ไทย-บังกลาเทศพร้อมร่วมมือทุกมิติ

ทำเนียบรัฐบาล 26 เม.ย.-ไทย – บังกลาเทศ มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทุกมิติ โอกาสดีลงนามความตกลง 5 ฉบับ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนสองประเทศ ชื่นชมไทยหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ พร้อมเชิญนายกฯ เยือนบังกลาเทศ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง  ให้การต้อนรับเชค ฮาซีนา (H.E. Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ  เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24 – 29 เมษายน 2567 นับเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี

นายกรัฐมนตรีได้นำนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ  บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล การหารือทวิภาคี การประชุมเต็มคณะ  และเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย 1. หนังสือประกาศเจตนารมณ์เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย – บังกลาเทศ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยและบังกลาเทศ 2. ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ


3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงไฟฟ้า พลังงานและทรัพยากรแร่แห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ 4. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการบินพลเรือนและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ    และ  5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากรระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย กับศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและบังกลาเทศแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายเศรษฐา  กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและคณะ ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประเทศไทยและบังกลาเทศมีมิตรภาพอันยาวนานร่วมกันนับตั้งแต่พ.ศ. 2515 รวมทั้งมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน

“การเยือนฯ ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นผ่านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านการพัฒนา และการท่องเที่ยว    ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ ความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ดังนี้ ด้านการค้า ทั้งสองฝ่ายยินดีกับปริมาณการค้าทวิภาคีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเชื่อมั่นว่าจะขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้บังกลาเทศส่งเสริมการลงทุน และมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing business)   ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนไทย และอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนได้มากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ยินดีที่ไทยและบังกลาเทศให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบรรลุความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ไทย – บังกลาเทศ โดยเชื่อมั่นว่าหนังสือประกาศเจตนารมณ์ที่ลงนามในวันนี้จะช่วยเร่งกระบวนการเจรจาได้  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไทย-บังกลาเทศลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 3 ฉบับ และความตกลง 1 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและบังกลาเทศมากขึ้น 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดศักยภาพที่แท้จริงจากความร่วมมือด้านพลังงาน 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร ที่จะนำไปสู่การควบคุมชายแดนและการต่อต้านการลักลอบขนของอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว ที่จะช่วยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีร่วมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งหวังที่จะยกระดับความร่วมมือ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมฮาลาล และการแปรรูปอาหาร โดยจะใช้ทรัพยากรที่มีร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชาชนทั้งสองประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยง ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงผ่านการขนส่ง ระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองที่จะช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อทางทะเล และผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ไทยมีบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ ในราคาที่เหมาะสมสำหรับชาวบังกลาเทศที่ต้องการเข้ารับการรักษาในไทย และได้หารือถึงความร่วมมือในการฝึกอบรมและเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ชาวบังกลาเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านร่วมมือทางการศึกษา ไทยเสนอความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา ซึ่งรัฐบาลยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมการศึกษาแบบบูรณาการการทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน ความร่วมมือภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปลายปีนี้ และบังกลาเทศจะเป็นประธานคนต่อไป โดย BIMSTEC ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสร้างเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและเป็นกลไกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองภูมิภาค ด้วยจำนวนประชากรรวมกัน 1.8 พันล้านคน BIMSTEC จึงมีศักยภาพอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมบทบาทของบังกลาเทศในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาผู้พลัดถิ่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) ซึ่งไทยให้การสนับสนุนความพยายามของบังกลาเทศมาโดยตลอดเพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนในประเด็นดังกล่าว .นนามของรัฐบาลไทยว่า ไทยจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับสาธารณะ พร้อมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และคณะอีกครั้งสำหรับการมาเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้

ด้านนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ  กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น  ไทยและบังกลาเทศมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนานทั้งทางประวัติศาสตร์   วัฒนธรรม ประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ บังกลาเทศยินดีกับความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน และหวังว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาอำนวยความสะดวก (ease of doing business) การลงทุนสำหรับภาคเอกชนบังกลาเทศ และขอเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนบังกลาเทศเช่นกัน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีนำนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศเยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรมและหัตถศิลป์ พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ.-314.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]