รัฐบาลเดินหน้าปราบแก๊งคอลฯ คดีลดลง 20%

ทำเนียบ 17 มี.ค. – “ประเสริฐ” เผยรัฐบาลเดินหน้าปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน คดีลดลง 20% มูลค่าความเสียหายลด 200 ล้านบาท


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงความคืบหน้าเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการเรื่องปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง จริงจังและเด็ดขาด ส่งผลให้การดำเนินตามมาตรการของรัฐบาลเห็นผลเป็นรูปธรรม กระทบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชัดเจน
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการบังคับใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า สถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยพบว่า ระหว่างวันที่ 1 – 31 มกราคม 2568 มีการแจ้งความทั้งสิ้น 31,159 คดี และหลังจากมาตรการตัดน้ำ – ตัดไฟ และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยประมาณ 20% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่เดิมมีการรับแจ้งมากกว่า 1,000 คดีต่อวัน โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์ที่มิจฉาชีพเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายที่สุด ลดลงจากเดิมร้อยละ 67 ซึ่งการลดลงของสถิติคดีอาชญากรรมดังกล่าว เป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการเข้มข้นของรัฐบาลและการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ข้อมูลจาก AOC 1441 พบว่าประชาชนที่โทรเข้ามา มีจำนวนมูลค่าความเสียหายที่ลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ประมาณ 200 ล้านบาท และเมื่อเทียบมูลค่าความเสียหายในเดือน ม.ค. – ก.พ. ของปี 2567 กับปี 2568 แล้วพบว่าความเสียหายลดลงถึง 30% ดังนี้

1.คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ ลดลงร้อยละ 88.64 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 94.24  2.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 17.51 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 55.49  และ 3.คดีหลอกลวงให้ลงทุนที่เป็นความผิดทางพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 62.22 มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ 97.21


นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มตระหนักถึงภัยจากการหลอกลวงมากขึ้น ผ่านการให้ความรู้และการแจ้งเตือนจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามแม้จะเห็นความคืบหน้าในบางด้าน แต่รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน
 
ด้าน พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาและเมียนมาในการกวาดล้างเครือข่ายที่ใช้พื้นที่แนวชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ โดยที่ผ่านมามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 5,251 ราย โดยแบ่งเป็นการส่งตัวกลับประเทศต้นทางแล้ว 3,533 ราย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 1,718 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและอินเดีย นอกจากนี้ ฝั่งเมียนมาก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในเขตแม่สอด ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการลักลอบข้ามแดนไปทำงานผิดกฎหมาย มีรายงานว่าตั้งแต่ต้นปี 2568 มีชาวต่างชาติผ่านเข้าเมืองที่แม่สอดแล้ว 3,652 ราย และจากการให้ข้อมูลและสอบถาม พบว่ามีชาวต่างชาติประมาณ 5% ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศโดยสมัครใจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามิจฉาชีพมักใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการอ้างตนเป็น “เหยื่อ” ของขบวนการค้ามนุษย์เพื่อหลบเลี่ยงการดำเนินคดี แต่จากความร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชา ทางการไทยสามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก เช่น ข้อมูลโทรศัพท์ บัญชีธนาคาร และหลักฐานดิจิทัลอื่น ๆ จนสามารถพิสูจน์ความเกี่ยวข้องของผู้ต้องหาได้อย่างชัดเจน
 
“รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิติการจับกุมที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าการดำเนินมาตรการต่างๆ มาถูกทาง รัฐบาลจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ เรายังคงเดินหน้าปราบปรามอย่างเข้มข้น เพิ่มมาตรการควบคุมชายแดน และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตรวจสอบและประมวลผลให้แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อทำลายขบวนการนี้อย่างสิ้นซาก โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล คือ การทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตประจำวัน” นายประเสริฐ กล่าว

รองนายกฯ ยังกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักจนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและลดความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของทุกคน .314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]

ศาล รธน. สั่ง ​”แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่​นายกฯ​

ศาลรัฐธรรมนูญ 1 ก.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ​”แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่​นายกฯ​ หลังรับคำร้อง 36 สว. ยื่นถอดถอน ปมคลิปเสียงคุย “ฮุน เซน” ผิดจริยธรรม​ เปิดชื่อ 2 ตุลาการเสียงข้างน้อย “นครินทร์-อุดม” ไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แค่ห้ามใช้อำนาจหน้าที่ด้านความมั่นคง-การต่างประเทศ-การคลัง ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมปรึกษาคดีที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องของ 36 สว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีคลิปเสียงสนทนาเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชากับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 […]

รวบ 2 ผู้ต้องหาปล้นเงินกลางห้างดัง ยึดของกลาง 1.9 ล้าน

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ผบช.น. แถลงรวบ 2 ผู้ต้องหาปล้นเงินกลางห้างดัง ตามยึดของกลางคืนแล้ว 1.9 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 คน ขออนุมัติศาลออกหมายจับบ่ายนี้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวเปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหาปล้นเงินสดจำนวน 3.4 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว และ น.ส.นานา โดยสามารถตามจับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเวลา 01.00 น.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดจำนวน 1.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนแบ่งจากการกระทำความผิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุ บัญชีธนาคารและบัตร ATM รวมทั้งสิ่งของที่ได้มาจากการทำความผิดก่อนหน้านี้ของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การยอมรับสารภาพจากการจำนวนต่อหลักฐาน โดยอ้างว่า นายเฌอพัชญ์ จะทำหน้าที่เป็น Agent หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ผ่านกลุ่ม Facebook […]

“สรวงศ์” ยันเร่งแก้ระบบล่ม หลังแห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”

ทำเนียบ 1 ก.ค.- “สรวงศ์” ยันเร่งแก้ปัญหาแอปฯ ล่ม หลังปชช.แห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เผยอาจมีการเพิ่มสิทธิมากขึ้น นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง การเปิดลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ในวันนี้ เป็นวันแรก (1 ก.ค.) หลังเปิดให้ลงทะเบียนเวลา 08.00 น. ปรากฏว่าแอปฯ ล่ม ว่า ในเรื่องของแอปฯ ล่มกำลังแก้ไขอยู่ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งยอมรับว่าเมื่อเปิดให้มีการลงทะเบียน มีประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก นายสรวงศ์ ยืนยันว่าเรื่องของระบบการลงทะเบียนได้มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว แต่บางครั้งเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด นายสรวงศ์ มองว่า การที่ประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก เป็นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนอยากจะเที่ยวอยู่ ซึ่งก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า หากมีประชาชนลงทะเบียนจนครบตามสิทธิแล้ว นายกรัฐมนตรีเคยบอกแล้วว่า จะเพิ่มสิทธิตรงนี้ให้.-315 -สำนักข่าวไทย