สาธารณรัฐอิตาลี 18 พ.ค. – นายกฯ เยี่ยมชมโรงงานผลิตชีส และแปรรูปแฮม หวังยกระดับสินค้าไทย ช่วยเหลือเกษตรผู้เลี้ยงวัว-สุกร มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่แบรนด์ดัง VERSACE รู้สึกตื่นเต้น หลังทราบแผนงานบูมท่องเที่ยวไทย สนใจลงทุน
เมื่อเวลา 13.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน บริเวณจุดพักรถ ภายหลังเยี่ยมชมกระบวนการผลิตชีสของบริษัท BONI S.p.A. (โบนี่) ที่เมืองปาร์มา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เดินทางไปดูโรงงาน 2 ที่ คือ โรงงานทำชีส และแปรรูปแฮม ซาลามี่ต่างๆ ที่เขตเมืองปาร์มา ซึ่งสิ่งที่เราจับต้องได้กคือ เป็นที่รู้กันว่าแฮม หรือซาลามี่ต่างๆ เป็นสินค้าที่มีอายุนับพันปีแล้ว โดยประเทศอิตาลีมีชื่อเสียงในการส่งออก ซึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ การรักษามาตรฐานการผลิต โดยการเลี้ยงวัว และสุกร ที่สามารถแปรรูปจากแฮมเป็นซาลามี่ได้ ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มและยกระดับราคาขึ้นได้ เพราะเป็นสินค้าอิตาเลียน ซึ่งมีมาตรฐานในการควบคุมการผลิตในทุกๆ ขั้นตอน ท่ามกลางการตรวจสอบจากภาครัฐ หากมีอะไรที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะไม่รับรองให้ และขายไม่ทำให้ได้ หรือไม่ก็ต้องขายเป็น Second Product ทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์เหล่านี้มีรายได้ที่สูงขึ้น ถือเป็นจุดแข็งของประเทศอิตาลี และเป็นที่รู้กันว่าสินค้าพื้นเมืองดั้งเดิม ในการใช้เทคโนโลยีมามีส่วนเกี่ยวข้องได้ ก็สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มได้ ทำให้อัตรากำไรที่สูงขึ้น เพราะไม่ต้องพึ่งแรงงานมากเกินไป ถือเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องทำการบ้านครั้งใหญ่ เพราะอยากให้เกษตรกรไทยที่เลี้ยงวัว หรือสัตว์ต่างๆ ที่รายได้ที่สูงขึ้น ซึ่งต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร เช่น ชำแหละแล้วส่งออก หรือชำแหละแล้วนำมาแปรรูปแล้วส่งออก เพราะฉะนั้นเราต้องมาเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นแคปหมู เนื้อเค็ม ไส้อั่ว กุนเชียง ซึ่งมีความคล้ายการทำซาลามี่ แต่ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำได้ทันที เพราะประเทศอิตาลีมีประวัติศาสตร์ทำเรื่องนี้มานาน ถือเป็นกุญแจในการเรียนรู้ ที่เราต้องนำกลับไปคิดร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมชมบริษัท VERSACE (เวอซาเช่) เมื่อวานนี้ ( 17 พ.ค.) ว่าเนื่องจาก VERSASE มีสาขาอยู่ที่เมืองไทย และมียอดขายที่ดีมาก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายหลัก ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจบริษัทดังกล่าวทำเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ยกตัวอย่างเช่น เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาคอนเสิร์ต เวอซาเช่ จะเป็นผู้ดูแลเสื้อผ้าทั้งหมด ตนจึงพูดที่แผนระยะยาวให้ฟังว่าประเทศไทยมีแผนอย่างไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น การจัดฟอร์มูล่า 1, ฟอร์มูล่า E, การจัดคอนเสิร์ต หรือการจัดงาน Michelin Food World Fair ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะฉะนั้นเรื่องของไลฟ์สไตล์ สามารถไปด้วยกันได้กับเรื่องแฟชั่น ซึ่งเขาก็จะไปคิดว่าจะสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำนิทรรศการนี้ได้หรือไม่ เพื่อมากระตุ้นยอดขาย พร้อมกับเสิร์ฟ Festival ต่างๆ เพื่อให้ไปให้ถึงจุดหมายที่ควรจะเป็น โดยเวอซาเช่ ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยทราบเลยว่า ประเทศไทยมีแผนที่จะโปรโมตการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยด้วย.-315-สำนักข่าวไทย