“พริษฐ์” ย้ำพรรคประชาชน ชงร่างแก้ รธน. รื้อมาตรฐานจริยธรรม

รัฐสภา 18 ก.ย.-“พริษฐ์” ย้ำพรรคประชาชน ชงร่างแก้ รธน. รื้อมาตรฐานจริยธรรม ลดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ คาดรัฐสภาพิจารณา 25 ก.ย.นี้ เล็งยื่นต่อแก้ พ.ร.ป.ศาล รธน.-พรรคการเมือง แก้ปมยุบพรรค วอนรัฐบาลทบทวนคำถามประชามติ ไม่ฟันธงมี รธน.ใหม่ทันเลือกตั้งหน้า

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาชนจะเดินในเส้นทางคู่ขนาน คือเร่งรัดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความชอบธรรมตามประชาธิปไตยมากที่สุดและการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่เห็นว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งได้มีหมวดหมู่ที่เราได้ยื่นไปแล้ว และคาดว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 25 กันยายนนี้ ในที่ประชุมรัฐสภาคือ การลบล้างผลพวงรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การยกเลิกมาตรา 279 ที่คาบเกี่ยวกับการประกาศคำสั่ง คสช. รวมถึงการเพิ่มหมวดในการป้องกันรัฐประหาร ขณะที่อีกหมวดหมู่ที่กำลังเตรียมการ คือเรื่องการทบทวนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งจะมีอำนาจสองอย่างด้วยกันที่จะให้ทบทวนแก้ไข คือ อำนาจของการยุบพรรค คือการยื่นร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อทำให้สถาบันการเมืองยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีร่างฉบับกลางหนึ่งฉบับที่จะเซ็นร่วมกันในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองที่มีการทำงานร่วมกันมาจากหลายพรรคและแต่ละพรรคก็จะมีการยื่นร่างประกบ รวมถึงร่างของพรรคประชาชนด้วยเช่นกัน ส่วนอำนาจที่สองที่เสนอให้มีการทบทวนคือ เรื่องอำนาจมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งเป็นอำนาจใหม่ที่เพิ่มเติมมาในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเห็นว่าการนำเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมมาบรรจุเป็นกฎหมายอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะว่าเรื่องของจริยธรรมเป็นเรื่องของที่ต่างคนต่างนิยาม และเป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมสูง แต่ในวิธีการของรัฐธรรมนูญปี 60 เรียกว่าเป็นการผูกขาดการนิยามและการตีความส่วนใหญ่ ไว้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ คือให้ศาลรัฐธรรมนูญนิยามว่ามาตรฐานทางจริยธรรมคืออะไร เขียนขึ้นมาและบังคับใช้กับทุกองค์กร ท้ายที่สุดแล้วมีการยื่นเรื่องให้วินิจฉัยองค์กรหลัก ที่จะวินิจฉัย ก็คือกลับมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งที่เรามองว่าเป็นปัญหาคือการเอาเรื่องที่เป็น นามธรรมไปใส่ในตัวบทกฎหมายและให้อำนาจกับองค์กรกลุ่มเดียวในการนิยาม และมีบทบาทหลักในการตีความวินิจฉัย สิ่งที่เราต้องการจะเห็นคือการปรับปรุงของการกำกับเรื่องจริยธรรม อย่างแรก มองว่าเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สิ่งสำคัญคือความรับผิดรับชอบ ทางการเมืองทำอย่างไรให้ระบบการเมืองมีความเข้มแข็งในการตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง เช่นหากมีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่สังคมมองว่าไม่เหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรี จะทำอย่างไรให้ท้ายสุดแล้วผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกระแสสังคม อย่างที่สองคือการปรับปรุงกลไกจริยธรรมในองค์กรของตัวเอง ในเมื่อเราไม่ได้ผูกขาดให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดจริยธรรมของทุกองค์กร จะทำอย่างไรให้ทุกองค์กรปรับปรุงจริยธรรมของตนเองให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


”เราไม่ได้บอกว่าเราไม่ให้ความสำคัญในเรื่องจริยธรรม แต่มองว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ควรที่จะเอาเรื่องที่เป็นนามธรรมในลักษณะนี้ไปใส่ในตัวบทกฏหมายในรัฐธรรมนูญ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระผูกขาดการนิยามและมีบทบาทหลักในการตีความวินิจฉัย แต่ควรจะทำให้ในแต่ละองค์กรมีมาตรฐานจริยธรรมของตนเอง ที่กำกับบังคับใช้ในองค์กรของตัวเองและท้ายสุดคือพัฒนาระบบการเมืองให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้เรื่องจริยธรรมนักการเมืองเป็นสิ่งที่ต้องมีการรับผิดรับรับผิดชอบกันในทางการเมือง“ นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ เชื่อว่า หลายฝ่ายเห็นปัญหาคล้ายกัน แต่แนวทางการแก้ไขอาจจะแตกต่างกันบ้างตามกระบวนการท้ายสุด ถ้าทุกพรรคต่างยื่นร่างของตัวเอง ก็จะไปจบในการพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งต้องรอดูว่าจะเป็นในวันที่ 25 กันยายนนี้เลยหรือไม่ แต่ตนคิดว่าถ้าในภาพรวมเห็นปัญหาตรงกัน แต่ต่างกันที่รายละเอียดการแก้ไข ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะรับหลักการไปและถกเถียงกันในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้มีการรัดกุมรอบคอบมากขึ้น


ส่วนจุดยืนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคประชาชนนั้น ที่ทางรัฐบาลยังยึดกับมติเดิมคือจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด2 นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นจุดยืนที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดแม้ว่าในรอบนี้ในคำแถลงนโยบายอาจจะไม่ได้เขียนชัดเหมือนกับในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจุดยืนของพรรคประชาชนยังคงเหมือนเดิมคือ ยังเห็นต่างกับรัฐบาลในเรื่องนี้ และมองว่าท้ายสุดการจัดทำแล้วรัฐธรรมนูญฉบับฉบับใหม่ ข้อสังเกตที่ผ่านมา จะเห็นว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่มีการยกเว้นการปรับปรุงในหมวดใดหมวดหนึ่ง แต่ได้มีการวางกรอบที่ชัดเจนไว้เท่านั้น ว่าจะไม่มีการแก้ไขการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และรูปแบบรัฐ ซึ่งคิดว่าเงื่อนไขแบบนั้นก็รัดกุมพอควรแล้ว และในอดีตก็จะเห็นว่า ทุกครั้งที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับฉบับใหม่ ก็จะมีการปรับปรุงข้อความในหมวด 1 และหมวด 2 มาโดยตลอดและไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองและรูปแบบรัฐแต่อย่างใด รวมถึงการกำหนดคำถามในการจัดการออกเสียงประชามติ ซึ่งพรรคประชาชนให้ความสำคัญ และควรถามคำถามเปิดกว้าง ไม่นำเงื่อนไขการห้ามแตะเนื้อหาในหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเป็นคำถาม 2 ชั้นกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะประชาชนอาจเห็นด้วยกับบางส่วนของคำถาม และอาจทำให้โอกาสประชามติผ่านความเห็นชอบลดน้อยลงจากเงื่อนไขดังกล่าว ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลทบทวนคำถามประชามติ เพราะรัฐบาลมีสิทธิในฐานะเสียงข้างมากในสภา เพื่อกำจัดอำนาจ สสร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะหมวด 1 และ 2 ได้อยู่แล้ว

นายพริษฐ์ ยังยอมรับว่า ยังคงมีความกังวลใจกับการจัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่สามารถฟันธงได้ว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะจะต้องอาศัยเวลา และโรดแม็ปของรัฐบาลในการจัดการออกเสียงประชามติถึง 3 ครั้ง ซึ่งหากรัฐบาลไม่วางแผนอย่างรอบคอบ ก็อาจจะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ใช้ทันในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ได้

นายพริษฐ์ ระบุว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ยังไม่ได้รับสัญญาณใด ๆ จาก สว.และจะต้องมีการพูดคุยกันต่อไป


นายพริษฐ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ยังเปิดเผยว่า กรรมาธิการฯ ได้เตรียมเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรค และการจัดตั้งพรรคการเมือง สามารถทำได้ง่ายขึ้น ระดมทุนได้ง่ายขึ้น และทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรค.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]