กต. เผย สถานการณ์ชายแดนเมียนมาดีขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศ  24 เม.ย.-กต. เผย สถานการณ์ชายแดนเมียนมาดีขึ้น ไม่มียิงกันในรอบ 48 ชม. ผู้หนีภัยทยอยกลับแล้ว ย้ำยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ยันไทยพร้อมเป็นตัวกลางเจรจา


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ว่า คณะกรรมการได้ติดตามสถานการณ์ความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ว่ามีความไม่แน่นอนสูง  มีความผันผวน ขยายพื้นที่การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านและกองทัพเมียนมา ชายแดนไทยและเมืองเมียวดีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายต่อต้าน และกองทัพเมียนมาต้องการยึด

“โดยแนวโน้ม 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทุกอย่างดีขึ้น คนในพื้นที่ไม่ได้ยินเสียงปะทะ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยข่าวได้ประเมินสถานการณ์ไว้หลายสถานการณ์ รวมถึงสถานการณ์ที่จะมีผู้หนีภัยความไม่สงบเข้ามาฝั่งไทยมากขึ้น   และย้ำท่าทีไทยว่า 1.ไทยยึดมั่นรักษาอธิปไตยของคนไทย รวมถึงการดูแลความปลอดภัยความมั่นคงของพี่น้องชาวไทย 2.ไทยไม่ให้ใช้ดินแดนในการดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลต่างประเทศไม่ว่าจะจากฝ่ายใด 3.ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมแก่ทุกฝ่ายโดยไม่เลือกปฏิบัติ”นายนิกรเดช  กล่าว


นายนิกรเดช กล่าวว่า คณะกรรมการได้มอบหมายงานให้กระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบการสื่อสารต่อสาธารณชนไทย และต่างประเทศ ส่วนศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก จะเป็นหน่วยงานหลักในการให้ข่าวในพื้นที่   พร้อมให้ที่ประชุมประเมินสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ โดยให้ สมช. เป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงและการข่าว  ส่วนกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลัก ในการประสานด้านการทูต  โดยตอนนี้ไทยได้ประสานให้มีการประชุมอาเซียนทรอยก้า และกรอบอาเซียนทรอยก้าพลัส ผ่านประธานอาเซียน ประเทศลาว 

นายนิกรเดช ย้ำว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่การกระทบกระทั่งระหว่างไทย-เมียนมา และไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในของเมียนมา ไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนว่าเราจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่ประเทศไทย  ทั้งกลุ่มพลเรือน ทหารที่ขอหนีภัย ซึ่งเรามีหลักสากลในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการปลดอาวุธ  และการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นเครื่องแบบพลเรือน ส่งกับประเทศเมื่อสถานการณ์สงบผ่านหลักการไม่ส่งผู้หนีภัยกลับไปสู่อันตราย  ทั้งนี้การดำเนินการจะตั้งอยู่บนพื้นฐานสมดุล ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชน

นายนิกรเดช   กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม   รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข การให้ที่พักพิงแก่ผู้หนีภัย โดยที่ผ่านมาประชาชนเมียนมาที่เข้ามาในไทยได้กลับไปเป็นจำนวนค่อนข้างสูง  สะท้อนว่าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงมากขึ้นสถานการณ์น่าจะสงบลงในระดับที่ผู้หนีภัยในฝั่งไทยคลายความกังวลและขอกลับไป


ส่วนผลกระทบต่อไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง มีผลกระทบทางการค้าชายแดน ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราว คณะกรรมการจึงพิจารณาแนวปฏิบัติการบริหารจัดการผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ซึ่งจะมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ โดยเตรียมการ 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.ภาวะปกติ 2.การดำเนินการกรณีที่ผู้หนีภัยเข้ามายังประเทศไทยแล้ว 3.การขอรับการสนับสนุนในภาพรวมจากองค์การระหว่างประเทศ 4.การประชาสัมพันธ์ให้สาธารชนทราบ

นอกจากนี้คณะกรรมการยังมีแนวทางจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณารายละเอียด จะประกอบด้วยผู้ประสานงานหลัก   และหน่วยงานต่างๆ   โดย สมช.จะเป็นผู้ดำเนินการในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดนี้

นายนิกรเดช   ยังกล่าวถึง การลงพื้นที่ตามแนวชายแดนตลาดริมเมย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อ.แม่สอด จ.ตาก ของปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตามที่ได้รับรายงานมานั้น   ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. ไม่มีการสู้รบในบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 โดยผู้หนีภัยความไม่สงบที่มาอยู่ในฝั่งไทยสูงสุดคือ 3,000 กว่าคน   แต่จนถึงตอนนี้ได้เดินทางกลับไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยจำนวนที่ยังอยู่ในไทยตอนนี้ประมาณ 650 คน และคาดว่า มีแนวโน้มที่ผู้หนีภัยจะเดินทางกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นายนิกรเดช   กล่าวต่อว่า กองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ก็มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเพิ่มกำลัง ทั้งนี้การดำเนินการดูแลผู้หนีภัยความไม่สงบนั้น ขอย้ำว่า เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยเมื่อมีคนเดินทางเข้ามาก็จะมีพื้นที่แรกรับ เพื่อแยกแยะว่าคนกลุ่มใดเพื่อเก็บข้อมูล และนำคนเหล่านั้นไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว    ก่อนที่จะไปยังพื้นที่พักรอ ซึ่งตอนนี้ทางการไทยมีพื้นที่พักรอเกิน 50 จุด และทางกาชาดได้ตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของจากเอกชน   และองค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงองค์กรอื่นๆ ตลอดจนคนไทยในพื้นที่ด้วย

สำหรับการค้าชายแดน  นายนิกรเดช  ระบุว่า ได้รับผลกระทบพอประมาณ   ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม พบว่า ปริมาณการค้าในชายแดนลดลงประมาณไม่เกิน 20%  แต่สิ่งที่สำคัญมากที่นายปานปรีย์  ได้ลงพื้นที่คือ เรื่องขวัญกำลังใจของประชาชน  ซึ่งต้องการให้ประชาชนตามแนวชายแดนความสบายใจ   และมีความมั่นใจในมาตรการที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการอยู่

นายนิกรเดช   กล่าวต่อไปว่า ขวัญ และกำลังใจของประชาชนในตามแนวชายแดนยังมีมาก ซึ่งประชาชนในพื้นที่ทราบดี  ว่าสามารถขอย้ายไปยังพื้นที่ที่มีความปลอดภัยได้   หากมีความจำเป็น   รวมถึงกองกำลังนเรศวรยังมีชุดทหารเดินสายให้ความรู้ และให้ความมั่นใจแก่ประชาชนเพื่อประเมินถึงความเสี่ยงหรือไม่ในพื้นที่ ซึ่งสามารถลดกระแสความกังวลของประชาชนได้มาก

นายนิกรเดช ย้ำว่า สถานการณ์ปัจจุบันตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานมานั้นพบว่า สถานการณ์ดีขึ้นค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยก็ยังคงติดตามสถานการณ์ และเรายังคงประเมินว่า สถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

“หน่วยงานต่างๆ ของไทยมีแผนที่จะรองรับสถานการณ์ ขอให้ประชาชนในพื้นที่มีความสบายใจ และไว้วางใจได้ว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก“ นิกรเดช กล่าว

เมื่อถามว่า ในที่ประชุมได้มีการประเมินหรือไม่ ว่าด่านพรมแดนแม่สอดจะเปิดได้เมื่อไหร่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ตอนนี้ขึ้นอยู่กับฝั่งเมียนมา ว่าเจรจากันไปถึงไหน ตนทราบว่าทุกฝ่ายในเมียนมาก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปิดช่องทางการเดินทางเพราะสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2  เป็นช่องทางการค้าชายแดนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้น ที่ปิดก็เพราะมีความเสี่ยง และทางเจ้าหน้าที่ฝั่งเมียนมาไม่สามารถมาปฎิบัติหน้าที่ได้ ตนเชื่อว่าสะพานน่าจะเปิดได้ในเร็วๆ นี้ เมื่อวานนี้นายปานปรีย์ ก็ได้หารือกับสภาหอการค้าและภาคเอกชน ทุกฝ่ายก็มีความประสงค์เดียวกันว่าอยากจะให้การค้าชายแดนกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

เมื่อถามว่าการไทยจะเป็นตัวกลางในการประสานตามที่นายปานปรีย์ได้ให้สัมภาษณ์ ทางกระทรวงได้ดำเนินการถึงขั้นตอนไหน และกรอบเวลา สถานที่จะเป็นอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา และสมาชิกของอาเซียน รวมถึงเป็นประเทศที่มีความสนิทสนมกับประเทศลาว ที่เป็นประธานอาเซียน เราได้สนับสนุนในทุกข้อริเริ่ม ซึ่งไทยได้เสนอให้มีการประชุมอาเซียนทอยก้า และอาเซียนทอยก้าพลัส    เพื่อหาสันติภาพในเมียนมา โดยได้ส่งไปทุกประเทศแล้ว    โดยเฉพาะลาว ซึ่งเป็นประธานอาเซียน  ส่วนเกิดที่ไหนยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดที่ประเทศไทยก็ได้ หากมีการนัดจะรีบแจ้งให้ทราบ  พร้อมย้ำว่าไทยพร้อมเป็น 1 ในผู้ที่จะทำให้เกิดการพูดจาในเมียนมา   เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อทั้งจากฝ่ายรัฐบาลเมียนมาและกลุ่มต่อต้าน

นายนิกรเดช ย้ำว่า ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในเมียนมากระทบทุกคน โดยเฉพาะประเทศไทย ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน

“ไม่ใช่แต่เฉพาะกับเรื่องเมียนมา แต่ไทยเป็น Advocate for Peace ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อเรื่องเกิดขึ้นประชิดชายแดนเพื่อนบ้านเรา เราย้ำจุดยืนการเป็น Active promoter of peace การเป็นประเทศผู้ต้องการนำสันติสุขมาสู่ความขัดแย้ง สะท้อนออกมาในการที่ประเทศไทยแสดงความพร้อมตามที่ทุกท่านทราบ เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยให้เกิดการพูดจาระหว่างฝ่ายต่างๆ ในเมียนมา หากฝ่ายเมียนมาเห็นว่าเรามีความพร้อมก็จะไปช่วย” นายนิกรเดช กล่าว

ส่วนกรณีที่ทหารเมียนมากำลังปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จังหวัดเมียวดี นายนิกรเดช ระบุว่า ทางการไทยติดตามข่าวตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ชายแดนและกรุงเทพฯ เรามีสถานทูตและประชาคม ดังนั้น เรามีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“ผมย้ำอยู่เสมอว่าเราติดตามกันรายชั่วโมง รายวัน มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายกองทัพเมียนมา ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวในฝ่ายต่อต้านด้วย ผมจึงขอไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้เพราะตัวผมเองก็ได้รับรายงานที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา” นายนิกรเดช กล่าว

นายนิกรเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของฝ่ายไทย ยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อให้เข้ามาดำเนินการเป็นตัวกลาง แต่จะมีการเริ่มเจรจากันภายในกลุ่มของเมียนมา.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]

“แม่ทัพกุ้ง” รับเคยถูกทาบนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน

กองทัพบก 23 ก.ย.- “แม่ทัพกุ้ง” เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำ ปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มองเหตุพื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.เชื่อมต่อ ทภ.2 เส้นเขตแดนเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก โดยพลโทบุญสิน กล่าวย้ำว่า แม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจ พูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอา มองว่าไม่ยั่งยืน นอกจากนี้พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา(RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ที่ให้รือกันภายใน3สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ […]

ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-ศก.ซบ-แรงงานต่างชาติหาย

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-เศรษฐกิจซบ-แรงงานต่างชาติหาย สมาคมผู้เลี้ยงหมูผนึกกำลังร่วมแก้ปัญหา ขายหมูราคาพิเศษ นำร่องวันนี้ “2 กก. ราคา 100 บาท” ตัดวงจรลูกสุกร เก็บหมูเข้าห้องเย็น จำกัดน้ำหนักเข้าเชือด หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียง 52-64 บาท/กก.กำลังกลายเป็นปัญหาที่สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่ววว่า สมาคมฯเร่งออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสร้างเสถียรภาพตลาด ซึ่งราคาหมูตกต่ำเกิดจากหลานปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง นอกจากนี้ ฝนที่ตกยาวนานยิ่งทำให้การจับจ่ายไม่คึกคัก ผลที่ตามมาคือปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำลงจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะขาดทุนสมาคมฯ จึงวางมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การจัดกิจกรรม “หมู 2 โล 100” เพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะจัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 […]

คาดพายุ “รากาซา” ขึ้นฝั่งเวียดนาม 25-26 ก.ย. ไทยตอนบนฝนตกต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุนิยมวิทยาคาดพายุ “รากาซา” จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน 25–26 ก.ย.นี้ ส่งผลร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น เตือนภาคเหนือ อีสาน และตะวันออกตอนล่าง เสี่ยงฝนตกหนัก น้ำหลาก น้ำท่วมฉับพลัน นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก มุ่งหน้าไปยังเกาะฮ่องกง จากนั้นจะเลียบชายฝั่งประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำ และลงสู่อ่าวตังเกี๋ย โดยคาดว่า จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนช่วงวันที่ 25–26 กันยายน 2568 แม้พายุจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเร็ว เนื่องจากปะทะกับมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาจากจีนตอนใต้ แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในไทย โดยเฉพาะการเสริมกำลังของร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มฝนตกหนักเพิ่มขึ้น สำหรับฝนช่วงวันที่ 23–30 กันยายน 2568 ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ร่วมกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยร่องมรสุมยังขยับขึ้น-ลง พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ สำหรับประชาชนใน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา […]