“วราวุธ” เผยปี 67 ยอดเด็กเกิดลดอีก

โรงแรมใบหยก 6 ม.ค. – “วราวุธ” เผยปี 67 ยอดเด็กเกิดลดอีก ท่ามกลางกระแสคอนเทนต์ทางโซเชียล แช่หน้าจอมือถือนานกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน หวั่นผลิตเกรียนคีย์บอร์ด ซ้ำปัญหาเด็กถูกบูลลี่ปลุกจิตมารทำร้ายตัวเอง คนอื่นในอนาคต ขอทุกฝ่ายสื่อสารเชิงบวก ดูแลลดการอยู่หน้าจอ


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวตอนหนึ่งในงาน “พม. ชวนสื่อมวลชนร่วมออกแบบอนาคตไทย” ว่าจากข้อมูลปี 2567 พบว่าอัตราการเกิดใหม่ลดลงจากปี 2567 ถึง 1 แสนคน หรือวันนี้เด็กเกิดน้อยกว่า 5 แสนคนต่อปี ในขณะที่ผู้สูงอายุ ปรับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2566 มี 13.5 ล้านคน แต่ปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านคน ปี 2568 ก็จะเป็น 14.5 ล้านคน และปี 2569 จะเพิ่มเป็น 15 ล้านคนอย่างแน่นอน ดังนั้น จะทำอย่างไรให้จำนวนเด็กที่เกิดน้อยอยู่แล้วนี้เป็นคนที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ว่าเกิดน้อยยังด้อยคุณภาพอีก

นายวราวุธ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งสำคัญที่จะช่วยในการพัฒนาเด็กและเยาวชนของไทยให้โตไปเป็นอนาคตที่มีคุณภาพของประเทศ คือสื่อต่างๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าประชากรไทยเข้าถึงสื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน มีการเข้าถึงสื่อมากถึง 98% และยังพบว่าใช้ข้อมูลอยู่กับจอนานถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน


ส่วนผู้สูงอายุ ซึ่งเสมือนกับผู้อพยพเข้าสู่โซเชียลมีเดีย แต่รับหน้าที่ในการต้องเลี้ยงดูเด็กและเยาวชน ท่ามกลางเนื้อหาทางโซเชียลมีเดียที่มีหลากหลาย แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะแง่หนึ่งเป็นแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทั้งสื่อลามกอนาจาร การพนัน สิ่งผิดกฎหมายต่างๆ รวมไปถึงก่อปัญหา บูลลี่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็ก เยาวชน ในอนาคต เสี่ยงที่จะทำร้ายตัวเองและทำร้ายผู้อื่น เหมือนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ จึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องช่วยกันเฝ้าระวัง และนำเสนอเนื้อหาผ่านสื่ออย่างสร้างสรรค์

“วันนี้ พม. อยากจะรณรงค์ทุกฝ่าย ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ให้มานำเสนอเรื่องราวดีๆ ปลูกฝังสิ่งดีให้กับเด็กและเยาวชน การสื่อสารต้องระวังมาก วันนี้เรามีกฎหมายเกิดขึ้นมากมาย เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมาย pdpa, พ.ร.บคุ้มครองเด็ก, อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมถึงมาตรฐานวิชาชีพของสื่อและจรรยาบรรณของสื่อ พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่สามารถวางเส้นทางว่าเด็กจะสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนลักษณะใด และเขาสามารถเลือกได้ว่าโตขึ้นมาแล้วอยากจะเป็นประโยชน์หรือจะเป็นภาระให้กับสังคมไทย เพราะวันนี้ยังมีเด็กเยาวชนอีกมากที่มีพลังมีความสร้างสรรค์ เราจะดึงพลังอย่างนั้นออกมาเป็นพลังเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างไรไม่ใช่อยู่ๆ ก็เป็นเกรียนคีย์บอร์ดไปวันๆ แต่ยังมีเยาวชนอีกมากที่ต้องการเป็นตัวอย่างที่ดี” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ล่าสุดน่าชื่นชมประเทศออสเตรเลีย โดยความพยายามและความกล้าหาญของรัฐบาลในการออกกฎหมาย ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นประเทศแรกของโลก อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการดูแลและแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จึงไม่อาจจะนำบทเรียนของประเทศหนึ่งมาใช้กับอีกประเทศหนึ่งได้ ดังนั้น ในส่วนของประเทศไทย อาจจะไม่สามารถออกกฎหมายดังกล่าวได้แต่ ก็มีความพยายามนำเป็นตัวอย่าง เช่น จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีแนวทางในการจำกัดระยะเวลาในการอยู่กับหน้าจออย่างที่บอกว่าปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยใช้เวลาอยู่กับหน้าจอนานกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน ถือว่าเกินครึ่งของการใช้ชีวิตใน 1 วันแล้ว เพราะ 1 วันมี 24 ชั่วโมง ถ้านับช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อน 8 ชั่วโมง เหลืออีก 16 ชั่วโมง แต่กลับใช้เวลาอยู่กับหน้าจอไปแล้วมากกว่า 12 ชั่วโมง ดังนั้น เราจะลดตรงนี้ลงได้หรือไม่ เช่น ไม่เกิน 6 ชั่วโมง เป็นต้น


