ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเวทีอภิปรายภารกิจพิทักษ์ รธน.

โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น 10 เม.ย.-ศาล รธน.เปิดเวทีอภิปรายภารกิจพิทักษ์ รธน. นักวิชาการ เชื่อการทำหน้าที่ของศาลฯ หลังจากนี้จะเจอความท้าทายจากทั้งคนชอบ-ไม่ชอบ แนะ ศาลฯ ควรเปลี่ยนการยุบพรรค เป็นการกำกับให้พรรคเข้มแข็ง


ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเวทีอภิปรายร่วมกันระหว่างตุลาการศาลรัฐธรมนูญ และนักวิชาการ ในหัวข้อ ”ศาลรัฐธรรมนูญกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ในโอกาส 25 ปี แห่งการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูฐ, นายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา, นายภูมิ มูลศิลป์ รองศาสตราจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นายมานิตย์ จุมปา รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และดำเนินรายการโดย นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

โดย นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อธิบายถึงบทบาทการพิทักษ์รัฐธรรมนูญว่า การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ คือ การพิทักษ์ความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ ที่เป็นกฎหมายสูงสุดประเทศ ให้มีความมั่นคงถาวร ส่วนองค์กรใดจะมาทำหน้าที่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเมืองของประเทศนั้นๆ หรือบางประเทศ กำหนดให้มีสภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เช่น ประเทศปากีสถาน ที่กำหนดให้มีสภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อตีความรัฐธรรมนูญ ให้สอดคล้องกับข้อบัญญัติทางศาสนาอิสลามด้วย หรือการกำหนดให้มีศาลลักษณะพิเศษ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแต่ละประเทศ ก็จะมีที่มาแตกต่างกันไป


สำหรับศาลรัฐธรรมนูญของไทย ที่ทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้น นายปัญญา ยอมรับว่า ได้รับอิทธิพลจากเยอรมนี เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2540 มีบทบาทสำคัญในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ผ่านคำวินิจฉัยสำคัญๆ เช่น การคุ้มครองหลักความเสมอภาคในสิทธิสตรี ที่ต้องการใช้นามสกุลของตนเอง แม้จะจดทะเบียนสมรสกับสามีแล้ว เพราะกฎหมายบังคับให้ใช้นามสกุลของสามีคู่สมรส ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีคำวินิจฉัยต่อคำร้องดังกล่าว ที่มีผู้ร้องยื่นรองผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาในขณะนั้น รวมถึงการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้พิการ ที่ถูกตัดสิทธิเข้าสอบข้าราชการตุลาการ, การงดเว้นโทษ กรณีที่ผู้ต้องหาในคดีอาญาไม่ยินยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ, การกำหนดให้ประกาศกำหนดลงโทษบุคคลที่ไม่มารายงานตัว ตามคำสั่ง คสช.ย้อนหลัง เป็นการออกคำสั่งย้อนหลัง ไม่สามารถเอาผิดย้อนหลังได้ เป็นต้น จึงยืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญไทย มีส่วนสำคัญในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

นายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะอดีตกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กล่าวถึงการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ จนเกิดข้อถกเถียงศาลรัฐธรรมนูญเป็นใหญ่ รวมถึงขั้นตอนการประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มัจจุราช ถ้ารัฐสภา ไม่ทะเลาะกัน ศาลฯ ก็ไม่ต้องชี้ขาด ซึ่งเข้าใจว่า หลายเรื่อง หลายฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกัน และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ หาข้อยุติ

ส่วนการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยรัฐสภา สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น นายอุดม ยอมรับว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยากเข้าไปก้าวก่ายกิจการของรัฐสภา แต่กลับมีผู้ยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และศาลฯ ก็กังวลว่า การยื่นมือเข้าไปวินิจฉัย อนาคตจะเกิดความวุ่นวาย เพราะรัฐสภา ก็เป็นที่รวมของบุคคลที่มีความหลากหลายอยู่แล้ว และศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้อยากก้าวล่วง หรือยุ่งเกี่ยว แต่รัฐธรรมนูญ ก็ได้กำหนดให้มีศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชี้ขาดความเป็นกฎหมายสูงสุด ดังนั้น การพิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้น จึงไม่ได้ขี้ขาดแค่ตัวอักษรเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นไปของสังคม เพื่อให้สังคมเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ด้วย


นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงบทบาทการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ถึงความพยายามของรัฐบาลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังคงใช้บังคับอยู่ว่า ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใด กำหนดให้ทำได้ แต่ในประเทศไทย ก็สามารถทำได้ 2 ครั้งในปี 2489 และ 2540 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดนวัตกรรม ในการเพิ่มเพียงมาตราเดียว เพื่อกำหนดหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ จนกระทั่ง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะต้องสอบถามความเห็นจากประชาชนเสียก่อน จนเกิดการตีความว่า จะต้องจัดการออกเสียงประชามติก่อนที่จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือ จัดการออกเสียงประชามติ เมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ผ่านวาระที่ 3 ของรัฐสภาแล้ว รวมถึงยังไม่มั่นใจว่า รัฐสภา จะให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ เพราะตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดเพียงว่า รัฐสภา มีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เชื่อว่า ประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะอยู่กับสังคมไปอีกระยะหนึ่ง และการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ก็จะอยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ

นายคำนูณ ยังกล่าวถึงที่มาของวุฒิสภา ที่ส่งผลต่อการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า หากจะให้ที่มาองค์กรอิสระ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาจากสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะไม่ตอบโจทย์ แต่การใช้วุฒิสภาคัดเลือก ก็ควรจะต้องตอบโจทย์ด้วย เพราะหากมาจากการเลือกตั้ง ก็จะต้องให้แตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎร มิเช่นนั้น ก็จะไม่แตกต่างจากการมีสภาเดี่ยว และมั่นใจว่า กระบวนการเลือกตั้ง สว.แบบเลือกกันเองตามรัฐธรรมนูญ 2560 ในบทถาวรนั้น จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก และครั้งเดียว เหมือนระบบการเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม

ขณะที่ นายภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เห็นว่า การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ 2540 ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ในรัฐธรรมนูญ 2550 ศาลฯ ถูกมองว่า มีการแทรกแซงการใช้อำนาจก้าวล่วงเข้ามาด้วย จึงเกิดคำถามต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การเข้ามามีบทบาททางการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ ถูกแทรกแซงโดยใคร และมีกรตั้งธงล่วงหน้าอย่างไรหรือไม่ จนมีมวลชนมากดดัน และเปิดเผยชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับ กรณีที่ฝ่ายนิติบัญญัติ มีข้อสงสัยต่อการตีความของศาลรัฐธรรมนูญที่แตกต่างออกไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นไปตามการตรวจสอบถ่วงดุล

ส่วนกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักอำนาจนิยมหรือไม่นั้น เห็นว่า กระบวนการคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีที่มียึดโยงกับกลุ่มอำนาจ จนเกิดคำถามต่อสังคมว่า มีประเด็นใดแอบแฝงหรือไม่ และในมิติของอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ รวมถึงการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ มีการตีความให้อำนาจแก่องค์กรของตนเองหรือไม่ รวมถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่มีการพาดหัวข่าวที่ทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือไม่

คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ยังเห็นว่า การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ จะมองเพียงมิติทางการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังมีบทาทสำคัญในการพิทักษ์สิทธิของประชาชน พร้อมเห็นว่า หลังจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีความท้าทายในการทำหน้าที่ เมื่อสังคมมีความขัดแย้งมากขึ้น ซึ่งในอนาคตหากศาลรัฐธรรมนูญ จะตีความอย่างไร ฝ่ายที่เห็นด้วยก็จะชื่นชม และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก็จะโจมตี

นายมานิตย์ จุมปา รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญไทย 26 ปี สามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่ในมุมเฉพาะในระยะหลังที่เกี่ยวข้องกับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณี การวินิจฉัยการเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นการล้มล้างการปกครองเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กำหนดการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคล จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า แนวคิดเกี่ยวกับการป้องกันตนเองผู้ที่จะทำลายประชาธิปไตย โดยเข้ามาผ่านกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่การลากรถถังมายึดอำนาจ แต่หลักการเยอรมัน มีการเข้าสู่ระบบการเมืองด้วยวิถีประชาธิปไตย ผ่านกระบวนการประชาธิปไตย ดังนั้น จึงมีกระบวนการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดการใช้สิทธิประชาชน หรือการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ก็ต้องถูกตรวจสอบได้ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งการทำหน้าที่นี้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิทักษ์รักฐธรรมนูญได้ แต่ก็จะต้องปะทะกับสังคม

เพราะในอีกมุมหนึ่ง การที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามพรรคก้าวไกล ดำเนินกระบวนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น สภาผู้แทนราษฎร ก็อาจไม่รับหลักการก็ได้ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ จึงเป็นประเด็นท้าทายศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีการตรวจสอบทุกการกระทำหรือไม่ หรือจะตรวจสอบเฉพาะย่างก้าวเฉพาะที่เป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง พร้อมมองว่า หากเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทั่วไป ศาลไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย ยกเว้นเพียงจะมีการกระทำเป็นขบวนการ ส่วนอำนาจการยุบพรรคการเมือง จะเป็นการก้าวล่วงอำนาจประชาชนที่ได้เลือกตั้งมาหรือไม่นั้น

นายมานิตย์ เห็นว่า พรรคการเมือง ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดตรงกันในการเข้ามาบริหารประเทศ จึงเห็นว่า การกระทำผิดจากสาเหตุตัวบุคคล ควรลงโทษที่เป็นตัวบุคคล ไม่ควรยุบพรรคการเมือง เพราะท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถทำให้พรรคการเมืองนั้น หายไปได้ หรือสกัดพรรคการเมืองนั้นได้ จึงเสนอให้การทำหน้าที่ของศาลจากการยุบพรรค เป็นการกำกับให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง และเห็นว่า กลไกการยุบพรรคในปัจจุบัน สามารถทำได้ง่ายเกินไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]