“โรม” บอกมีเบาะแสซื้อเสียง อบจ. จี้ กกต.สอบ

รัฐสภา 28 ม.ค.-“โรม” บอกมีเบาะแสซื้อเสียง อบจ. จี้ กกต.สอบ ปมป้าโยนถุงขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อไทยหลังโวยไม่ได้เงิน 200 บาท ฝาก “เลขาฯ กกต.” ทำหน้าที่ให้สมเงินเดือน ขอหยุดใช้นโยบายเงินหมื่นหวังผลเลือกตั้ง ลั่นประชาชนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าประชาชน และ สส.บัญชีรายชื่อกล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ว่า การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ อาจจะแตกต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งจะไม่สะดวกกับการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีการขับเคี่ยวกันโดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งถือว่ามีความสำคัญ และอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ไปใช้สิทธิ์เพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง สะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน โดยยืนยันว่าท้องถิ่นเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกับประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นอยากให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.ให้ได้มากที่สุด


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีข่าวหนาหู เรื่องการพยายามที่จะจ่ายเงินให้กับประชาชน ทำให้เจตจำนงของประชาชนถูกบิดผันไป บางพื้นที่อาจจะจ่าย 500 บาท บางพื้นที่ 1,000 บาท บางพื้นที่มีสัญญาแบ่งกันเป็นรายงวด ซึ่ง
ตนได้รับรับทราบจากประชาชนเป็นระยะ

ขณะที่เมื่อวานนี้ ตนเองเดินทางกลับมาจากจังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนเข้ามาแจ้งเบาะแส ว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียงไปแล้ว โดยตนหวังว่าคงจะไม่ใช่จังหวัดเชียงใหม่ หลายพื้นที่เราไม่ควรจะยอมกับเรื่องแบบนี้ และไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย การซื้อเสียงการจ่ายเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านหัวคะแนน หรือให้หัวคะแนนไปกระจายต่อ วิธีการเหล่านี้เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของพวกเราทุกคน ดังนั้นตนคิดว่า วิธีการที่จะป้องกันกระบวนการเหล่านี้ เราต้องช่วยกันให้ประชาชนเป็นตาสับปะรดจับตาเรื่องของการซื้อสิทธิ โดยการจับตาทำได้หลายวิธีทั้งโทรศัพท์มือถือแอบอัดเสียง ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมือง ต้องทำให้การแข่งขันในระดับท้องถิ่น เป็นการแข่งขัน การทำงานในระดับนโยบาย เพราะหากยังมีการซื้อเสียงสิ่งที่ตามมานั้นก็คือการคอรัปชั่น ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องของการคอรัปชั่น เพราะเงินภาษีของประชาชนจะต้องเสียไปกับการคอรัปชั่นซึ่งจะทำให้บ้านเมืองและท้องถิ่นไม่พัฒนาไปในทางที่ควร


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า ตนยังจับตาไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต้องไม่เป็นมือเป็นไม้ให้กับการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยต้องต่อต้านกับเรื่องเหล่านี้ ตนทราบดีว่าตำรวจในโรงพัก ก็ทราบดีว่ามีการซื้อเสียงกันที่ไหน และจ่ายเงินดันอย่างไร ดังนั้นอย่าให้เกิดความอับอายในองค์กรของท่าน

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า อีกประเภทคือการซื้อเสียงยกหน่วย ขออย่าให้มันเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงอยากให้ทุกคนไปร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนน ที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นวิธีการหนึ่ง ในการป้องกันการซื้อยกหน่วย และอย่าให้นำเอาภาษีของประชาชนมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนเปิด เว็บไซต์รับเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้ง อบจ. เพราะไม่ไว้ใจการทำงานของ กกต.ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบจ เขตเลือกตั้งเยอะและวิธีการที่เราเชื่อว่าดีที่สุดคือการพึ่งประชาชน


“ต้องบอกตรงๆว่าหาก กกต. ทำหน้าที่ ให้เกิดความไว้วางใจ เราก็สามารถที่จะฝากความหวังไว้กับ กกต.ได้ แต่ในช่วงเวลาที่ที่ผ่านมา ในการเลือกตั้ง เราก็รู้ว่ามีการจ่ายเงินเพื่อซื้อเสียง และคำถามคือ กกต. สามารถจับได้กี่คน จัดการปัญหานี้ และนำไปสู่การป้องกันอย่างไร ดังนั้น จึงคิดว่าหวังพึ่งกกต. ไม่ได้ ซึ่งเราต้องช่วยกันจับตา และจริงๆเรื่องนี้จะได้ 2 เด้ง คือ ปกป้องคะแนนเสียง และ การชี้ว่ากกต. ทำหน้าที่บกพร่องหรือไม่ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ ได้ทำหน้าที่ของตนเองที่ควรจะทำมานานแล้ว“ นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีขณะนี้มีหลักฐาน ชัดเจนเรื่องการซื้อเสียงแล้วใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีเบาะแสแจ้งมาเรื่อยๆ “เงินออกแล้ว มีจ่ายกันแล้ว” ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวม และยืนยันว่าครั้งนี้เราเอาจริงเรามอนิเตอร์ อย่างใกล้ชิดหากมีหลักฐานเพียงพอ เราก็จะยื่นร้องต่อไป รวมถึงต้องจับตาเจ้าหน้าที่ว่าเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริตเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่

ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. พรรคเพื่อไทย ปราศรัยที่จังหวัดมหาสารคาม มีประชาชนถุง ขึ้นไปบนเวที เพราะไม่พอใจเรื่องเงิน 200 บาท นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่ากรณีนี้ชัดเจนมาก และตนเองก็ได้ติดตามเหมือนกับหลายคน เรื่องเงิน 200 บาทที่บอกว่าจะได้ แต่เหมือนมีความพยายามจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะให้คุณป้าคนดังกล่าวไม่พูดหรือขยายความในเรื่องเงิน คำถามคือวันนี้เราเห็นความคืบหน้าของหน่วยงานรัฐมากน้อยแค่ไหน และคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐอย่าคิดว่าจะให้คุณให้โทษ กับคนอื่นเพียงอย่างเดียว หากมีหลักฐานเพียงพอเราก็พร้อมที่จะใช้ทุกช่องทางดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

“ อย่าลืมว่าการใช้เงินซื้อเสียงแบบนี้เป็นการทำลายระบบประชาธิปไตย ซึ่ง ตนเองก็จะไม่อยู่เฉย และติดตามอยู่ตอนนี้มีกรณีที่ชัดเจนแล้วว่ามีการส่อ ในการใช้เงินซื้อสิทธิ์ขายเสียง คำถามคือกกต. ซึ่งมีหน้าที่ทำอะไรมากน้อยแค่ไหน ฝาถึงนายแสวง บุญมี เลขากกต. ให้ทำหน้าที่ให้สมกับเงินเดือนที่ได้รับจากประชาชน ทำหน้าที่ให้สมกับการเป็น กกต. ตนทราบดีว่าประวัติราชการของท่านเป็นมาอย่างไร ท่านได้ตอบแทนบุญคุณไปหมดแล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่ของ กกต. เพื่อประโยชน์ของประชาชน ” นายรังสิมันต์ ระบุ

เมื่อถามถึงการแจกเงิน 10,000 บาท ในช่วงการเลือกตั้ง อบจ. จะทำให้พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าเงิน 10,000 บาทนี้ เป็นเงินของประชาชนอยู่แล้ว เป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เป็นหนี้บุญคุณใคร เป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะได้รับ แต่จะมาในรูปแบบอื่น เช่น โครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพชีวิตที่ดี แต่รัฐบาลนี้ตัดสินใจที่จะแจกเป็นตัวเงิน ตนไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของรัฐบาลคืออะไร ไม่อยากคาดเดา แต่ยืนยันว่า ประชาชนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร มีแต่รัฐบาลและฝ่ายค้านที่เข้ามาทำหน้าที่ในสภาที่เป็นหนี้บุญคุณประชาชน

เมื่อถามอีกว่าการที่นายทักษิณปราศรัยพูดเรื่องเงิน 10,000 บาทจะมีผลกับคะแนน เลือกตั้ง อบจ. หรือไม่ นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ตนไม่อยากคาดเดาจุดประสงค์คืออะไร แต่ถ้าจุดประสงค์คือให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ ก็ขอให้หยุด ดังนั้นตนไม่อยากให้ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ไปหาเสียงด้วยเงินหมื่น เป็นการให้เงินกับประชาชน เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณจะรู้นโยบายของรัฐบาลเยอะกว่ารัฐบาล หลายเรื่องที่พูดออกมาเหมือนทำนายอนาคตรัฐบาลแม่นมาก และคิดว่านายทักษิณกำลังทำให้รัฐบาลนี้ดูแย่มากขึ้นเรื่อย ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีวิสัยทัศน์ เพราะวิสัยทัศน์ไปแสดงผ่านนายทักษิณ และกลายเป็นว่านโยบายต่างๆรวมถึงการหาเสียง ต้องหวังพึ่งนายทักษิณ ซึ่งดูแปลกดีว่าทำไมรัฐบาลนี้ดูแย่.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]