นายกฯ​ ปัดตอบ​ออก พ.ร.ก.ต่ออายุความคดีตากใบ “ทวี​” มอง​ส่อขัด รธน.

ลานพระราชวังดุสิต 23 ต.ค.- นายกฯ​ ปัดตอบ​ออก พ.ร.ก.ต่ออายุความคดีตากใบหรือไม่​ หลังถูกจี้กระทบความเชื่อมั่นรัฐบาลเพื่อไทย​ ด้าน “ทวี​” โยน​ถามรองนายกฯ มั่นคง​ มอง​หากต่อส่อขัดรัฐธรรมนูญ​ เหตุเอื้อเฉพาะกลุ่ม​ บอกเป็นธรรมดาใช้ช่องอายุความหนีคดี​ ไม่หวั่นกระทบฐานเสียงประชาชาติ​ ชื่นชมเอ็นจีโอ​-​ทุกฝ่าย​ เตรียมร้องศาลระหว่างประเทศ​


นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธแสดงความเห็นถึงข้อเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกำหนดหรือ​ พ.ร.ก.​ ต่ออายุคดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ​ ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้​ โดยระบุสั้นๆ ว่า​ ขอไปก่อนนะคะ

ด้านพันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม​ กล่าวว่า​ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป ขอให้ไปถามรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านความมั่นคง โดยปกติการจะออก พ.ร.ก. จะมีกระบวนการการออกกฎหมาย เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มีความจำเป็นรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า จะออกเพื่อเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเรื่องที่ไม่ใช่เป็นการออกทั่วไป จะต้องมีการศึกษาว่าทำได้หรือไม่ได้


ส่วนอีก 2 วันที่คดีจะหมดอายุความ จะออกเป็นพ.ร.ก. ทันหรือไม่ พันตำรวจเอกทวีระบุว่า อายุความเป็นเรื่องของกฎหมาย พ.ร.ก.จะมาใหญ่กว่ากฎหมายได้อย่างไร พร้อมย้ำว่าตนไม่ทราบจริงๆ ต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรี​ด้านความมั่นคง ส่วนเมื่อวานนี้ที่ให้สัมภาษณ์ว่าหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ วันนี้จะมีปาฏิหาริย์หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี​ ระบุว่า เท่าที่ทราบทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ การทำงานลักษณะนี้ถ้าเรามีความพยายาม บางครั้งมันอาจจะประสบความสำเร็จ

เมื่อถามว่าหมายความว่าได้รับสัญญาณที่ดี ได้รับการติดต่อกลับมาจากผู้ต้องหา ใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีระบุว่าไม่ได้ติดต่อแต่รับทราบจากผู้ที่ไปสืบสวนหลายคน เมื่อถามย้ำว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี​ ย้ำคำเดิมว่ามีข้อมูลว่าอยู่ที่ใดแต่เมื่อไปพิสูจน์ทราบพบว่า ข่าวเมื่อวานกับข่าววันนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมดหวังเพราะยังมีเวลา ต้องทำงานให้เต็มที่

ส่วนกังวลหรือไม่เพราะกับจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พันตำรวจเอกทวีระบุว่าวันนี้ อย่าไปกังวลเรื่องเสียงแต่ต้องกังวลเรื่องความยุติธรรม เป็นสิ่งหนึ่งที่สังคมต้องดูให้รอบด้าน เพราะกระบวนการยุติธรรมเรื่องนี้ ที่เขาบอกว่าความล่าช้าคือความอยุติธรรม แต่หัวอกของผู้เสียหายและญาติ เรื่องการเยียวยาก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ ถ้าเขาได้ลูกหรือพ่อแม่เขากลับมาได้ แต่เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว ขบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการไปตามกฎหมายขณะนั้น ซึ่งการตรวจสอบเมื่อใกล้ขาดอายุความทุกคนก็กังวล ก็จะหาทางออกว่า ทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรม เดินหน้าก่อนขาดอายุความ จนมาเริ่มในเดือนมกราคม 2567 ในปีสุดท้ายความพยายามในการเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม ทำไปถึงสามารถออกหมายจับ ส่วนศาลสั่งให้ตำรวจ ไปจับกุม ในส่วนของผู้ปฏิบัติงาน เขาก็มีความกังวลเพราะอายุความเหลือน้อย


