“เศรษฐา” น้อมรับคำตัดสินศาล รธน. ยันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต

ทำเนียบ 14 ส.ค.-“เศรษฐา” น้อมรับคำตัดสินศาล รธน.ให้พ้นตำแหน่ง แต่เสียใจเรื่องขัดจริยธรรมร้ายแรง ยันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ปัดตอบตั้ง “พิชิต” ใครตัดสินใจ มันผ่านมาแล้ว ไม่อยากบอกถูกวางยา ขอเดินไปข้างหน้าดีกว่า ตัดพ้ออยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว ไม่การันตีดิจิทัลวอลเล็ตได้ไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ คนต่อไป ไม่ขอฝากอะไรถึง “ทักษิณ” ลั่นฉากนี้จบสิ้นแล้ว บอกจุดสูงสุดในชีวิตคือการเป็นลูกที่ดี

เมื่อเวลา 15.53 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงเปิดใจว่า คำพิพากษาออกมาแล้วนะครับ ผมต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจง มีการหยิบยกนำมาพูดกันในวงกว้างและเป็นธรรม ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างถูกต้อง มีความตั้งใจจริง ยึดมั่นอุดมการณ์ในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ยืนยันไม่ได้ทำตัวขัดแย้งกับทุกคน เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ


ส่วนการสู้คดีผิดพลาดอย่างไร คดีถึงพลิกออกมาในลักษณะนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ฟัง ฟังตอนจบเพียงอย่างเดียว เมื่อสักครู่นี้ประชุมอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคาดคิดไว้ล่วงหน้าหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็ยังทำงานตามปกติ และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า “เปล่าครับ อย่างที่ผมยืนยันที่ผมทำคำแถลงปิดคดี เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผลออกได้ทั้งซ้ายและขวา ออกได้ทั้ง 2 ทาง เรามีหน้าที่เราก็ทำต่อไป ผมมีหน้าที่ต้องวางแผนระยะยาว และระยะสั้นจะต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าก้าวล่วง หรือคาดเดาว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร”


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในคำวินิจฉัยบอกว่านายกฯ ผิดจริยธรรมร้ายแรง เท่ากับเป็นการตัดสิทธิทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าตัดสิทธิหรือไม่ตัดสิทธิ แต่ผมเสียใจตรงที่ว่า ถูกบอกว่าเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งผมก็ยืนยันตัวตนของผมไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ก็อย่างที่บอก เมื่อตัดสินมาแล้ว ท่านเป็นตุลาการ มีความรู้ความสามารถ ตัดสินมาอย่างไร ผมก็น้อมรับ”

เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาครับ มีภารกิจอีกเยอะ ปัญหาของประชาชนก็เยอะ อย่างที่บอก บ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกหลายท่าน ที่มายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้

ส่วนจะฝากอะไรกับคนที่จะมาทำหน้าที่ต่อจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ต้องฝาก ทีมงานก็อยู่ตรงนี้แล้ว รัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ที่ติดภารกิจอยู่ที่ประเทศคาซัคสถาน กำลังหาไฟลต์บินเดินทางกลับมาในคืนนี้ แต่ถ้าไม่ทันก็เป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ท่านอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตนมั่นใจในทีมงาน กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ต้องผ่านรัฐสภา


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีถูกวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบสวนกลับทันทีว่า “ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น และผมยืนยันว่า ไม่ใช่ผลออกมาแล้วไม่เป็นไปตามคาดหวัง จะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ถูกวางยาไม่มี ผมไม่เชื่ออย่างนั้น

แต่เมื่อถามว่า การแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจคนเดียวหรือไม่ นายเศรษฐา ปฏิเสธตอบ พร้อมบอกว่า เราไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ผมได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างอยู่ในคำแถลงปิดคดีแล้ว ในสิ่งที่ตนอยากจะพูด ท่านตุลาการทุกท่านมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว อย่างที่ผมยืนยัน ผมน้อมรับคำตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เข็ดการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวกับเข็ดหรือไม่เข็ด จริงๆ ปัญหาบ้านเมืองมีมาก คนเราสามารถช่วยเหลือการเมืองได้ในหลายหน้าที่

สำหรับการขึ้นมาบริหารประเทศที่จะครบ 1 ปี ได้บทเรียนราคาแพงอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “คำถามนี้มันยาก บทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและลบ ผมไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่า วันนี้ศาลตัดสินมาแล้วไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง การที่จะบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ใครวางยาหรือไม่ ตนว่าอย่าไปก้าวล่วงดีกว่า วันนี้ยอมรับคำตัดสินแล้วเดินไปข้างหน้าจะดีกว่า ให้ฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการต่อไปในการเลือกนายกรัฐมนตรี และแปลคำพิพากษาว่าตรงไหนเป็นอย่างไร”

ถามว่า นายเศรษฐา ยังสามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อยู่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ยังไม่ทราบเลยครับ เป็นเรื่องของกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคงจะต้องไปดู

ส่วนหากกฎหมายไม่ได้ห้ามให้นายเศรษฐา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ส่วนตัวจะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โอ้ย ขออย่าไปไกลขนาดนั้น ไปทีละสเต็ปดีกว่า

เมื่อถามว่า ส่วนตัวไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครหรือคนบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การที่ผลออกมาแบบนี้ จะถูกมองว่าตนถูกหลอกให้ไว้ใจคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่หรอก เชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังดีให้กับคนในประเทศชาติ ซึ่งอยู่ที่วิธีการจะดำเนินการอย่างไร มีแผนการจัดการบริหารประเทศอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป แต่ตนก็ขอยืนยันตรงนี้ว่า น้อมรับคำตัดสิน และย้ำว่าตลอดระยะเวลาการทำงานมา ในตึกไทยคู่ฟ้า ในตำแหน่งหน้าที่นี้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว ไม่มีข้อขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัวเลย ขอให้ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของตนที่ผ่านมา

ส่วนมีความกังวลหรือไม่ว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนจะไม่สานต่อนโยบายที่เคยประกาศไว้กับประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องให้เกียรติรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย

ส่วนข้อกังวลเรื่องนโยบาย โดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่างที่ตนบอกว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่น มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายตามเห็นสมควร เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี แต่วิธีการก็อาจจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะเห็นด้วยกับเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เห็นด้วย หรือเรื่องอื่นๆ ก็แล้วแต่ แต่ต้องยอมรับว่า ตนหมดหน้าที่ไปแล้วเมื่อเวลา 15:30 น. ของวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่าโครงการเงินดิจิทัลฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ใช่หรือไม่หลังจากนี้ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนไม่มีอำนาจแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โทรศัพท์สายแรกที่โทรมาเป็นใคร สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า มีผู้สื่อข่าวอาวุโสคนหนึ่งโทรเข้ามาให้กำลังใจ (แจ่ม ไทยรัฐ) ส่วนภาคการเมืองยังไม่มีใครโทรมา มีเพียงแค่ส่งข้อความเข้ามาให้กำลังใจเท่านั้น บางคนบอกว่าจะเข้ามาหาที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ตนก็บอกว่าอย่าเข้ามาเลย เพราะจะออกไปอยู่แล้ว “มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว“ นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา ยืนยันว่า คำพูดของตนไม่มีนัยว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นคนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่คนที่มาจากพรรคใดก็ตาม ตนก็ยอมรับตามกระบวนการรัฐสภา

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความรู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่ และจะสามารถปล่อยให้การเมืองเดินไปในทิศทางที่จะเป็นไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถี ส่วนจะปลอดโปร่งหรือไม่ ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวดีกว่า เพราะยังมีความกังวลเรื่องบ้านเมืองหลายๆเรื่อง และไม่ขอให้ความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะก็ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพูดคุยกัน พร้อมยอมรับว่า ตนก็คิดอยู่เหมือนกัน หากผลออกมาด้านใดด้านหนึ่ง ให้อยู่ต่อ ตนก็ทำงานต่อ แต่ถ้าเขาไม่ทำงานต่อ ตนก็ไม่ควรแสดงท่าทีกดดันว่าที่นายกฯ คนต่อไปว่าควรเป็นใคร หรือมาจากพรรคไหน เพราะเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า ส่วนจะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ในฐานะสมาชิกพรรค ตนยังไม่ทราบ แต่ในอนาคตตนอาจจะอยากช่วยบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ นายเศรษฐา มองว่า คนที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีความพร้อมและมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป ขอให้เป็นตามกระบวนการรัฐสภา

ขณะเดียวกันอดีตนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธที่จะฝากข้อความถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะแต่ละคนก็มีวิถีทางที่จะเดินไป จุดที่ทุกคนอยากเห็นตนอาจจะเดินแบบนี้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะเดินอีกแบบนึง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมหากจะบอกให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเดินตามแบบนายกเศรษฐา

เมื่อถามว่าจะมีการฮีลใจอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี เพราะการก้าวเข้ามาตรงนี้วันแรก รู้อยู่แล้วว่าจะสามารถออกมาได้หลายหน้าว่าจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไปตั้งแต่ปีแรก ต้องมีความพร้อมทั้งหมดทุก ๆ ฉากทัศน์

เมื่อถามว่าการเป็นนักการเมือง กับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากัน นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อพบกับความผิดหวังทุกเรื่องก็โหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องอยู่กับมันไป ส่วนวันพรุ่งนี้ตนยังไม่แน่ใจ ว่าจะทำอย่างไรเป็นสิ่งแรก ยังไม่ทราบ แต่คาดว่าอาจจะไปลอยอังคารกระดูกมารดาเร็วขึ้น ซึ่งขอคุยกับครอบครัวก่อน หรือหากทีมงานอยากคุยเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมไม่มีปัญหาอะไร เพราะได้ยกเลิกภารกิจการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้แล้ว

เมื่อมีอะไรจะกล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวว่าง ๆ จะไปหากาแฟกินธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไร

นายเศรษฐา ยังบอกอีกว่า ตนไม่มีอะไรฝากถึงประชาชน เพราะคนเป็นคนพูดไม่เก่ง และไม่มีตำแหน่งที่จะไปพูดแล้ว และจะเป็นการกดดันคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย ซึ่งตนให้ความเคารพ จะเห็นด้วยหรือไม่ ตนไม่ขอพูด

“ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานตรงนี้มาโดยตลอด ตั้งใจทำงานจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งใคร พยายามทำงานให้สุจริต เพื่อให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น ส่วนใครจะเอาดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่เอา หรือจะลดจำนวนลง หรือจะเอาแลนด์บริจด์ หรือไม่เอา ซอฟต์พาสเวอร์จะทำต่อหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่มารับตำแหน่งต่อไป ซึ่งขออำนวยพรให้ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้“ นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐา ยังบอกอีกว่า ครอบครัวยังไม่ได้ให้กำลังใจอะไร เพราะศาลฯ เพิ่งตัดสิน และเมื่อตอนที่ตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลูกๆ ก็ไม่ได้ส่งข้อความมายินดีอะไร เพราะครอบครัวตนไม่ใช่แบบนั้น

นายเศรษฐา กล่าวย้ำถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เข้าใจถึงข้อกังวลของประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามย้อนกรณีที่นายเศรษฐา เสียใจถึงเรื่องผิดจริยธรรมนั้น นายเศรษฐาให้เหตุผลว่า ตนมั่นใจว่าตนเป็นคนมีจริยธรรม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องที่ถูกร้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเช่นนั้น แต่ยืนยันว่า เสียใจ แต่ไม่ใช่หมายความว่าไม่เห็นด้วย ตนน้อมรับคำตัดสิน แต่ตนไม่เคยวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรหาใคร

เมื่อถามถึงเหตุผลที่นายเศรษฐา กล้าเสี่ยงแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบานว่า ตนไม่แน่ใจว่าใช้คำว่ากล้าเสี่ยงได้หรือไม่ เพราะตนได้ดูข้อกฎหมายแล้ว และได้สอบถามแล้ว ขอให้เรื่องนี้จบดีกว่า เพราะศาลฯ ตัดสินแล้วว่าตนผิด ก็ออกจากหน้าที่ไป ขออย่าไปถามต่อ เดี๋ยวกลายเป็นว่าตนไม่เห็นด้วย

ขณะที่ตอนทำคำชี้แจงต่อสู้คดีนายวิษณุ เครืองาม ได้ให้ความมั่นใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ในช่วงท้ายนายเศรษฐา ยังกล่าวถึงความประทับใจที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า คนเราอายุขนาดนี้แล้ว การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ลงไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ได้ลงพื้นที่ ได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งวันนี้ต้องก้าวออกไป สิ่งที่ผิดหวังก็คือ เรื่องนี้ เพราะการเป็นเอกชน หรือการเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน และเป็นนายกฯ เศรษฐา การเข้าถึงปัญหา หากไม่มานั่งตรงนี้ก็มองไม่เห็น เพราะเมื่อเห็นแล้วก็เป็นความของประเทศ แต่ก็ต้องไว้ใจระบบรัฐสภา ที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถ และจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้ ซึ่งตนไม่มีอะไรจะพูด นอกจากความปราถนาดีต่อนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือในช่วง 1 เดือนนี้ที่รักษาการ นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นั่นคือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็น

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ นายเศรษฐายอมรับว่ามีความเป็นห่วง เพราะเป็นเข้าใจความซับซ้อนของโครงสร้าง พร้อมยอมรับว่าเป็นห่วงทุกเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากนี้มันจบสิ้นไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้ว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่เคยคิดว่า จุดสูงสุดของชีวิตคืออะไร เพราะมีโอกาสมาดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ประชาชน ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของตน ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับตนจุดสูงสุดในชีวิตคือ “การเป็นลูกที่ดี” พร้อมยกมือไหว้ สวัสดีผู้สื่อข่าว

ระหว่างที่นายเศรษฐา ได้ลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยก่อนเริ่มแถลงนายเศรษฐาเช็คโทรศัพท์ตลอดเวลา ก่อนที่จะเดินมาให้สัมภาษณ์ โดยในช่วงต้นของการสัมภาษณ์ นายเศรษฐามีเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ซึ่งนายเศรษฐาได้ให้สัมภาษณ์เป็นเวลาประมาณ 20 นาที

และหลังตอบคำถามสุดท้าย ที่ถามว่าจุดสูงสุดในชีวิตของนายเศรษฐาคืออะไร เจ้าตัวได้นิ่งไป ก่อนตอบว่า “เป็นลูกที่ดีครับ” จังหวะนี้นายเศรษฐาตาแดงและมีน้ำตาคลอเล็กน้อยก่อนยกมือไหว้ และโบกมือ ส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเลคซัส ป้ายทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร ออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.13 น.

ทั้งนี้ ช่วงที่นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หน้าตึกไทยคู่ฟ้า มี นายจักรพงษ์ แสงมณี รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสมคิด เชื้อคง อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายชัย วัชรงค์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้าราชการและเจ้าที่ของทำเนัยบรัฐบาลบางส่วนได้มายืนรับฟัง และเดินไปส่งนายเศรษฐา ระหว่างนั้นสังเกตุนายจุลพันธ์มีน้ำตาซีมออกมา และนากยรัฐมนตรีปฎิเสธไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับสื่อมวลชน ก่อนเดินทางกลับทันที ด้วยรถยนต์ส่วนตัว Lexus ออกจากทำเนียบไปทันที.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย