ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 3 รัฐมนตรี พ้น “ครม.เศรษฐา 1”

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน 3 รัฐมนตรีพ้น ครม.เศรษฐา 1 “พวงเพ็ชร” 877 ล้าน-“ชลน่าน” 559.8 ล้าน ส่วน “อนุชา” 28.9 ล้าน


สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย กรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล “เศรษฐา 1″ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 67 โดยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าคู่สมรสเสียชีวิต มีทรัพย์สินรวม 877,000,560 บาท แบ่งเป็นเงินสด 500,000 บาท เงินฝาก 28 บัญชี 58,532,588 บาท เงินลงทุน เป็นกองทุนธนาคาร 6 รายการ 70,987,008 บาท ที่ดิน 47 แปลง ใน กทม. จ.เลย ภูเก็ต ปทุมธานี และระยอง รวม 202,630,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านอาคารสำนักงานรวม 9 หลัง ใน กทม. พระนครศรีอยุธยา และระยอง มูลค่า 333,550,000 บาท ยานพาหนะ 9 คัน รวม 22,121,963 บาท ในจำนวนนี้เป็นเรือยนต์จอดซ่อม 1 คัน 200,000 บาท เรือยอชต์แจ้งหายที่ สภ.พัทยา ปี 58 มูลค่า 1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 188,679,000 บาท เช่น แหวนเพชร ต่างหู จี้เพชร 19 ชิ้น มูลค่า 37.8 ล้านบาท แหวน ต่างหูเพชร 26 ชิ้น มูลค่า 27,870,000 บาท งาช้าง 4 กิ่ง มูลค่า 1 ล้านบาท ทองคำแท่ง 3 กิโลกรัม 60 บาท จำนวน 9 แท่ง มูลค่า 8,415,000 บาท สร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 10 บาท 5 เส้น มูลค่า 1.6 ล้านบาท ชุดเบญจภาคี 1 ชุด ราคา 40 ล้านบาท นาฬิกา 22 เรือน มูลค่า 11.05 ล้านบาท ชุดพระเครื่อง 165 ชิ้น มูลค่า 18,852,000 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม 22 ใบ มูลค่า 3.15 ล้านบาท และแจ้งมีหนี้สินรวม 19,454,155 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 12,498,914 บาท จากเงินเดือนเงินประจำตำแหน่ง 898,914 บาท ค่าเช่าที่ดิน 1.2 ล้านบาท ขายที่ดินเปล่า 4 แปลง 10.4 ล้านบาท รายจ่ายรวม 3,458,376 บาท

ทั้งนี้ นางพวงเพชรได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 66 มีทรัพย์สินรวม 871,071,133 บาท มีหนี้สิน 17,597,18 บาท


ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แจ้งพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุข ระบุตนและน.ส.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 559, 863,126 บาท เป็นทรัพย์สินของ นพ.ชลน่าน 10,204,746 บาท ประกอบด้วยเงินสด 600,000 บาท เงินฝาก 1 บัญชี 469,746 บาท ที่ดิน 2 แปลง 2 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 4,135,000 บาท เช่น พระเครื่อง 8 รายการ มูลค่า 3,710,000 บาท และมีหนี้เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 441,608 บาท

ส่วน น.ส.นวลสกุล แจ้งมีทรัพย์สินรวม 549,658,380 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โดยมีมูลค่ารวม 501,339,338 บาท อยู่ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา, อ.เมือง จ.ลำพูน, อ.แก่งคอย จ.สระบุรี, อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 18.6 ล้านบาท ยานพาหนะ 6,250,000 บาท ในจำนวนนี้พบว่ามีการซื้อรถยนต์ Benz c180 coupe เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 มูลค่า 1.5 ล้านบาท และรถยนต์ Toyota Alphard ซื้อเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 66 มูลค่า 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 21,659,889 บาท เช่น เมฆสิทธิ์หลวงพ่อทับ วัดอนงค์สีเขียวทอง แหวนเพชรตาแมวโบราณสีมรกต ระบุไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ กระเป๋าแบรนด์เนม พร้อมอุปกรณ์ตกแต่ง 25 ชิ้น เครื่องประดับแบรนด์เนม 70 ชิ้น เครื่องประดับทองคำและเพชร 81 ชิ้น รองเท้าแบรนด์เนม 70 ชิ้น ผ้าซิ่นน่านนางพญาคำเคิบ/ซิ่นไหม

ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 ว่ามีทรัพย์สินรวม 561,444,058 บาท หรือเป็นทรัพย์สินของ นพ.ชลน่าน 9,66,395 บาท และของ น.ส.นวลสกุล 551,393,408 บาท และมีหนี้สินจากการกู้ธนาคารและสถาบันการเงิน 554,573 บาท


นายอนุชา นาคาศัย กรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา แจ้งสถานะว่าหย่า ระบุมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 28,928,749 บาท แบ่งเป็นเงินสด 500,000 บาท เงินฝาก 2 บัญชี 688,749 บาท ที่ดิน 5 แปลง รวม 10,750,000 บาท อยู่ใน จ.นนทบุรี และชัยนาท ซึ่งแปลงนี้เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน ระบุเป็นสินสมรส ได้มาเมื่อเดือน ก.ค. 62 มูลค่า 9 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 7.6 ล้านบาท โดยเป็นบ้านใน จ.นนทบุรี 2 หลัง และอีกหนึ่งหลังใน จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นสินสมรส มูลค่า 6 ล้านบาท ยานพาหนะ 3.5 ล้านบาท เป็นรถ JEEP มูลค่า 2.2 ล้านบาท และรถ Volkswagen 1.3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 6,489,000 บาท คือ นาฬิกา 15 เรือน 5.8 ล้านบาท ปืน 23 กระบอก 689,000 บาท และแจ้งมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 139 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 1,380,450 บาท รายจ่ายรวม 100,000 บาท

ทั้งนี้ นายอนุชา เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเมื่อครั้งเมื่อพ้นจาก สส. เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 66 ว่ามีทรัพย์สินรวม 31,354,492 บาท และมีหนี้สิน 30,851 บาท.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย