รัฐสภา 30 ก.ย. – “ชูศักดิ์” ฝากประธานวิปรัฐบาลประสานหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ถกเรื่องแก้รธน.-กฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อเดินทิศทางเดียวกัน ยันมองในแง่ดีรัฐบาลเดียวกันไม่สกัดกันเอง แค่เห็นต่างทางกฎหมาย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึง รายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า จากประสบการณ์เรื่องรัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายจะสำเร็จได้เป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่จะต้องเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นอย่างไร เนื่องจากพรรคการเมืองบางส่วนเสนอร่างกฎหมายขอให้นิรโทษกรรม คดีทางการเมือง บางส่วนก็บอกว่านิรโทษกรรมคดีทางการเมือง และคดีที่เกี่ยวข้องมาตรา 112 ด้วย ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายทั้งหมดยังค้างในสภา รวมถึงรายงานแนวทางการศึกษาด้วย ดังนั้นส่วนตัวคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้ ต้องเอาเรื่องทั้งหมดไปหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่อยู่ในสภาฯ ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ว่าท้ายที่สุดพรรคเหล่านี้จะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร พร้อมจะเสนอร่างกฎหมายด้วยหรือไม่
“บางส่วนเสนอร่างกฎหมาย ให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง บางส่วนบวกคดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย ถ้าประชาชนเข้าประสมมาด้วย ให้คดีการเมืองครอบคลุมคดีของประชาชนด้วย ขณะนี้ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดค้างอยู่ในสภา พร้อมทั้งผลการศึกษาของกรรมาธิการ เพื่อให้เป็นไปได้ดีที่สุด ละมุนละม่อมที่สุด พิจารณาแล้วมีทิศทางพอสมควรในแง่ของการพิจารณากฎหมาย จึงคิดว่านำเรื่องทั้งหมดไปหารือกับบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ที่มีที่นั่งในสภา หารือให้ตกผลึกว่าท้ายที่สุดพรรคเหล่านี้จะมีความเห็น อย่างไร จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในประเด็นใดพร้อมจะเสนอร่างกฎหมายด้วยหรือไม่ เพราะพรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบหลักในสภา ถ้าไม่ฟังเสียงกันเสียก่อนท้ายที่สุดพอเสนอและพิจารณาไปแล้วจะกลายเป็นเหมือนเรื่องการเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่มีความเห็นต่างจนไม่ประสบความสำเร็จ” นายชูศักดิ์กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าได้ปรึกษาหารือกับนายวิสุทธิ์ ชัยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลขอให้เลื่อนวาระ รายงานเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ออกไปก่อนรอฟังความเห็นจากหัวหน้าพรรคการเมืองให้ครบถ้วนบริบูรณ์เสียก่อน กลับไปดูตั้งสติกันให้รอบคอบ ซึ่งไม่น่าจะสายเกินไปซึ่งต้องคุยทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อให้เห็นทิศทาง ว่าทิศทางรัฐบาลเป็นเช่นนี้ฝ่ายค้านเป็นเช่นนี้ภาคประชาชนเป็นเช่นไหน เพื่อการพิจารณาร่างกฎหมายไปได้อย่างเข้าใจกัน ซึ่งประธานวิปรัฐบาลเห็นว่าแนวทางนี้น่าจะถูกต้องจึงเลื่อนวาระออกไปโดยวิปรัฐบาลจะทำงานประสานกับหัวหน้าพรรคการเมือง เพื่อให้ได้ข้อยุติ
ส่วนเสียงสะท้อนจากหลายฝ่าย ที่จะไม่ขอรวมคดีมาตรา 112 ไว้ใน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมนั้น นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องให้ตกผลึกกันเวลาไปพิจารณาจะได้เห็นภาพ จะได้ตัดสินใจที่ถูกต้อง ตอนนี้ก็ทราบดีว่าบางพรรคการเมืองต้องการ บางพรรคไม่ได้ต้องการ เพียงแต่ที่ผ่านมาเคยทำหน้าที่กรรมาธิการไม่ได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองหารืออย่างเป็นทางการดังนั้นเห็นว่า การพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองดีที่สุด โดยอยากให้ประธานวิปรัฐบาลทำหน้าที่ประสานรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคอื่นๆมาพูดคุยกัน ซึ่งอาจจะรวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องพูดคุยกัน เพื่อเป็นทางออก หากวุฒิสภายืนตามเช่นนั้นท้ายที่สุดกฎหมายประชามติจะกลายเป็นเนิ่นนานออกไปอาจไม่ทันไทม์ไลน์ จึงใช้ทางออกเดียวกันให้หัวหน้าพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน ซึ่งเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
สำหรับการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ของสว.วันนี้ืที่จะกลับไปใช้ Double majority หรือเกณฑ์ทำประชามติ 2 ชั้น เหมือนเดิมนั้น นายชูศักดิ์ ตอบกลับทันทีว่านั่นน่ะสิ ถ้าเป็นเช่นนี้สุดท้ายเราจะเดินไปอย่างไร เพราะรัฐบาลแถลงนโยบายไปว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้ารูปการณ์ออกมาแบบนี้ก็ผิดไทม์ไลน์ที่เราเคยพูดเอาไว้ เพราะเดิมทีอยากทำประชามติพร้อมกับการเลือกนายกอบจ. แต่หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ทัน ซึ่งหากไม่ทันจะทำอย่างไรมีลู่ทางอย่างไร ที่จะทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้ผ่านไปเรียบร้อยตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนจะมองเป็นเกม ที่จะสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลเดินหน้าตามนโยบายได้หรือไม่นายชูศักดิ์ กล่าวว่าไม่ได้มองเช่นนั้นแต่มองเป็นความเห็นต่างกันทางกฎหมาย คงไม่มีรัฐบาลมาสกัดกั้นรัฐบาลกันเอง ซึ่งตนก็มองในแง่ดี แต่บางทีความเห็นทางกฎหมายอาจแตกต่างกันได้ บางทีคนนี้เห็นอย่างนี้คนนั้นเห็นอย่างนั้นก็บ่อยไป พร้อมยกตัวอย่างว่าตนและนายวิสุทธิ์ยังเห็นไม่ตรงกันบ่อยๆ.-319 -สำนักข่าวไทย