นายกฯ กดปุ่มเปิดงาน​ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตร ปชช.ใบเดียว

ศูนย์ราชการฯ​27 ก.ย. – นายกฯ สุดภูมิใจ กดปุ่มเปิดงาน​ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า​ กทม.​ ใช้บริการ ร้านยา​-คลินิก-หน่วยบริการได้ ไม่ต้องเข้า รพ.​ เล่าย้อน 23 ปี ​สมัยพ่อเป็นนายกฯ​ ถึงเวลาต่อยอดยกระดับ จาก “30 บาทรักษาทุกโรค” พร้อมให้ความมั่นใจปี 67 ใช้ได้ทุกตารางนิ้วของไทย


นางสาว​แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ พร้อมรัฐมนตรี​เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร” โดยมี นายภูมิธรรม​ เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ นายประเสริฐ​จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์​ เทพสุทิน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายชัชชาติ​ สิทธิพันธุ์​ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ​ เข้าร่วมงานด้วย

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวปาฐกถา หัวข้อ “จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้าว่า ยังจำได้ดีถึงประสบการณ์ในตอนที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยกลับบ้านมา แล้วเล่าให้ฟังว่า มีคนเดินมาหาพ่อ ถอดเสื้อออก โชว์แผลผ่าตัดใหญ่ตรงหน้าอก เป็นการผ่าตัดหัวใจที่ยากและซับซ้อน แต่การผ่าตัดใหญ่ทั้งหมดนี้จ่ายเงินแค่ 30 บาทเท่านั้น เขาบอกพ่อว่าสุขภาพดีขึ้นมาก ไม่ต้องทนทุกข์เรื้อรังอีก นี่คือเรื่องจริงของนโยบายที่สามารถช่วยชีวิตของผู้คนได้


นายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า เรื่องเล่าในวันนั้นถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำจนถึงวันนี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อทำนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เพื่อทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงให้ได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในฐานะรัฐบาล พี่น้องประชาชนคนไทยสามารถจับต้องนโยบายที่เป็นรูปธรรม เข้าถึงการรักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล อย่างที่ควรจะเป็น​ผ่านมา 23 ปี ถึงเวลาแล้วที่เราจะยกระดับไปอีกขั้น จาก “30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาท รักษาทุกที่” ซึ่งตอนนี้ขยายมาถึง กรุงเทพมหานครแล้ว

“รู้หรือไม่ จังหวัดอื่นๆ เขารอน้อยกว่า แถมเสียไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเขามีทางเลือก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ แต่ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล 7,000 แห่งหรือโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอกว่า 800 แห่ง ทั่วประเทศ กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทย ที่ขาดแคลนบริการสาธารณสุขในระดับต้นและระดับกลาง ที่จริงแล้วจากจำนวนประชากรที่มีอยู่ กรุงเทพมหานครควรมีศูนย์บริการสาธารณสุขถึง 500 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 50 แห่ง” นายกรัฐมนตรี​กล่าว​

นายกรัฐมนตรี​ยังระบุว่า ในการรักษาถ้าเป็นอาการป่วยพื้นฐาน เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดท้อง เจ็บคอ เป็นแผล ไปโรงพยาบาลใหญ่ หรือไปคลินิก ไปร้านขายยา จะได้รับการรักษาในแบบเดียวกัน คือ ได้รับยาที่ดี มีคุณภาพ และกลับไปเฝ้าระวังต่อที่บ้าน แต่ต่างกันตรงที่ ไปโรงพยาบาลใหญ่เสียเวลา 1 วัน และทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลใหญ่ทำงานหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น​ และในความเป็นจริง โรงพยาบาลใหญ่ มีไว้รักษาโรคร้ายแรงและโรคเฉพาะทาง เช่น มะเร็ง หัวใจ แต่ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวล​หากมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้ ถ้าเข้ารักษาตามกระบวนการ บุคลากรในหน่วยบริการเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ตามคลินิก เภสัชตามร้านขายยา เขาจะบอกเองว่าให้เราไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าเจ็บป่วยไม่มากไปหน่วยบริการเบื้องต้น จะสะดวกกว่ามาก


นางสาวแพทองธารกล่าวว่าต่อไปนี้ ทุกคนที่ถือสิทธิ์ ‘30 บาท รักษาทุกที่’ ในกรุงเทพมหานคร ถ้าเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถเข้าไปหาหน่วยบริการสาธารณสุขได้เลย เช่น ร้านยาใกล้บ้าน, คลินิกเวชกรรมใกล้บ้าน, คลินิกทันตกรรมใกล้บ้าน ,รถโมบายตรวจเลือด ที่บางครั้งจะเข้าไปให้บริการในชุมชน ตู้คิออสในห้างหรือสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถเข้าไปปรึกษาคุณหมอผ่านเทเลเมดิซีนได้เลยค่ะ และมีหน่วยบริการอื่นๆ ใกล้บ้านอีกหลายแห่ง​แค่มองหาสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ก็เข้ารับบริการได้ทันที ไม่เสียค่าใช้จ่าย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การดำเนินงานมาตลอด 8 เดือนของ “30 บาทรักษาทุกที่” ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผลงาน​1 ใน 4 ของ ของผู้ป่วยเลือกใช้บริการที่คลินิกเอกชนใกล้บ้านแทนการมาที่โรงพยาบาล ซึ่งสามารถลดความแออัด ลดระยะเวลาการรอตรวจ ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์​ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาโรงพยาบาล โดยเฉลี่ย 160 บาท/ครั้ง​ นอกจากนี้ยังลดระยะเวลารอในโรงพยาบาลลงถึง 50% จากเฉลี่ย 2 ชั่วโมง เหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้น และเมื่อรักษาใกล้บ้านก็ลดภาระการขาดงานของผู้ป่วยและญาติ​ ส่วนที่สำคัญพี่น้องประชาชน ผู้รับบริการกว่า 98% พึงพอใจกับนโยบายนี้เป็นอย่างมาก

นางสาวแพทองธาร​ กล่าวว่า​ ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ได้เริ่มต้นครั้งแรก ในวันที่ 7 มกราคม 2567 โดยเริ่มใน 4 จังหวัดนำร่อง และได้ขยายนโยบายครอบคลุมเพิ่มเติมอีก 41 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 45 จังหวัด​ และในวันนี้ วันที่ 27 กันยายน 2567 จะเป็นอีกวันประวัติศาสตร์ด้านสาธารณสุขไทยที่ต้องบันทึกไว้ว่า “เรา” ทุกภาคส่วน รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ สภาวิชาชีพทางการแพทย์ หน่วยบริการภาคเอกชน และประชาชน ได้ร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทำให้กรุงเทพมหานคร อยู่ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ สุขภาพดีเริ่มที่ใกล้บ้านได้สำเร็จ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกที่ ขยายสู่ 46 จังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายกรัฐมนตรี​ยังขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยมั่นใจได้ว่า ภายในปี 2567 นี้ รัฐบาลจะสามารถขยาย “30 บาทรักษาทุกที่” โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วทั่วประเทศไทย​เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาล ได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล

หลังเปิดงานนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการ เกี่ยวกับงานสุขภาพ ที่หน่วยงานต่างๆจัดแสดง​อาทิ องค์การเภสัช​ Health Link โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ขอให้หน่วยงานต่างๆดูแลกลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัย​ด้วย.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย บาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด

สุรินทร์ 27 ส.ค.-เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด บริเวณเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะออกลาดตระเวน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่ หน่วยทหารจาก พัน.ร.22 ได้จัดกำลังพลออกลาดตระเวนระหว่างฐานปฏิบัติการ บริเวณหน้าบังเกอร์ 11-12 ด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องชนิด PMN-2 ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1.พลทหาร อดิสร ป้อมกลาง สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างลำเลียงทางอากาศจาก รพ.พนมดงรัก ไปยัง รพ.สุรินทร์ พร้อมชุด Sky Doctor2.จ.ส.อ. ณัฐพงศ์ สีชิน สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่แผ่นหลัง อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งกลับเข้ารับการรักษาที่ รพ.พนมดงรัก3.พลทหาร ธรรณ์ณธร เทากระโทก สังกัดสนาม มว.3 […]

มทภ.2 ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด

กทม. 27 ส.ค.- มทภ.2 ประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาไม่หยุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด 1 นาย ชี้ทุ่นระเบิดมีโครงสร้างพลาสติก เครื่องตรวจหาไม่เจอ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้ เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวโครงสร้างเป็นพลาสติก คาดเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เบื้องต้นได้ทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

“อดีต ผอ.ขนมจีนน้ำปลา” นอนคุก 20 ปี 60 เดือน หลังศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ

สุราษฎร์ธานี 27 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ ปิดคดีอดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ปมให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา หลังสู้นาน 5 ปี สุดท้ายรับโทษจำคุก 20 ปี 60 เดือน นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 เป็นประธานแถลงผลคดีที่กล่าวหาอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ทุจริตเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียนของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา และจัดทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคเพื่อประกอบอาหารกลางวันเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และได้ส่งไปให้อัยการสูงสุด ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 และมีคำพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด รวม 77 กระทง จำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 50 ปี ซึ่งอดีต ผอ.คนดังกล่าว ได้ยื่นอุทรณ์ขอลดโทษ ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน […]

ยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน

ทำเนียบ 27 ส.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน เตือนประชาชนอย่าประมาท นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ได้ระบุถึงจากข้อมูลของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่มีการรายงานว่าพบการชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาแลกรับเงิน 500-1,000 บาท ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยอ้างถึงว่าจะไปแลกเหรียญคริปโต ซึ่งผู้ที่สแกนม่านตาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายละ 1,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้แนะนำสมาชิกจะได้รับเงิน 500 บาทต่อราย สูงสุดไม่เกิน 10 ราย ล่าสุดมีความคืบหน้าว่า สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ตรวจสอบของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินงานของผู้ให้บริการในปัจจุบันถูกต้องตามกฎหมาย และคล้ายกับการดำเนินการในหลายประเทศ ในปัจจุบัน และได้มีการเตรียมประสานกระทรวงดีอีและหน่วยงานอื่นหามาตราการควบคุมข้อมูลอ่อนไหว และยังไม่พบผู้เสียหายหรือกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้หากพบการละเมิดหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ จะดำเนินคดีทันที นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันต่อความสำคัญของความปลอดภัยที่เหมาะสม รัฐบาลขอย้ำว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูงสุด การยินยอมให้เก็บ หรือสแกนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยง ดังนี้ 1. การรั่วไหลของข้อมูล หากข้อมูลรหัส Iris Code […]

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]