“ส่วนผู้กระทำความผิด เป็นธรรมดาถ้าเขาต่อสู้คดีก็จะใช้เวลา 10 – 20 ปี​ ถ้าเขาเห็นว่ามีช่องทางเรื่องอายุความ​ เขาก็ต้องหลบไป อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา​ ไม่ใช่แค่ข้าราชการ วันนี้เรามีหมายจับ 7,000 กว่าหมาย จับได้แค่ 4,000 หมาย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความมั่นคงเขาก็หลบไป​ จนหมายจับขาด​ นี่เราก็ไม่ว่ากัน แต่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยกันจับกุมให้ได้”

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าถ้าจับไม่ได้จะกระทบอย่างไรกับรัฐบาล พันตำรวจเอกทวีระบุว่า หากจับไม่ได้ก็แค่คดีขาดอายุความ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องให้ประชาชนรับรู้ เรื่องที่มันเกิดขึ้น เชื่อว่าผู้เสียหายเองก็ไม่ได้หวัง ไปทำร้ายผู้ที่ถูกออกหมายจับ แต่ในฐานะที่ครอบครัวมีผู้เสียชีวิต เขาอยากได้ความยุติธรรมตามกระบวนการ

เมื่อถามย้ำว่าหากไม่สามารถจับกุมได้ความรับผิดชอบของรัฐบาลจะอยู่ในระดับใด พันตำรวจเอกทวี​ ระบุว่า​ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว​สิ้นสุด ส่วนที่มันสิ้นสุด ในรัฐบาลนี้เพราะรัฐบาล มีความรับผิดชอบด้วยซ้ำ ไม่ต้องการทำให้เรื่องขาดอายุความ แต่พอมาถึงกระบวนการยุติธรรมเรามีสารอัยการ เพราะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเราไม่สามารถ ไปแทรกแซงได้ แต่หน้าที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะในยุคนี้ ทำเรื่องให้จนสามารถออกหมายจับ ซึ่งในสายตาของประชาชนหรือญาติๆ ก็ภูมิใจที่ประชาชนสามารถออกหมายจับแม่ทัพภาคได้ ตรงกันข้ามประชาชนมองว่าญาติพี่น้องของเขาถูกออกหมายจับจำนวนมาก ซึ่งมีความเป็นธรรมที่ กระบวนการยุติธรรมสามารถออกหมายจับข้าราชการได้

ส่วนการออกหมายจับถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่​ พันตำรวจ​เอกทวี​ กล่าว​ว่า​ ไม่ถือว่าเป็นผลงานรัฐบาล แต่ทำให้เห็นว่าเป็นพลวัฒน์​ ถ้ามีกฎหมายให้ทำได้เราจะทำอยู่แล้ว แม้แต่การให้ออกพ.ร.ก. ต้องไปศึกษาว่าถ้าออก จะยืดอายุความเฉพาะ 8 คนหรือ 14 คน หรือจะยืดอายุความอีกกว่า 4,000 คน ที่ถูกออกหมายจับเป็นแสนคน​ เพราะอาจเป็นการออกกฎหมายเพื่อคนใดคนหนึ่ง ถ้าทำได้ก็อยากทำ

พันตำรวจเอกทวี​ ยืนยันว่า​ รัฐบาลพยายามคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายในคดีตากใบ ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ ก็มีการดำเนินคดี ซึ่งในขณะนั้นเริ่มตั้งแต่ชันสูตรพลิกศพ ว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตาย จนกระทั่งปี 2552 ศาลไม่ได้ชี้ และข้าราชการก็ย้ายออกจากพื้นที่ไปหมด ซึ่งต่างจากคดี 99 ศพ ศาลยังระบุว่าอาวุธปืนมาจากเจ้าหน้าที่ แต่คดีนี้ไม่ได้ระบุว่าใครทำให้ตาย โดยในความบกพร่องตรงนั้นตำรวจก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ร่วมกับ สภ. หนองจิก เมื่อปี 2552 ว่าเหตุใดไม่ทำสำนวนให้จบ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นความสวยงามของกฎหมาย ที่ประชาชนฟ้องเองได้และมาฟ้องในปีที่ 20

