“อนุทิน” ลั่นรัฐบาล เพื่อไทย-ภูมิใจไทย รวมกันได้ แม้แต่ก่อนผีไม่เผา

วปอ. 1 มี.ค.-“อนุทิน” ลั่น ดีไม่ดี ให้ดูรัฐบาลนี้ เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ยังรวมกันได้ แม้แต่ก่อน ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ โว สส.ภูมิใจไทย ลูกบ้านใหญ่ ส่งเรียนนอกหมด-ไม่เคยเห็นเด็ก ภท. ถือไอแพดอยู่ในสภาฯ แจงปมตั้งปลัดเหลืออายุงาน 6 ปี สั่งอะไรได้หมด ดีกว่าเหลือ 1 ปี แล้วต้องจุดธูปเรียกทุกวัน ไม่กังวล ปมที่ดินเขาใหญ่ เปลี่ยนไปอีก 5 มท. ก็ไม่จบ ยันไม่ใช่ภูมิใจขวางกาสิโน ลงนาม-ส่งร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ คืน ครม. แล้ว

นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ บรรยายเรื่องการสร้างผู้นำในการเผชิญกับสภาพสังคมโลก และภูมิภาคในสภาวการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ให้กับนักเรียนหลักสูตรการบริหารความมั่นคงของสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 61 ณ หอประชุม วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดี กทม.


นายอนุทิน​ กล่าวถึงการสร้างผู้นำ​จะเห็นได้ว่าผู้บริหารไม่ได้ดูเรื่องอาวุโสเพียงอย่างเดียว​ ไม่มีใครเข็ดเท่ากับเจอข้าราชการที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี แล้วบอกว่าเหลือ 1 ปีแล้ว อยากเกษียณแบบสบาย ก่อนยืนยันว่าไม่ได้บอกว่าตนไม่ชอบข้าราชการ​ ที่บอกว่าเหลืออีก 1 ปีแล้วอยากเกษียณแบบสบาย​ ถ้าท่านเลือกอย่างนั้น ท่านพัฒนาประเทศไม่ได้​ ต้องถอยไปเป็นหน่วยซัพพอร์ต ต้องเอาคนที่มีเวลามากพอและเชื่อในเรื่องเหล่านี้ และมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินมากพอเท่าที่จะมารับในการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพราะหากรัฐไม่เข้าทาง​ เอกชนก็ทำอะไรไม่ได้​ ต้องอำนวยความสะดวกอย่างมากที่สุด​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ ต้องได้คนที่เชื่อว่า​ ถ้าฉันทำด้วยเจตนาที่ดีแล้วมีความซื่อสัตย์สุจริต​ ไม่มี Personal agenda ช่วยเหลือคนได้บ้าง ไม่ได้ หรือไม่ช่วยเหลือใครเลย และสามารถที่จะยืนหยัดมั่นใจว่าทำในสิ่งที่ชอบแล้ว อะไรก็ทำร้ายเขาไม่ได้​ เพราะประเทศนี้ดันมีกฎหมายที่ออกซ้ายก็ได้ ออกขวาก็ได้ ทำให้คนไม่กล้า แต่สิ่งเหล่านั้น หากเราคิดกว้างๆ มันเกิดขึ้นก่อนประเทศไทย มันเกิดมีความขัดแย้งมากมาย มีการใช้อำนาจ บางทีก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่วันนี้ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องร้องเพลงจงรัก อยู่นั่นว่า ฉันเป็นใครในอดีต

“ดีไม่ดี ก็ขอให้ดูรัฐบาลนี้ ภูมิใจไทยกับเพื่อไทยมารวมกันได้อย่างไร มันก็รวม แต่ก่อนผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่สุดท้าย ใครจะบอกว่ามันตกลงกันได้ ก็ตกลงกันได้ แล้วเมืองไทยได้ไหม​ ก็ได้​ ประชาชนก็ได้” นายอนุทิน กล่าว


นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะที่ตนเข้ามาดูกระทรวงมหาดไทย เห็นหรือไม่ปลัดมหาดไทยคนนี้ที่ตนตั้งมา อีก 6 ปีเกษียณ เพราะฉะนั้นอะไรที่วางไว้มันจะยาว ทุกคนบอกตนหมด​ ตอนที่จะตั้งเขา​

“โอ้โหเหลืออีกตั้ง 6 ปี​ บ้าหรือเปล่า​ ทำไมถึงไม่ตั้งคนโน้น เพื่อนผมสนิทกัน เหลืออีกปีเดียว สนิทกว่าคนที่ผมตั้งด้วย แต่ในภาพมันไม่ต่อเนื่อง แต่ตั้งตรงนี้ เขาก็จะมองยาว และเขาสามารถแสวงหาความร่วมมือต่างๆได้ วันนี้เขาจะไปขอความร่วมมือใครทุกคนก็ให้หมด ผู้ว่าฯ ก็ให้ ปลัดกระทรวงที่อยู่กระทรวงอื่นๆ ก็ให้ความร่วมมือ เพราะเดี๋ยวผมก็ขอความร่วมมือท่านบ้าง สั่งอะไรไปท่านก็ได้ครับ ผมไม่กังวล ต่อให้มีปัญหาผมมีเวลาที่จะไปแก้ แต่ถ้าเจอปลัด 1 ปี ผมต้องจุดธูปทุกวัน ว่าสั่งอย่างนี้ไป เขาจะทำหรือเปล่า แต่ก็เห็นใจเขาเขาไม่ทำขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 เดือนสุดท้าย พอสั่งอะไรไป ผมขอเวลาอำลาชีวิตราชการก่อน มันไม่ได้“ นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เราจะต้องจะคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ได้ทุกอย่าง ได้ทุกอย่างคือต้องโบราณด้วยและก้าวหน้าด้วย ทุกอย่างต้องอยู่ในคนๆ เดียวกัน ถ้าคนที่เราจะสร้างมาปฏิเสธขนบธรรมเนียมประเพณีทุกอย่าง ไม่สนใจอะไรเลยเจอหน้าก็ไม่ยกมือไหว้ ไม่เข้าวัดเข้าวา ทำงานอย่างเดียว อันนี้ก็ไม่ได้ AI อย่างเดียวก็ไม่ไหว มันก็ต้องมีใช้ทั้งพระเดชพระคุณ ใช้ความเชื่อประสบการณ์ที่ผ่านมาการแสวงหาความร่วมมือมาผนวกกับเทคโนโลยีต่างๆ และเดินหน้าไป


นายอนุทิน กล่าวว่า ในพรรคการเมืองที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคตนแก่ที่สุดในพรรค เวลาก็งวดมาทุกที วันนี้ตนเอาคนเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่จริงๆก็ไม่เด็ก อายุ 30-40 ปี แต่ตนถือว่าได้เปรียบหน่อย เพราะเด็กเหล่านี้คือลูกของบ้านใหญ่ แต่บ้านใหญ่ก็ดี บ้านใหญ่ในบ้านของผมทุกคนส่งลูกเรียนนอกจบดีๆ ทุกคนเพราะฉะนั้นเขามี 2 วิญญาณในตัวเอง อย่างวันเสาร์ไปงานบวช งานแต่งงาน งานศพ โกนผมไฟ ทำขวัญนาคอยู่ แต่ถ้าเขามากรุงเทพฯ มาด้วยข้อมูล มาด้วย AI มาด้วยการไปแสวงหาเรื่องราวต่างๆ ที่จะมาอภิปรายในสภา

“หากเป็นรุ่นผม หากให้ไปทำเรื่อง Entertainment Complex ผมก็บอกว่าเคยไปมาเก๊า เวกัส หรือแอตแลนติกซิตี้มา ผมก็คงพูดได้แค่นั้น แต่พวกนี้เขาจะไปหาว่า Entertainment Complex จะสร้างรายได้สร้างโอกาสได้อย่างไร มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างไร และจะต้องใส่เรื่องของคาสิโน การพนันเข้าไปเท่าใด ถึงจะไม่ทำให้ประเทศถูกมองว่าเป็นประเทศที่ส่งเสริมการพนัน เขาจะใช้ความเก๋าบวกองค์ความรู้ ในขณะที่คนรุ่นตนใช้ความเก่าเพียงอย่างเดียว มันต่างยุคต่างสมัยกัน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าคุยกับพวกกรรมการบริหารพรรคยุคใหม่ ซึ่งก็แซวเขาตลอด ว่าหากเอากระดาษไปปิดชื่อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทย ตนคิดว่าพูดกับพรรคประชาชนอยู่ เป็นคนที่ไฟแรง เขามีเอกลักษณ์ของเขาพรรคประชาชนเป็นพรรคที่ไฟแรง เป็น innovative ไม่กลัวใคร เอาเรื่องข้อมูลต่างๆ แต่เด็กรุ่นใหม่ของผมยังมีพื้นฐานที่มาจากความเป็นบ้านใหญ่เห็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ดูแลชาวบ้านอย่างไร ตรงนี้เขายังมีอยู่ตรงนี้ถือว่าสิ่งที่ตนได้เปรียบ สร้างคนเหล่านี้ขึ้นมาในพรรคของตน เพื่อให้นำพาพรรคต่อไป

“สิ่งที่ตนไม่เคยเห็น คือเด็กพรรคภูมิใจไทยถือไอแพดอยู่ในสภา ก่อนเข้าอภิปรายมีการปิดห้องทำงานส่วนตัว เขามีการซ้อมของเขา วันนี้จะถูกอภิปรายอะไร ก็จะมีการเตรียมข้อมูลและไม่มีหลุดเฟรม เขาซ้อมในห้องของเขา และเวลาเขาออกมาก็จะ Perfect พูดสอดคล้อง นี่คือประเทศไทยในอนาคต ไม่มีมั่ว ทุกอย่างต้องทำตามรูปแบบและกรอบที่ถูกวางไว้ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะฉะนั้นเด็กเหล่านี้ที่กำลังจะขึ้นมาและมีความสนใจการเมือง เขามีโอกาสมากมายที่จะสื่อสาร สามารถทำงาน มีรายได้และค่าจ้าง ที่เป็นหลักแสนหลักล้านได้ แต่พอเขาอินในเรื่องการเมืองขึ้นมาเขาก็จะทำอย่างเต็มที่ วันนี้หากพูดกับเขาต้องมีข้อมูล ที่เท่าเขาหรือใกล้เคียงกับเขา สู้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราค่อยๆ ถอยออกมา“ นายอนุทิน กล่าว

ขณะเดียวกันในช่วงท้าย​ นักเรียน วปอ.​มีการตั้งคำถามต่อนายอนุทิน​ ว่าการผลักดันชาวอุยกูร์​กลับจีน​ และมีการถกเถียงกันในสภาฯ​ มุมมองในฐานะผู้นำมองอย่างไร และถูกต้องแล้วหรือไม่​ นายอนุทิน กล่าวว่า​ ขึ้นอยู่กับมุมมอง ซึ่งชาวอุยกูร์มีพื้นฐานมาจากตุรกี เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศนั้น เขามีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนอีกประเภทหนึ่ง และเท่าที่ทราบมาคนเหล่านี้มีศาสนาที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายมุสลิม และเมื่อจีนปฏิวัติประเทศเป็นระบอบการปกครอง​ ซึ่งคนเหล่านี้ยังเชื่อมั่นในระบบประเพณี ก็เกิดความขัดแย้ง ต้องใช้ความเด็ดขาด อำนาจอยู่ที่ปลายกระบอกปืน​ พอถึงจึดที่เขาต่

นอกจากนี้ มีการตั้งคำถามถึงเรื่องที่ดินว่ามีกี่ประเภท​ และมีการร่วมกับนายทุนปลูกทุเรียน​ จะมีการออกกฎหมายมาแก้ไขหรือไม่​ นายอนุทิน​ ว่า​ นายอนุทิน กล่าวว่า แม้กระทั่งตัวเองก็โดน ในการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่​ แ​ต่ตนไม่สามารถตอบได้ว่าที่ดินมีกี่อย่าง เพราะมันมีตั้งแต่โบร่ำโบราณนานเดิม แต่ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับว่าได้มาอย่างไร ถ้าอย่างในกรณีของครอบครัวตน สนามกอล์ฟที่อยู่ปากช่อง ตอนที่ตนไปดูชาวบ้านกำนันผู้ใหญ่บ้าน พาไปดูแปลงที่ขาย แต่สิ่งที่เราซื้อมา คือเราซื้อโฉนดไม่ได้ซื้อเอกสารสิทธิ์ มีการเปลี่ยนมือมา 6-7 ครั้งแล้ว ซึ่งนี่คือกุศโลบายว่าเวลาซื้อที่ดิน ต้องไปกรมที่ดิน ไม่เหมือนกับทำสัญญา 2 คน เพราะฉะนั้นรู้ว่า หากได้มาโดยไม่ถูกต้อง จึงต้องมีองค์กรของรัฐเข้ามาคุ้มครอง การเสียค่าธรรมเนียมก็เปรียบเหมือนเป็นการรับรองว่าจะสามารถโอนให้ หากบอกอย่างนั้น ก็โดนกันหมด ทั้งที่ดินเขากระโดง​ อัลไพน์​ กรมที่ดินจ่ายค่าชดเชยเป็นหมื่นล้าน พอมีเรื่องขัดแย้งอะไรทางการเมือง มันก็จะมีเหตุ สักพักพอทำอะไรไม่ได้ก็จะเงียบไป อย่างเขากระโดงก็เหมือนกัน รถไฟต้องไปฟ้องศาลว่าที่ดินตรงไหนเป็นของรถไฟ แต่ที่ดินตรงนั้นมันไม่ได้ได้มาในสมัยนายชัย​ ชิดชอบ​ มันได้มาก่อน​ ถือครองเพียง 200 ไร่ใน 5,000 ไร่ แต่ต้องมาลงในตระกูลชิดชอบเท่านั้น ถนนวิ่งเต็มในที่ 5,000 ไร่ แล้วจะเป็นของการรถไฟได้อย่างไร เป็นของกรมทางหลวงใช่หรือ​ไม่​

“ผมไม่กังวลในเรื่องนี้ แม้แต่พ้นตำแหน่ง มท.1 ไปแล้ว เปลี่ยนอีก 5 มท.ก็ยังไม่จบ​ และผมทำได้อย่างเดียวเพียงทำตามคำสั่งศาล ไม่รู้ว่าระบบอย่างนี้ทำมาได้อย่างไร ถามว่าวันนี้กล้าไปซื้อที่ดินปากช่องเขาใหญ่หรือไม่” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน​ ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่มีนโยบายกาสิโน แต่มาร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเอ็นเตอร์เทน​เมนต์​คอมเพล็กซ์​ บวกกาสิโน​ แต่เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาล​ และเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีอะไรก็ใส่ขึ้นเข้าไป อย่างนโยบายกัญชา แต่เพื่อไทยไม่มี เขาก็ต้องรับ เมื่อมาร่วมรัฐบาลก็ต้องสนับสนุน โดยมีกรอบอย่างไร​ เวลาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องหาจุดลงตัวกันให้ได้ และทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เป็นการดึงออกจากหน่วยงานหนึ่งออกไป ก่อนเล่าย้อนว่าในร่างแรก ไม่ให้อำนาจของกระทรวงมหาดไทย โดยให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษากฎหมาย จึงไม่เห็นด้วย กลับไปหารือกับ คณะกรรมการและเกิดการถกเถียงกัน จนออกมาเป็นร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ที่ให้อำนาจกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับนายกรัฐมนตรีได้ ยืนยันว่า ไม่ใช่ภูมิใจขวาง แต่จริงๆ แล้ว บางที มท.1 กับ นายกรัฐมนตรีพรรคเดียวกัน แต่เมื่อไม่เป็นพรรคเดียวกันมีไหม ก็เคยมี ในสมัยนายชวน​ หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบททางการเมือง ซึ่งวันนี้ไม่มีพรรคใดได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ก็ต้องมานั่งเจรจากัน

”อย่างพรรคของตนในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คุมกระทรวงคมนาคม สาธารณสุข และท่องเที่ยว เป็นรัฐบาลผสมเช่นกัน พอหลังเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นลำดับ 1 และพรรคตนเป็นลำดับ 2​ เพื่อไทยก็เจรจาว่าอยู่คมนาคมมา และสาธารณสุขมาแล้ว 4 ปี ต้องสับเปลี่ยนหมุนกันบ้าง ไม่ให้อยู่ต่อ​ ถ้าตนบอกว่าอยู่วัฒนธรรมก็ได้บริบททางการเมืองมันรู้อยู่แล้ว ว่ามีกี่เสียงควรขอ แบบนี้ หรือพูดง่ายๆ ว่าแทบเป็นสูตรสำเร็จ ว่าหากมีรัฐบาลผสมอย่างนี้ พรรคใดควรได้กระทรวงใด ไม่ต้องมีใครเก่งกว่าใครหรือเขี้ยวกว่าใคร“ นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนาม ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่ากระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยว อันเป็นประโยชน์ให้เกิดการลงทุน และนำรายได้เข้าสู่ประเทศ จึงขอยืนยันและเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติม ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ววานนี้ ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย