ทำเนียบรัฐบาล 26 เม.ย.-ไทย – บังกลาเทศ มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทุกมิติ โอกาสดีลงนามความตกลง 5 ฉบับ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนสองประเทศ ชื่นชมไทยหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ พร้อมเชิญนายกฯ เยือนบังกลาเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ให้การต้อนรับเชค ฮาซีนา (H.E. Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24 – 29 เมษายน 2567 นับเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
นายกรัฐมนตรีได้นำนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล การหารือทวิภาคี การประชุมเต็มคณะ และเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย 1. หนังสือประกาศเจตนารมณ์เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย – บังกลาเทศ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยและบังกลาเทศ 2. ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงไฟฟ้า พลังงานและทรัพยากรแร่แห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ 4. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการบินพลเรือนและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และ 5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากรระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย กับศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและบังกลาเทศแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและคณะ ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประเทศไทยและบังกลาเทศมีมิตรภาพอันยาวนานร่วมกันนับตั้งแต่พ.ศ. 2515 รวมทั้งมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน
“การเยือนฯ ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นผ่านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านการพัฒนา และการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ ความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ดังนี้ ด้านการค้า ทั้งสองฝ่ายยินดีกับปริมาณการค้าทวิภาคีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเชื่อมั่นว่าจะขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้บังกลาเทศส่งเสริมการลงทุน และมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing business) ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนไทย และอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนได้มากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ไทยและบังกลาเทศให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบรรลุความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ไทย – บังกลาเทศ โดยเชื่อมั่นว่าหนังสือประกาศเจตนารมณ์ที่ลงนามในวันนี้จะช่วยเร่งกระบวนการเจรจาได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไทย-บังกลาเทศลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 3 ฉบับ และความตกลง 1 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและบังกลาเทศมากขึ้น 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดศักยภาพที่แท้จริงจากความร่วมมือด้านพลังงาน 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร ที่จะนำไปสู่การควบคุมชายแดนและการต่อต้านการลักลอบขนของอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว ที่จะช่วยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งหวังที่จะยกระดับความร่วมมือ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมฮาลาล และการแปรรูปอาหาร โดยจะใช้ทรัพยากรที่มีร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชาชนทั้งสองประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยง ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงผ่านการขนส่ง ระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองที่จะช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อทางทะเล และผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ไทยมีบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ ในราคาที่เหมาะสมสำหรับชาวบังกลาเทศที่ต้องการเข้ารับการรักษาในไทย และได้หารือถึงความร่วมมือในการฝึกอบรมและเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ชาวบังกลาเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านร่วมมือทางการศึกษา ไทยเสนอความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา ซึ่งรัฐบาลยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมการศึกษาแบบบูรณาการการทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน ความร่วมมือภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปลายปีนี้ และบังกลาเทศจะเป็นประธานคนต่อไป โดย BIMSTEC ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสร้างเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและเป็นกลไกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองภูมิภาค ด้วยจำนวนประชากรรวมกัน 1.8 พันล้านคน BIMSTEC จึงมีศักยภาพอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมบทบาทของบังกลาเทศในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาผู้พลัดถิ่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) ซึ่งไทยให้การสนับสนุนความพยายามของบังกลาเทศมาโดยตลอดเพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนในประเด็นดังกล่าว .นนามของรัฐบาลไทยว่า ไทยจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับสาธารณะ พร้อมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และคณะอีกครั้งสำหรับการมาเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้
ด้านนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและบังกลาเทศมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนานทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ บังกลาเทศยินดีกับความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน และหวังว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาอำนวยความสะดวก (ease of doing business) การลงทุนสำหรับภาคเอกชนบังกลาเทศ และขอเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนบังกลาเทศเช่นกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีนำนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศเยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรมและหัตถศิลป์ พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ.-314.-สำนักข่าวไทย