ส่วนกังวลหรือไม่ที่เหลือเวลาอีก 2 วันจะหมดอายุความ พันตำรวจเอกทวี ยอมรับว่า ตรงนั้นก็เป็นความกังวล แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกฝ่าย และเราก็เสียใจกับพี่น้องที่เป็นผู้เสียหายในคดีตากใบ ซึ่งพรรคประชาชาติด้วยซ้ำที่เป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา โดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ นำเรื่องเข้ากรรมาธิการเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ช่วงปลายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และมีการเรียกหน่วยงานต่างๆ เข้ามาชี้แจงว่า สำนวนยังมีความบกพร่อง ที่ตำรวจยังไม่สืบสวน โดยไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด ที่จะต้องทำภายใน 20 ปีของอายุความ เราก็ทำหน้าที่ตรงนั้นซึ่งก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในระดับหนึ่ง

สำหรับที่มีการตั้ง ข้อสังเกตกรณีแป้งนาโหนด ที่หลบหนีไปนอกประเทศยังนำตัวมาดำเนินคดีได้นั้นมองว่า ข้อกำหนดของแต่ละประเทศต่างกัน และในส่วนของแป้งนาโหนดกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้เสียหาย แต่กรณีนี้กระทรวงไม่ได้เป็นผู้เสียหาย แต่มอบให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปช่วยสนับสนุนข้อมูล

ขณะที่กลุ่มเอ็นจีโอเสนอให้ร้องเรียนต่อศาลระหว่างประเทศนั้น พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ต้นขอชื่นชมเอ็นจีโอและทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนเรื่องนี้ เพราะความยุติธรรม เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องมีส่วนร่วม พร้อมยืนยันรัฐบาลไม่ได้กังวล เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการช่วยเหลือใครและไม่มีอคติที่จะช่วยเหลือใคร และหนำซ้ำอยากให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเราคิดเสมอว่า เราใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเป้าหมายสุดท้าย

เมื่อถามว่าแม้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะถูกโยงหรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ทุกอย่างเมื่อความจริงปรากฏ ความชั่วร้ายก็จะหายไป.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

กกต.ออกหมายเรียกอีก 22 สว. แจงคดีฮั้ว

กทม. 30 พ.ค.- หมายเรียก สว.ฮั้ว ลอต 5 ออกแล้ว คณะกรรมการสืบสวนฯ กกต. เรียกอีก 22 สว.แจง รวมเรียกทั้งหมด 127 คน มีรายงานแจ้งว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เรียกสมาชิกวุฒิสภา เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 22 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย 1.นางจุฑารัตน์ นิลเปรม 2.นางเจียระไน ตั้งกีรติ 3.นางมยุรี โพธิแสน 4.น.ส.จารุณี ฤกษ์ปราณี 5.น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ 6. นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ 7.นายธนภัทร ตวงวิไล 8.น.ส.ภาวนา ว่องอมรนิธิ 9.นายกัมพล สุภาแพ่ง 10.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 11.นายอัครวินท์ ขำขุด 12.นางธารณี ปรีดาสันติ์ 13.นางรจนา เพิ่มพูน […]

ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาชายแดน

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาพิพาทชายแดน ยันทหาร 2 ฝ่ายถอนกำลังจากจุดปะทะช่องบกแล้ว วอนประชาชนรับฟังข้อมูลสื่อหลัก ขอเชื่อมั่นทหารปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว กองทัพบก ออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 1.ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยหรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ 2.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น […]

ทบ.จ่อออกแถลงการณ์ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.- ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว […]

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย