ศูนย์ราชการฯ27 ก.ย. – นายกฯ สุดภูมิใจ กดปุ่มเปิดงาน 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กทม. ใช้บริการ ร้านยา-คลินิก-หน่วยบริการได้ ไม่ต้องเข้า รพ. เล่าย้อน 23 ปี สมัยพ่อเป็นนายกฯ ถึงเวลาต่อยอดยกระดับ จาก “30 บาทรักษาทุกโรค” พร้อมให้ความมั่นใจปี 67 ใช้ได้ทุกตารางนิ้วของไทย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร” โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐจันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เข้าร่วมงานด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา หัวข้อ “จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้าว่า ยังจำได้ดีถึงประสบการณ์ในตอนที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยกลับบ้านมา แล้วเล่าให้ฟังว่า มีคนเดินมาหาพ่อ ถอดเสื้อออก โชว์แผลผ่าตัดใหญ่ตรงหน้าอก เป็นการผ่าตัดหัวใจที่ยากและซับซ้อน แต่การผ่าตัดใหญ่ทั้งหมดนี้จ่ายเงินแค่ 30 บาทเท่านั้น เขาบอกพ่อว่าสุขภาพดีขึ้นมาก ไม่ต้องทนทุกข์เรื้อรังอีก นี่คือเรื่องจริงของนโยบายที่สามารถช่วยชีวิตของผู้คนได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องเล่าในวันนั้นถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำจนถึงวันนี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อทำนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เพื่อทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงให้ได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในฐานะรัฐบาล พี่น้องประชาชนคนไทยสามารถจับต้องนโยบายที่เป็นรูปธรรม เข้าถึงการรักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล อย่างที่ควรจะเป็นผ่านมา 23 ปี ถึงเวลาแล้วที่เราจะยกระดับไปอีกขั้น จาก “30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาท รักษาทุกที่” ซึ่งตอนนี้ขยายมาถึง กรุงเทพมหานครแล้ว
“รู้หรือไม่ จังหวัดอื่นๆ เขารอน้อยกว่า แถมเสียไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเขามีทางเลือก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ แต่ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล 7,000 แห่งหรือโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอกว่า 800 แห่ง ทั่วประเทศ กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทย ที่ขาดแคลนบริการสาธารณสุขในระดับต้นและระดับกลาง ที่จริงแล้วจากจำนวนประชากรที่มีอยู่ กรุงเทพมหานครควรมีศูนย์บริการสาธารณสุขถึง 500 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 50 แห่ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ในการรักษาถ้าเป็นอาการป่วยพื้นฐาน เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดท้อง เจ็บคอ เป็นแผล ไปโรงพยาบาลใหญ่ หรือไปคลินิก ไปร้านขายยา จะได้รับการรักษาในแบบเดียวกัน คือ ได้รับยาที่ดี มีคุณภาพ และกลับไปเฝ้าระวังต่อที่บ้าน แต่ต่างกันตรงที่ ไปโรงพยาบาลใหญ่เสียเวลา 1 วัน และทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลใหญ่ทำงานหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และในความเป็นจริง โรงพยาบาลใหญ่ มีไว้รักษาโรคร้ายแรงและโรคเฉพาะทาง เช่น มะเร็ง หัวใจ แต่ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวลหากมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้ ถ้าเข้ารักษาตามกระบวนการ บุคลากรในหน่วยบริการเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ตามคลินิก เภสัชตามร้านขายยา เขาจะบอกเองว่าให้เราไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าเจ็บป่วยไม่มากไปหน่วยบริการเบื้องต้น จะสะดวกกว่ามาก
นางสาวแพทองธารกล่าวว่าต่อไปนี้ ทุกคนที่ถือสิทธิ์ ‘30 บาท รักษาทุกที่’ ในกรุงเทพมหานคร ถ้าเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถเข้าไปหาหน่วยบริการสาธารณสุขได้เลย เช่น ร้านยาใกล้บ้าน, คลินิกเวชกรรมใกล้บ้าน, คลินิกทันตกรรมใกล้บ้าน ,รถโมบายตรวจเลือด ที่บางครั้งจะเข้าไปให้บริการในชุมชน ตู้คิออสในห้างหรือสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถเข้าไปปรึกษาคุณหมอผ่านเทเลเมดิซีนได้เลยค่ะ และมีหน่วยบริการอื่นๆ ใกล้บ้านอีกหลายแห่งแค่มองหาสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ก็เข้ารับบริการได้ทันที ไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การดำเนินงานมาตลอด 8 เดือนของ “30 บาทรักษาทุกที่” ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผลงาน1 ใน 4 ของ ของผู้ป่วยเลือกใช้บริการที่คลินิกเอกชนใกล้บ้านแทนการมาที่โรงพยาบาล ซึ่งสามารถลดความแออัด ลดระยะเวลาการรอตรวจ ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาโรงพยาบาล โดยเฉลี่ย 160 บาท/ครั้ง นอกจากนี้ยังลดระยะเวลารอในโรงพยาบาลลงถึง 50% จากเฉลี่ย 2 ชั่วโมง เหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้น และเมื่อรักษาใกล้บ้านก็ลดภาระการขาดงานของผู้ป่วยและญาติ ส่วนที่สำคัญพี่น้องประชาชน ผู้รับบริการกว่า 98% พึงพอใจกับนโยบายนี้เป็นอย่างมาก
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ได้เริ่มต้นครั้งแรก ในวันที่ 7 มกราคม 2567 โดยเริ่มใน 4 จังหวัดนำร่อง และได้ขยายนโยบายครอบคลุมเพิ่มเติมอีก 41 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 45 จังหวัด และในวันนี้ วันที่ 27 กันยายน 2567 จะเป็นอีกวันประวัติศาสตร์ด้านสาธารณสุขไทยที่ต้องบันทึกไว้ว่า “เรา” ทุกภาคส่วน รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ สภาวิชาชีพทางการแพทย์ หน่วยบริการภาคเอกชน และประชาชน ได้ร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทำให้กรุงเทพมหานคร อยู่ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ สุขภาพดีเริ่มที่ใกล้บ้านได้สำเร็จ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกที่ ขยายสู่ 46 จังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายกรัฐมนตรียังขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยมั่นใจได้ว่า ภายในปี 2567 นี้ รัฐบาลจะสามารถขยาย “30 บาทรักษาทุกที่” โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วทั่วประเทศไทยเพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาล ได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล
หลังเปิดงานนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการ เกี่ยวกับงานสุขภาพ ที่หน่วยงานต่างๆจัดแสดงอาทิ องค์การเภสัช Health Link โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ขอให้หน่วยงานต่างๆดูแลกลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัยด้วย.-319 -สำนักข่าวไทย