รัฐสภา 12 เม.ย.-“พริษฐ์” ย้ำคำ “พิธา” รัฐบาลทำงานมา 7 เดือนถึงเวลาต้องปรับ ครม. เอาคนทำงานไม่เข้าเป้าออก ชี้ไม่ว่าปรับอย่างไร ไม่มีผลอะไรกับก้าวไกล ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลต่อ รอข้อมูลเพิ่ม หากพบทุจริตก็ยื่นซักฟอก151 ต่อ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอทิ้งท้ายตอนที่อภิปราย ทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่มองว่าหลังจากรัฐบาลทำงานมาแล้ว 7 เดือน รัฐมนตรีคนไหนที่อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ ก็ควรจะมีการปรับ แต่ตนคิดว่าในภาพรวม ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับพรรคก้าวไกล เพราะไม่ว่าจะปรับ ครม. หรือจะเปลี่ยนจำนวนรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคมี แต่ท้ายสุดแล้วเราก็มองว่า วาระเป้าหมายของรัฐบาลก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ซึ่งในส่วนของพรรคก้าวไกลก็ยังคงตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป
“เรายึดตามข้อเสนอของคุณพิธา ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ ก็มองว่าอาจจะมีบางกระทรวง ที่เริ่มเห็นว่าการผลักดันนโยบายอาจจะมีความล่าช้าๅ หรือบางครั้งก็ดูเหมือนว่ารัฐมนตรีที่เข้ามาทำงานอาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงนั้นมากนัก ผมคิดว่ากระทรวงไหนเข้าข่ายเกณฑ์แบบนี้ก็ควรที่จะเป็นกระทรวงที่ต้องปรับ ในลำดับต้นๆ ในการที่จะปรับ ครม. ซึ่งคิดว่าทั้งหมดเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจ” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่าสำหรับตนสาระสำคัญไม่ใช่ตัวรัฐมนตรีว่าใครเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน แต่สาระสำคัญคือรัฐบาลชุดนี้มีวาระอะไรบ้างในเชิงนโยบายสำคัญที่ต้องการจะผลักดัน ที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาชนตอนเลือกตั้ง และตอนประกาศนโยบายต่อรัฐสภา ก็เป็นหน้าที่ของเราในการตรวจสอบว่าคุณได้ทำตาม ขับเคลื่อนประเทศตามเป้าหมายที่สัญญาเอาไว้หรือไม่ หรือหากมีนโยบายอะไรที่รัฐบาลยังตกหล่น หรือเรามองว่าอะไรที่รัฐบาลควรต้องทำ ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะเสนอแนะ
สำหรับกรณีที่มีการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ไปแล้วจะต่อยอดอย่างไรนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่าความจริงเราประเมินงานทุกด้านอยู่แล้ว อยากให้มองการทำงานของฝ่ายค้านที่กว้างกว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 และขณะนี้ข้อมูลต่างๆ ก็ไหลเข้ามาที่พรรคอย่างต่อเนื่อง แต่คงต้องมาวิเคราะห์และรวบรวมอย่างเป็นระบบอีกครั้ง ว่าจะสามารถเปิดอภิปรายไม่วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ได้หรือไม่ หากมีหลักฐานที่ทุจริตพอก็สามารถยื่นได้ อย่างไรก็ตามไม่อยากให้โฟกัสแค่ว่า ฝ่ายค้านมีเครื่องมือเฉพาะ จ้องจะลงรัฐบาลผ่านกลไก 151 อย่างเดียวแต่มีกลไกอื่นที่สามารถใช้ได้ ในการจากผลักดันวาระที่เราคิดว่าสำคัญสำหรับประเทศ
โฆษกพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกิจกรรมของพรรคในช่วงปิดสมัยประชุมว่า พรรคจะใช้เวลา 2 เดือนที่ปิดสมัยประชุมสภาอย่สงคุ้มค่า โดยวางแผนไว้ 5 ประเด็นหลัก คืองานสภา ที่ยังคงเดินหน้ายกร่างกฎหมายเตรียมเอาไว้เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาก็จะได้เสนอได้ทันที ซึ่ง 1 ปี ที่ผ่านมา พรรคยื่นร่างกฎหมายไปแล้ว ประมาณ 50 ฉบับ และอยู่ระหว่างการยกร่างตอนนี้อีกประมาณ 10-20 ฉบับที่ตั้งใจจะทำให้เสร็จ เพื่อพร้อมจะยื่นหลังเปิดสมัยประชุม
ขณะเดียวกันในส่วนที่ 2 เป็นงานในพื้นที่ที่จะใช้ช่วงเวลาปิดสมัยประชุมเข้ารับฟังปัญหาของประชาชน โดยช่วงสงกรานต์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 คณะซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค และแกนนำ พร้อมตน ก็จะไปดูแลปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะนำทีมไปลงดูแลปัญหาพื้นที่ภาคอีสาน และงานส่วนที่ 3 คืองานเชิงประเด็น ซึ่งพรรคก้าวไกลได้แบ่งทีมเชิงประเด็นไว้ 15 ทีม เช่นทีมก้าว Learn ดูแลเรื่องการศึกษา ทีมก้าว Green ดูแลเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นช่วงปิดสมัยประชุมก็คงได้มีโอกาสพบปะผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ข้อเสนอเชิงนโยบายของเราคมมากขึ้น ส่วนงานในส่วนที่ 4 คือการเตรียมสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่เปิดรับสมัครผู้ที่แสดงความจำนงจะลงสมัครรับเลือกตั้ง อบจ.ไปแล้ว ใน 16 จังหวัด และมีการคัดเลือก เปิดตัวไปแล้ว 3 จังหวัด หลังจากนี้จะได้ทยอยเปิดตัว และล่าสุดเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งในส่วนของเทศบาลนครไปด้วย และงานสุดท้ายคือการเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรค ซึ่งขณะนี้ได้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สมัครสมาชิกพรรคได้ง่ายขึ้นโดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว จากเดิมใช้เอกสารหลายอย่าง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นกลไกสำคัญ ที่จะทำให้เราสามารถระดมและขยายทางสมาชิกให้มากขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย