“นพดล” หนุนงบ 68 พร้อมให้กำลังใจนายกฯ

รัฐสภา 20 มิ.ย.-“นพดล” สส.เพื่อไทย หนุนงบ 68 ชี้ไทยไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง ย้ำต้องกระชับแน่นกับทุกประเทศ พร้อมให้กำลังใจนายกฯ เข้าใจหนัก-เหนื่อย เพื่อให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น หวังงบที่จัดสรรให้ ก.ต่างประเทศ จะกอบกู้เกียรติภูมิประเทศคืนมา

ในการประชุมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปราย ถึงความท้าทายด้านการต่างจองประเทศไทย 5 ประการ ได้แก่


1.เศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งสู่การแบ่งขั้วที่เข้มข้นมากขึ้น พรรคเพื่อไทย ยึดมั่นประโยชน์แห่งชาติต้องมาก่อน เรียกว่านโยบายต่างประเทศที่กินได้ คือ การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ต้องไปขยายตลาด คว้าโอกาสใส่มือคนไทย เร่งทำ FTA แสวงหาโอกาสจากการย้ายฐานการผลิต ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนตั้งฐานการผลิต การที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปต่างประเทศ ไม่ได้ไปอาบแดด ตนในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทราบดีว่าเหนื่อยและหนัก คำวิจารณ์ที่บอกว่าไปแล้วสิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่เป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อโอกาสไม่มาหาเรา เราต้องออกไปหาโอกาส และการลงทุนในระดับ 2-3 แสนล้าน ต้องใช้เวลา ไม่ใช่การเพาะถั่วงอกที่ 3-4 วันกินได้ ต้องบอกว่า ไม่ใช่อิกนอร์ไทยแลนด์ (IGNORE THAILAND) แต่เป็นความสำเร็จอีกแล้วหนอไทยแลนด์

2.ความไม่ชัดเจนของบทบาทและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ เราต้องกอบกู้เกียรติภูมิ และสร้างบทบาทไทยในเวทีโลก เรายึดมั่นตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ถ้าเพื่อนบ้านดี ก็สามารถแสวงหาความร่วมมือทวิภาคีได้ จุดยืนไทยต้องเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพ ต้องผลักดันการแก้ปัญหาในเมียนมา สร้างเอกภาพ สันติภาพ และสถียรภาพในเมียนมาให้ได้ พร้อมฝากถึงรัฐบาลว่า ไทยควรช่วยเหลือมนุษยธรรมเมียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของโลกอย่างชัดเจนและมีทิศทาง


3.การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่เข้มข้น ดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสมดุล เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้างมหาอำนาจข้างใดข้างหนึ่ง และต้องสร้างให้กระชับแน่นกับทุกประเทศ เราจะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างสมดุลบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ (rule based international order) เป็นสิ่งที่เราต้องทำ

4.ปัญหาภัยคุกคามหรือความมั่นคงรูปแบบใหม่ ขอเน้นในเรื่องฝุ่น PM 2.5 ข้ามแดน ไทยต้องแสวงความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน รัฐบาลได้ริเริ่มนโยบายยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) กับลาว กัมพูชา และเมียนมา เพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้สูดฝุ่นพิษข้ามแดน ขอให้กำลังใจรัฐบาล และควรทำให้สำเร็จ เพราะตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งปอดในภาคเหนือมีตัวเลขค่อนข้างน่ากังวลใจ

5.นโยบายการต่างประเทศต้องเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทย โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงต่างประเทศ 9,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204 ล้านบาท ถือว่าต่ำ ซึ่งด้วยศักยภาพของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เคยทำงานในเวลาสั้นๆ รู้ว่าเก่ง สุจริต และมีประสิทธิภาพ มั่นใจว่าแม้งบจะไม่มาก แต่สามารถผลักดันงานต่างๆ ได้ แต่ขอติงเรื่องงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ 148 ล้านบาท มองว่าต้องเพิ่มเติมขึ้น เพราะกระทรวงการต่างประเทศต้องผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ทางการทูตด้วย พร้อมยกตัวอย่างยิ้มสยามว่า มีนัยแฝงว่าอยากให้ทุกคนหันหน้าพูดคุยโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ โยนเมล็ดพันธ์ของความไว้วางใจ มากกว่าไปใส่ไฟแห่งความขัดแย้งในเวทีโลก


พร้อมกันนี้ นายนพดล ยังได้อภิปรายต่อไปถึงข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ 7 ข้อ ประกอบด้วย

1.เร่งเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป และไทย-สหราชอาณาจักร
2.ตอกย้ำบทบาทของไทยในการเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพและความมั่งคั่งในเวทีโลกอย่างแข็งขัน
3.เผชิญความท้าท้ายโลกแบ่งขั้วด้วยการทูตแบบสมดุล โดยยึดมั่นระเบียบโลกภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
4.ผนึกมิตรประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ (PM 2.5) ข้ามพรมแดน
5.เป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพและเอกภาพในเมียนมา
6.เร่งเพิ่มการค้าชายแดน เจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา
7.ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน เร่งช่วยเหลือตัวประกันชาวไทย 6 คนในกาซา

ในช่วงท้าย นายนพดล กล่าวในช่วงท้ายว่า “งานต่างประเทศเป็นงานที่เน้นผลสำเร็จของงาน ถ้าเปรียบเป็นกีฬามันไม่ใช่ยิมนาสติกลีลา แต่เป็นฟุตบอล แพ้ชนะอยู่ที่การยิงประตู เพราะฉะนั้นความสำเร็จของงาน จำเป็น ผมให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ท่านทำงานหนัก เหนื่อย เพื่อชีวิตคนไทยที่ดีขึ้น ผมหวังว่างบ 68 ที่จัดสรรให้กระทรวงการต่างประเทศ เราจะกอบกู้เกียรติภูมิของประเทศคืนมา กอบกู้ศักดิ์ศรีของคนไทยคืนมา สร้างรายได้ขยายโอกาสให้กับประเทศไทย ผมขอสนับสนุนงบ 68 และการทำงานด้านต่างระเทศ”.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย