ทำเนียบ 28 พ.ค.-“ประเสริฐ” ยันมาตรการเบอร์โทรศัพท์ต้องตรงกับบัญชีธนาคาร รอตรวจสอบ 106 ล้านบัญชี คาด เสร็จเดือน ต.ค.นี้ เตรียมออกมาตรการเพิ่มอนุโลมใช้ในครอบครัวเดียวกัน-ผู้ดูแลผู้อื่น-บริษัทนิติบุคคล ย้ำตัดวงจรซิมผี-บัญชีม้า
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีข้อกังวลของประชาชนหากเริ่มบังคับใช้โมบายแบงค์กิ้งและซิมมือถือต้องตรงกัน จะมีผลกระทบอย่างไร ว่า ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.เป็นต้นไป เราได้ทำการตรวจสอบบัญชีที่เปิดด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งมีทั้งหมด 106 ล้านบัญชี โดยหมายเลขโทรศัพท์ต้องตรงกับหมายเลขที่ให้ไว้กับบัญชี ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบทั้งสิ้น 120 วัน คาดว่าจะเสร็จในเดือน ต.ค.ที่ต้องใช้เวลานานเพราะบัญชีมีมาก ตรวจสอบในหนึ่งวันเกือบ 1 ล้านบัญชี
ส่วนเรื่องที่ประชาชนมีความเป็นห่วงว่าบัญชีจะใช้ไม่ได้ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องเป็นห่วง เรากำลังร่างระเบียบบุคคลที่ได้รับข้อยกเว้น เช่น บุคคลในครอบครัวเดียวกันและบุคคลที่ได้รับคำสั่งศาลให้เป็นผู้ดูแล รวมถึงบริษัทนิติบุคคลที่ต้องซื้อหมายเลขโทรศัพท์แจกพนักงานเป็นจำนวนมาก ยืนยันว่า มาตรการนี้ไม่กระทบกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่กลับเป็นการคุ้มครองประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากซิมม้าบัญชีผีจะเป็นการคัดกรองออกมาว่าอะไรเป็นบัญชีม้าหรือซิมม้า เชื่อว่ามาตรการนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่าประชาชนบางส่วนอาจจะต้องมีการเปลี่ยนซิมและมีปัญหาเรื่องโปรโมชั่นโทรศัพท์ที่จะต้องจ่ายแพงขึ้นจะต้องไปพูดคุยกับผู้ให้บริการทางเครือข่ายหรือไม่ นายประเสริฐ ระบุว่า เราได้พูดคุยกับผู้ให้บริการแล้วว่าจะไม่ให้กระทบกับผู้ใช้โปรโมชั่นเดิม ขอให้มายืนยันตัวตนที่ศูนย์บริการเท่านั้นเอง
ส่วนเมื่อวานนี้(27 พ.ค.) มีประชาชนไปขอเปลี่ยนซิม แต่ทำให้โปรโมชั่นที่ใช้อยู่แพงขึ้นประชาชนจึงกังวลเรื่องการเปลี่ยนเบอร์ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทางผู้บริการน่าจะมีมาตรการรองรับ โดยทางกระทรวงดีอี และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือป.ป.ง. คงไม่ได้ไปดูรายละเอียดเรื่องโปรโมชั่น แต่ได้คุยกับผู้ให้บริการว่าอย่าให้กระทบกับโปรโมชั่นเดิมที่ประชาชนใช้อยู่ ยืนยันว่า มาตรการนี้เป็นสิ่งจำเป็นและต่างประเทศก็ใช้ ไม่ได้ใช้เฉพาะประเทศไทย
นอกจากนี้มีการเตรียมออกมาตรการหลังจากนี้คือการเปิดบัญชีธนาคารเงื่อนไขมากขึ้น บุคคลใดไปเปิดบัญชีธนาคารเกินความจำเป็นธนาคารต้องมีการสอบถามถึงเหตุผลความจำเป็น ถ้าไม่มีเหตุผลธนาคารอาจไม่ให้เปิดบัญชีได้ โดยจากการตรวจสอบพบว่าบางรายถือบัญชีกว่า 100 บัญชี สูงสุดมีถึง 400 บัญชี ตรงนี้เป็นสาเหตุของการรั่วไหลเงินไปสู่มิจฉาชีพจึงเป็นการปิดช่องทางตัดวงจรต่างๆ
เมื่อถามว่าหากประชาชนยังไม่ไปลงทะเบียนซิมเบอร์จะต้องถูกระงับหรือโดนตัดหรือไม่นายประเสริฐ กล่าวว่า เราให้เวลาถึงวันที่ 13 ก.ค.ใครที่ยังไม่ลงทะเบียนไปลงทะเบียนให้เรียบร้อย นายประเสริฐ ยังระบุว่า บ่ายวันนี้(28 พ.ค.) จะเรียกฝ่ายสมาคมธนาคารเข้ามาหารือ พร้อมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการปิดบัญชีในทันที.-316.-สำนักข่าวไทย