จเรตำรวจ ยินดี “ทักษิณ” ยื่นมือช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์


ทำเนียบ 25 ธ.ค.- “พล.ต.อ. ธัชชัย” ยินดี “ทักษิณ” ยื่นมือช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มั่นใจ ปราบได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจาก ธนาคาร-โอเปอร์เรเตอร์ ให้ข้อมูลรวดเร็ว สกัดการโยกเงินออกจากบัญชี เผย เร่งขยายผลตรวจสอบอีก 10 จุด หลังพบสัญญาณซิมบ็อกซ์มาจากสิงคโปร์


พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยภายหลังหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเรื่องการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นได้เร่งรัดเรื่องการลงทะเบียนซิม ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่กำลังดำเนินการแก้ไขให้ได้

ส่วนกรณีล่าสุดที่มีการยึดซิมบ็อกซ์ได้ ซึ่งพบว่าสัญญาณมาจากสิงคโปร์ จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ผู้การ ปอท. ไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องสัญญาณที่มาจากสิงคโปร์ แต่เชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้ตั้งศูนย์ที่สิงคโปร์ น่าจะอยู่แถวประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดิม แต่ใช้วิธีการเลี่ยงการถูกจับสัญญาณ จึงส่งสัญญาณไปที่สิงคโปร์แล้วกลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ผู้การ ปอท. อยู่ระหว่างการตรวจสอบคู่สัญญาณระหว่างสิงคโปร์กับไทย และจะสืบสวนขยายผลต่อไป


เมื่อถามว่ามีคนไทยอยู่ในกระบวนการหรือไม่ พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นพบแค่คนจีน 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจค้นอีก ประมาณ 10 กว่าแห่ง ที่เชื่อว่ามีการตั้งซิมบ็อกซ์อยู่ ส่วนคนไทยที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะมีคนไทยร่วมขบวนการอยู่ด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะมาช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน มองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เพราะปัญหาหลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะดำเนินการทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปิดกั้นสัญญาณ ถ้าสามารถทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถไปตั้งที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อถามต่อว่าจะต้องขอคำแนะนำจากนายทักษิณหรือไม่ เพราะมีความใกล้ชิดกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า เราทำตามหน้าที่ แต่ยินดีรับฟังคำแนะนำ และการช่วยเหลืออยู่แล้ว และส่วนตัวมั่นใจว่าจะสามารถปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ลองแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นการตรวจพิสูจน์หลักฐานดิจิทัล ในกระบวนการยุติธรรม หรือ ดิจิทัลฟอเรสสิกส์ ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆหาได้ไม่ยาก แต่ต้องได้ข้อมูลอย่างรวดเร็วจากผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งกำลังประสานกันอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องการลงทะเบียนซิมเป็นเรื่องเป็นเรื่องของประเทศไทย ถ้าไม่ให้ลงทะเบียนมั่ว และสามารถยืนยันตัวตนได้ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หรือแม้แต่การเปิดบัญชีม้า ถ้าธนาคารต่าง ๆ ร่วมมือกัน ไม่ให้เปิดบัญชีม้า ซึ่งดูไม่ยาก เพราะคนที่มาเปิดบัญชีจะไม่มีอาชีพที่แน่นอน แต่มีเงินหมุนเวียนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเรื่องนี้ถ้าผู้ให้บริการโทรศัพท์ และธนาคาร ให้ความร่วมมือก็จะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประเทศไทยไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมองว่าทางธนาคาร และผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ หากมีข้อมูลที่ชัดเจน โดยเราจะมีนโยบาย ออกเป็นรายสัปดาห์ และรายเดือน แจ้งไปยังธนาคาร ถึงสาขาธนาคารมีการเปิดบัญชีม้า หรือการลงทะเบียนออนไลน์ที่เป็นช่องว่าง ให้คนร้ายสามารถลงทะเบียนได้ง่าย จนถึงการใช้ IP ของประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการเหล่านี้หากแลกเปลี่ยนข้อมูลให้กับธนาคาร เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ แต่หากธนาคารไม่แก้ไข ปัญหาก็จะอยู่ที่ธนาคาร เช่นเดียวกับผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ หากควบคุมการลงทะเบียนซิมออนไลน์
ซึ่งไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายได้ หากสามารถปิดช่องว่างตรงนี้ได้ ทั้งสองส่วนทั้งเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์ และบัญชีม้า สามารถควบคุมได้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะมั่นใจว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอำนาจของประเทศไทย


เมื่อถามว่าขณะนี้ได้รับความร่วมมือกับธนาคาร และผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ แบบ 100% หรือไม่ พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันกับทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหา แต่ยอมรับว่าสิ่งที่ต้องแก้ไขคือเรื่องการสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูงที่ต้องทำให้เร็ว

เมื่อถามต่อว่าการหน่วงเงินจะสามารถชะลอการยักย้ายเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้หรือไม่ พลตำรวจเอกธัชชัย กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถช่วยได้เยอะ เพราะวันนี้คนร้ายสามารถโอนเงินได้ภายใน 5 หรือ 10 นาที ถ้าสามารถหน่วงเงินได้ ก็จะทำให้มีเวลาตรวจสอบ.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]