการ อ.พระประแดง วัดโปรดเกศเชษฐาราม ม.11 ต.ทรงคนอง ระเบียงบริเวณด้านหน้าโบสถ์เกิดการแตกร้าวเล็กน้อย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.สมุทรสาคร อ.เมืองฯ อาคาร รพ.สมุทรสาคร มีรอยร้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จ.ชัยนาท อ.เมืองฯ เมรุวัดลัดเสนาบดี เสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ในทุกพื้นที่ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรสาธารณะกุศล ภาคเอกชน และจิตอาสา และพลเรือน ได้เข้าให้การช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับการปฏิบัติของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เมื่อคืนนั้น ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระดมทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR) จำนวน 48 นาย พร้อมอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณชีพและอุปกรณ์พิเศษเข้าสนับสนุนการปฏิบัติให้กับกรุงเทพมหานครในบริเวณจุดที่มีอาคารถล่มและมีผู้ติดค้างและสูญหาย และได้ร่วมกับ กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือส่ง SMS แจ้งประชาชน จำนวน 4 ครั้ง โดยเมื่อเวลา 14.42 น. แจ้งประชาชนสามารถเข้าอาคารได้กรณีจำเป็น เวลา 16.07 น. แจ้งข้อควรปฏิบัติกรณีเกิดแผ่นดินไหว เวลา 16.09 น. แจ้งข้อควรปฏิบัติหลังเกิดแผ่นดินไหว และเวลา 16.45 น. แจ้งประชาชนสามารถเข้าอาคารได้หากได้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารแล้ว และเพื่อให้เกิดเสถียรภาพในการทำงาน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้สั่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตรียมพร้อมกำลังพลและเครื่องจักรกลสาธารณภัยของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทั้ง 18 ศูนย์เขต เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ และเตรียมพร้อมสนับสนุนหากได้รับการร้องข้อ ปัจจุบัน ปภ. ได้ส่งกำลังพลพร้อมด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย กว่า 14 รายการ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี เขต 2 สุพรรณบุรี เขต 3 ปราจีนบุรี และเขต 16 ชัยนาท เข้าร่วมปฏิบัติการสนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเตรียมความพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยกว่า 355 รายการ ให้พร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนของจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตลอด 24 ชั่วโมง

“กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัด และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้ากรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะปักหลักติดตามสถานการณ์และประสานการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ การให้ความช่วยเหลือ รวมถึงวิธีการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews และหากประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ผ่านไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]