นายวราวุธ ยังกล่าวอีกว่า ที่สำคัญที่สุดตั้งแต่ทำงานในกระทรวง พม. มาล่าสุดวันที่ 1 ธ.ค. 2567 ได้รับข่าวดีว่ากระทรวง พม. ติด 1 ใน 10 กระทรวงที่ประชาชนสนใจติดตามข่าวสารมากที่สุด จากเมื่อก่อนอาจจะถูกติดตามลำดับที่ 21 คือไม่ค่อยมีใครติดตามข่าวเลย แต่วันนี้สามรรถติดอันดับที่ 8 ได้ โดยได้รับความสนใจอยู่ที่ 39.8% ตนต้องขอบคุณปลัดกระทรวงและเจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนจากรองเท้าหนังมาเป็นรองเท้าผ้าใบ วิ่ง 4×100 ตามรัฐมนตรี เปลี่ยนวิธีคิด และการทำงานของกระทรวงจนประชาชนให้ความสนใจ เรื่องนี้ตนรู้สึกภูมิใจพอสมควร

อย่างไรก็ตาม วันนี้เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งในอนาคตจะเกิดน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้น จะทำอย่างไรให้มีคุณภาพคับแก้ว ไม่ใช่เกิดน้อยแล้วยังได้คุณภาพ ดังนั้น พอหมอจึงทำนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤติประชากร ที่ต้องดูแลคนทุกช่วงวัย รวมถึงส่งเสริมวัยแรงงานให้อยากมีลูกสร้างครอบครัวเพื่อเพิ่มประชากร และที่สำคัญคือการเพิ่มประชากรที่มีคุณภาพเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของประเทศ หนึ่งในนั้นคือการสื่อสารที่รวดเร็ว ซึ่งในปี 2568 จะเน้นเรื่องนี้มากเพื่อให้ประชาชนนึกถึงเราเวลามีปัญหา สามารถโทร 1300 เพื่อปรึกษาและได้รับการช่วยเหลือย่างทันท่วงที

“การทำข่าวแต่ละเรื่องเกี่ยวกับ พม. นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งจากนี้ไปยิ่งมีความท้าทายมากว่าจะสร้างสื่ออย่างไรให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและพัฒนาตัวเอง มีการเรียนรู้เรื่องที่ดีจากสื่อ จากโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่ไปเจอสูตรทำระเบิดเวลา เจอสูตรสะเดาะกลอน สะเดาะล็อกอย่างไร ตนเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องกับถูกใจ บางครั้งก็ไม่ตรงกัน บางคนยิ่งดรามานี่ชอบเหลือเกิน ส่วนเรื่องดีๆ ไม่ค่อยสนใจติดตาม อย่างไร ก็ตามในเรื่องดีๆ นั้น แม้สังคมอาจจะไม่สนใจเท่าไร แต่หากเราเสนอไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง โดยเฉพาะจะทำให้เกิดผลดีกับอนาคตของลูกหลานของเรา” นายวราวุธ กล่าว .-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย