เลขาธิการ ป.ป.ช. ยันไต่สวนคดีชั้น 14 ไม่ล่าช้า

รัฐสภา 28 ม.ค.-เลขาธิการ ป.ป.ช. ยันไต่สวนคดีชั้น 14 ไม่ล่าช้า ดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วน ชี้เป็นอำนาจองค์คณะไต่สวนจะเรียก “ทักษิณ-แพทองธาร-ครอบครัว” ที่เข้าเยี่ยม เข้าให้ข้อมูลหรือไม่ ยันไม่กดดันทำหน้าที่ ลั่นต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้กล่าวหา-ผู้ถูกกล่าวหา รับอาจลงพื้นที่ รพ.ตำรวจ สถานที่เกิดเหตุ

นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการดำเนินการอย่างไร ว่า การดำเนินการไต่สวนเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทางคณะจะมีการไต่สวนและได้มีการมอบหมายกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบคดี ดังนั้นจะเป็นหน้าที่ของกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนกับคณะเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการไต่สวนจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่องค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นชอบ ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการไต่สวนทั้งพยานบุคคล และมีคำสั่งหมายเรียกพยานเอกสารหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำเสนอองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยยังอยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวน


ส่วนขณะนี้การไต่สวนพยานบุคคลครบถ้วนแล้วหรือไม่หรือจะต้องเรียกบุคคลใดมาไต่สวนเพิ่มเติม นายสาโรจน์ กล่าวว่า การไต่สวนบุคคลจะมีการกำหนดแผนว่ามีประเด็นในการไต่สวนอะไรบ้าง จะดำเนินการเรียกพยานเอกสาร รวมถึงกำหนดบุคคลที่จะต้องไต่สวน ในการไต่สวนพยานบุคคลเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปส่วนบุคคลอื่นๆหรือไม่องค์คณะผู้รับผิดชอบสำนวนจะต้องเสนอให้ กรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องเร่งบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นเพิ่มเติมจากที่ได้กำหนดไว้หรือไม่

ทั้งนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดและเป็นไปตามกระบวนการไต่สวนคดีตามปกติที่ ป.ป.ช.ทำในลักษณะนี้อยู่แล้ว


เมื่อถามว่าจะต้องเรียกนายทักษิณ มาให้ถ้อยคำต่อองค์คณะกรรมการไต่สวน หรือไม่ เนื่องจากเป็นบุคคลหลักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้เราไต่สวนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะฉะนั้นถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่ามีพยานบุคคลใดมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริง จึงจะมีมติใครไปดำเนินการไต่สวน แต่ในส่วนของเนื้อหาเป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงของกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งตนไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะต้องเรียกบุคคลใดมาสอบบ้าง แต่ในหลักการบุคคลที่เกี่ยวข้องและทำให้ข้อเท็จจริงถูกต้องครบถ้วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะพิจารณา เพื่อเข้ามาให้ข้อมูล

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสนอให้เรียก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัวของนายทักษิณที่ได้เข้าเยี่ยม ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาให้ถ้อยคำด้วย นั้น เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวย้ำว่า การเสนอแนะหรือการให้ข้อมูลต่างๆเป็นอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ กรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าบุคคลต่างๆเกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังไต่สวนอยู่หรือไม่ จำเป็นที่จะต้องเชิญเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของกรรมการ ป.ป.ช. แต่หลักการคือต้องได้ข้อมูล ถูกต้องครบถ้วนมากที่สุด

เมื่อถามว่าจะต้องลงพื้นที่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่จะต้องพิจารณาเพราะโรงพยาบาลตำรวจถือเป็นสถานที่เกิดเหตุ คณะกรรมการป.ป.ช.ก็อาจจะมีดุลพินิจให้ไปตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไต่สวนมากน้อยเพียงใดและถ้าดูตามเนื้อหาก็อาจมีเหตุที่จะต้องไป


ส่วนการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความกดดัน หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบไม่มีประเด็นพวกนี้ เพราะเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ณ วันนี้ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใด เป็นเรื่องของการตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับการกระทำในเรื่องนี้

ส่วนขั้นตอนต่อไปหลังจากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จ จึงจะมาพิจารณาว่ามีบุคคลใดที่ พยานหลักฐานในการไต่สวนมีส่วนร่วมกระทำผิดก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาดูแลว่าเพื่อให้โอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหา ย้ำว่าเป็นไปตามกระบวนการปกติในการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ากระบวนการไต่สวนจะไม่ล่าช้าออกไปเรื่อยๆใช่หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า ไม่ เรื่องการไต่สวนสาระสำคัญอยู่ที่ความครบถ้วนของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งกรอบระยะเวลาต่างๆ เพื่อเป็นกรอบในการทำงานอาจจะไม่เต็มตามกรอบที่กำหนดไว้ถ้าพยานหลักฐานครบถ้วนเพียงพอ หรืออาจจะเกินกรอบหากยังมีข้อเท็จจริงที่ กรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าต้องไต่สวนเพิ่มเติม ทั้งนี้กระบวนการไต่สวนต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งต่อผู้ถูกกล่าวหา และผู้กล่าวหา ต้องทำให้ครบถ้วน

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ถูกข้อครหาว่าเป็นการประวิงเวลา ใช่หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามดูว่าตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่อง มีมติสั่งไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้องและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ถ้าเรากังวลใจในเรื่องนี้จริงก็อยากให้สื่อช่วยติดตามเพื่อเป็นกระบอกข่าวสื่อสารไปยังประชาชนว่า ป.ป.ช. พยายามทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนนอกจากพยานบุคคลแล้ว มีพยานหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ชัดอีกหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า เรื่องความชัดเจน เป็นหน้าที่ขององค์คณะไต่สวนตนในฐานะเลขาธิการ ป.ป.ช. ไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงในสำนวน และตนมีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกสนับสนุนการทำหน้าที่ตามกฏหมายของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.

เมื่อว่าถามความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้ เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า เรื่องความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานเราสามารถติดตามทวงถามได้ ในการกำกับดูแลของสำนักงาน ป.ป.ช. และสามารถติดตามทวงถามถึงความคืบหน้าในการดำเนินการได้ ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นคอยกำกับติดตาม โดยย้ำว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป่วนปัตตานี! ลอบบึ้มชุด รปภ.งานกีฬา อบต.น้ำดำ เจ็บ 4 นาย

21 ก.ค.- ป่วนงานกีฬา อบต.น้ำดำ ปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่อาสาฯ ขณะรักษาความปลอดภัย บาดเจ็บ 4 นาย วันที่ 21 ก.ค.68 เมื่อเวลา 16.50 น. เกิดเหตุระเบิดบริเวณสามแยกคอกควาย บ้านบือแนยามู หมู่ที่ 4 ตำบลน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เบื้องต้นแรงระเบิด ทำให้ อส.ชคต.น้ำดำ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 นาย อาการหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลทุงยางแดง จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว กำลังรักษาความปลอดภัยสนามกีฬา งานกีฬา อบต.น้ำดำ ระหว่างทางได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดียทักษิณคิดเพื่อไทยทำ

21 ก.ค.- “แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดีย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ถามเป็นของเขาได้อย่างไร เหมือนตอนปล่อยคลิปเสียงแล้วมาบอกไม่ได้ปล่อย ด้าน “สรวงศ์” ขอสื่อไทยเลิกเป็นกระบอกเสียงกัมพูชา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังร่วมงานแถลงข่าวทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนางสาวแพทองธาร ตอบสั้นๆ กรณีที่มีรายงานข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะไปร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมในวันพรุ่งนี้ว่า “ไม่ทราบเลยค่ะ ” ส่วนวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.)ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีอะไรพูดเป็นพิเศษกับผู้เข้าร่วมงานหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า “ให้รอฟัง” เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาระบุว่ามีส่วนร่วมในการคิดนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” นางสาวแพทองธาร นิ่งคิดก่อนที่จะหันไปถามนายสรวงศ์ ว่า “เป็นของเขาได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าเขาเคลมว่าเป็นแบบนั้น นางสาวแพทองธาร ยิ้ม นิ่งคิดก่อนที่นายสรวงศ์จะบอกว่า “สื่อไทยต้องเลิกเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา” นางสาวแพทองธารจึงพูดต่อว่า “ก็เหมือนที่เขาบอกว่าปล่อยคลิป แล้วก็บอกว่าไม่ได้ปล่อย ใช่ไหม เหมือนกันนั่นแหละ” -สำนักข่าวไทย

มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ […]

“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกาเป็นเหตุให้สึก

บก.ปปป. 21 ก.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกา 2 ราย เป็นเหตุให้สึก ส่วนการทุจริตก่อสร้างพุทธอุทยาน และ มจร. อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า หลังเกิดกรณีของ “กอล์ฟ” ได้ตรวจสอบเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงชั้นเทพ ส่วนกรณีวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ มีสมณศักดิ์สูงกว่าคือชั้นธรรม ซึ่งเรื่องอาญาในการทุจริต โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน แม้พระจะสึกไปแล้วยังต้องได้รับการตรวจสอบจากตำรวจด้วยว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบมีเส้นเงินที่ตรวจสอบพบเกี่ยวกับกอล์ฟ หลายเส้นเงิน ทาง ผบช.ก. จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกวัด ทุกรูป แม้จะตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอหรือแชตไลน์ ก็ให้ทำการตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบก่อสร้างของพุทธอุทยาน และโครงการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ หรือ มจร.นครสวรรค์ ที่สร้างมานานแล้วยังไม่แล้วเสร็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า […]