ม.ธรรมศาสตร์ 4 มิ.ย.-นักวิชาการชี้ ระบบเลือก สว.ยุ่งยากซับซ้อน ทำผู้สมัครน้อยและตกรอบโดยไม่มีความผิด จี้ กกต. แก้ปัญหาให้ชัด บอกต้องจับตาการเคลื่อนไหว “เลื่อน เลิก ล้ม” การเลือก สว.
ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ iLaw และ We Watch จัดงานเสวนา “ปัญหาการเลือก สว. 2567 จะแก้ไขอย่างไร? ข้อเรียกร้อจากประชาชนถึง กกต.” โดยมี นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้ ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการบริหาร iLaw และนายกฤต แสงสุรินทร์ ผู้แทน We Watch เข้าร่วมเสวนา
นายปริญญา กล่าวว่า ปัญหาการเลือก สว. มีทั้งตัวระบบ ยิ่งขั้นตอนมากปัญหาก็มาก เลยหาวิธีการให้ยุ่งยากเข้าไว้ หากเป็นระบบแต่งตั้งก็จะถูกว่า จะเลือกตั้งก็ไม่กล้า จึงออกมาเป็นระบบที่วุ่นวาย บางอำเภอมีผู้สมัครเพียง 1 คนเป็นไปได้อย่างไร กกต. ทำงานในระบบที่ยึดโยงกับประชาชนน้อยเกินไปหรือไม่ คนในอำเภอจำนวนมาก จะมีคนสมัครเพียง 1 คนเรื่องนี้จะแก้ไขอย่างไร เพราะการเลือกที่เลือกตัวเองไม่ได้ อำเภอที่มีเพียง 1 คน ก็ตกรอบ
“ประชาชนที่จ่ายเงิน 2,500 บาท รวมถึงความยุ่งยากต่างๆ แล้ว อยู่ดีๆ ไปตัดสิทธิ์เขา อันนี้ผิดแน่ๆ อ.มีชัยนั้นพลาด ที่ในแต่ละอำเภอมีไม่ถึงสองกลุ่มอาชีพจะทำอย่างไร และในอำเภอที่มีผู้สมัครเพียงหนึ่งคนจะทำอย่างไร พลาดทั้งตัวกฎหมายและตัวกกต.เองก็พลาด ที่ประชาสัมพันธ์อย่างไร ซึ่งเมื่อผู้สมัครไม่ถึง ก็ต้องเข้ารอบไปในกลุ่มจังหวัด หรืออีกทาง ถ้าตีความตามตัวหนังสือที่จะต้องมีคะแนนทางกกต.ก็ต้องประกาศออกมาโดยด่วน เพื่อให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ไปร้องศาลปกครองได้ ถ้าจะตัดสิทธิ์ใคร โดยเพราะอำเภอมีผู้สมัครเพียงคนเดียว หรือมีเพียงสองกลุ่ม ผู้สมัครก็จะได้ไปร้องศาลปกครอง” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสมัครเข้าไป และไม่ใช่เรื่องแพ้ฟาวล์ จะเรียกเช่นนั้นไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ได้ทำผิดอะไร ดังนั้น กกต.ต้องตีความและให้สิทธิ์ประชาชน
“เรื่องด่วนสุด คือ อำเภอที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียวและกลุ่มอาชีพที่มีไม่ถึงสามสายและเลือกไขว้ไม่ได้ โดยต้องเอาสิทธิประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายปริญญา กล่าว
ขณะที่ นายพิชาย กล่าวว่า การเลือก สว. สะท้อนนัยยะบางอย่าง คือการวางกับดักให้กับระบอบประชาธิปไตยให้สับสนวุ่นวาย จนกระทั่งมีใครเอาไปเล่นงานหรือหาเรื่องที่จะสกัดไม่ให้เดินตาม คนเขียนระบบเขียนจากฐานคิด ที่ไม่อยากให้ประชาชนเลือกตั้ง ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าการเลือกกันเองจะต้องมีการฮั้ว อาจจะเล็งเห็นอยู่แล้วว่าจะต้องเกิดปัญหา หลายๆ ครั้งในการเขียนรัฐธรรมนูญ ชนชั้นนำที่วางกับดัก สุดท้ายกลับมารัดคอตัวเองตั้งหลายอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น
“สิ่งที่ต้องจับตาดูตอนนี้คือกระบวนการการเคลื่อนไหว เพื่อที่จะทำให้การเลือก สว. เลื่อน เลิก ล้ม คิดว่ามีร่องรอยปรากฏการณ์แบบนี้อยู่เท่าที่สังเกตและติดตาม ภารกิจสำคัญคือต้องให้การเลือก สว. เกิดขึ้นให้ได้ต้องบรรลุสัมฤทธิ์ผลมีการประกาศให้ได้ตามที่กกต. กำหนดไว้เพื่อที่จะให้กระบวนการประชาธิปไตยขับเคลื่อนไปได้ เพราะถ้ากระบวนการเลือก สว. เกิดขึ้นไม่ได้จะทำให้ สว.ชุดเดิม 250 คน ต้องอยู่ต่อไปอีก” นายพิชาย กล่าว
นายพิชาย กล่าวว่า กกต. ทำงานแย่มากๆ การประชาสัมพันธ์ให้คนมารับสมัคร ถ้า กกต. จังหวัดกระตือรือร้นมากกว่านี้ ส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตยจะต้องเปิดแคมเปญอย่างกว้างขวางให้คนมาสมัคร ปรากฏการณ์หนึ่งอำเภอหนึ่งคนคงไม่เกิด แต่ที่เกิดขึ้นเพราะ กกต. ทำงานเฉยชา ไร้ประสิทธิผล จังหวัดไหนที่เกิดแบบนี้จะต้องมีการลงโทษ เพราะสร้างปัญหา หากไม่ลงโทษ ก็ทำงานแบบนี้
ส่วนผู้สมัคร สว. ที่ดูเหมือนจะมีการจัดตั้งจริง เช่น กลุ่มทุน อสม. ทหารผ่านศึก ประชาชนก็ต้องดูว่าจะตัดสินอย่างไร ซึ่งกระบวนการจัดตั้ง ก็จะได้ประสิทธิผลมากที่สุดในระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและประเทศก็จะยากขึ้น และมองว่า ในระดับประเทศก็อาจจะได้ สว. ที่มาจากการจัดตั้งจำนวนน้อยกว่าที่คาดก็ได้ สุดท้ายประชาชนและผู้สมัคร สว.ก็ต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้การเลือก สว. ครั้งนี้เกิดขึ้นไปได้
ด้าน ตัวแทน We Watch กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลพบปัญหาในเรื่องของการตัดสิทธิ์ผู้สมัคร สว.อย่างแรกที่ผู้สมัครน้อย เนื่องจากกำหนดอายุ 40 ปีขึ้นไปและมีค่าสมัคร 2,500 บาท รวมถึงยังมีผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ทำให้เสียสิทธิ์ในการสมัครครั้งนี้ ทำให้มีผู้สมัครเพียงแค่ 48,000 คน
อีกปัญหาคือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ในเรื่องเอกสาร ทำให้เกิดคำถามว่ากกต. จัดอบรมเจ้าหน้าที่มาแบบไหน ทำให้พบว่าขั้นตอนการรับสมัครก็พบปัญหาแล้วยังไม่นับรวมถึงการเลือกตั้งจริงจะเกิดปัญหาอย่างไร หากเจ้าหน้าที่ยังเกิดความเข้าใจผิดต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเน้นย้ำและชี้แจงกับประชาชน
ส่วนการดูแลการใช้สิทธิ์ของผู้พิการและผู้สูงอายุ ที่ไม่เอื้อ และไม่ได้รับการอำนวยความสะดวก ในการออกไปใช้สิทธิ์ ซึ่งคาดหวังว่าการเลือกตั้งจริงจะมีการแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงไม่มีการทำเอกสารเป็นอักษรเบลหรือหนังสือเสียงให้กับผู้พิการทางสายตา ซึ่งกกต. ควรทำให้เท่าเทียมและทุกคนได้เข้าถึงการใช้สิทธิ์ได้โดยสะดวก
ตัวแทนจาก ilaw กล่าวว่า ผู้สมัครในรอบนี้น้อยกว่าที่ กกต.คาดการณ์ไว้ถึงครึ่ง กกต. จึงควรทบทวน และแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงปัญหาในใบสมัคร สว.3 การระบุอาชีพ ที่ไม่ครอบคลุม และไม่สามารถกรอกได้ตรงกับอาชีพนั้นๆ
”ข้อกังวลที่จะเกิดขึ้นในวันเลือก สว. คือ การไม่มีกลุ่มให้เลือกไขว้ เพราะในอำเภอนั้นๆ มีผู้สมัครเพียงคนเดียว ซึ่งคนที่ออกแบบระบบ ไม่ได้เข้าใจเรื่องคนมาสมัครน้อย จึงไม่ได้ออกแบบทางแก้ไข จึงทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม และอยากให้กกต. อธิบายสิ่งนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปและจะมีวิธีการขั้นตอนอย่างไรให้สิทธิ์ของผู้สมัครนั้นยังอยู่“ นายยิ่งชีพ กล่าว
นายยิ่งชีพ กล่าวว่า ข้อกังวลเรื่อง สว. จัดตั้ง อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เช่นการแต่งตัวเหมือนกันในใบสมัคร สว.3 ง่ายที่สุดก็คือ ไม่ต้องเลือก แค่นัันเอง อีกทั้งมองว่ากลุ่มเช่นนี้ ก็จะถูกเลือกเข้าไปได้เพียง 1 คนเท่านััน
ทั้งนี้ ฝากผู้ที่ยังไม่ได้สมัครในรอบนี้ สามารถเป็นนักสืบ โดยไปตรวจสอบแต่ละพื้นที่ว่าใครเป็นใคร ถือเป็นการช่วยผู้สมัครคนอื่นๆ ทำการบ้าน และในวันเลือกตั้งจริงให้ไปช่วยสังเกตการณ์
นายปริญญา ยังให้สัมภาษณ์ เพิ่มเติมในกรณีมีข่าว มีโพยรายชื่อ 149 คนออกมาว่า กกต.ต้องตอบให้ได้ ว่ามีการฮั้ว มีการล็อคหรือไม่ เพราะถือเป็นความผิดทางอาญา หากสัญญาว่าจะเลือก กกต.ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนออกมา ต้องส่งเสริมบทบาทของประชาชนและสื่อมวลชน ในการตรวจสอบสังเกตการณ์ เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใสทำให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนได้.-315.-สำนักข่าวไทย