“ปานปรีย์” ยันไทยเป็นกลาง ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ตั้งศูนย์รับช่วยเหลือได้แสนคน

ทำเนียบรัฐบาล 9 เม.ย.-“ปานปรีย์” ยันเครื่องบินเมียนมาที่มาจอดเป็นเครื่องบินพาณิชย์ ไม่มีอาวุธ-กำลังพล-จนท. บอก ไทยเป็นกลาง ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ตั้งศูนย์รับช่วยเหลือได้แสนคน ฝ่ายความมั่นคงเสริมกำลังดูแลชายแดน


นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมามีการสู้รบกันหนักและประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีชาวเมียนมาเข้ามาในไทยในจำนวนที่เยอะ แต่จะมีเดินทางเข้ามาบ้างประปรายจากที่เคยเดินทางเข้ามาอยู่แล้ว และที่เครื่องบินโดยสารจากเมียนมา 1 ลำ ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอดนั้น ปกติก็มีการขอมาจอดเป็นประจำ โดยเฉพาะเครื่องบินที่เป็นเครื่องบินพาณิชย์ ไม่ใช่เครื่องบินทหาร เมื่อขออนุญาตมา ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องทางกระทรวงการต่างประเทศก็ออกใบclearance  เพื่อให้สายการบินบินมาในประเทศไทยได้

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ครั้งนี้ก็เป็นการขอมาจากเอกอัครราชทูตของเมียนมาประจำประเทศไทยและขอความร่วมมือ เนื่องจากมีสถานการณ์ในเมียนมาและมีประชาชนได้รับผลกระทบ อาจมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือประเทศไทย ในเรื่องของมนุษยธรรมซึ่งเราก็ตอบรับในเรื่องของมนุษยธรรม โดยรอบแรกขอมา 3 ครั้ง คาดว่าน่าจะมีประชาชนชาวเมียนมาข้ามชายแดนมาเยอะ แต่สุดท้ายก็ปรากฏว่าไม่มี ก็เข้าใจว่าอาจจะมีการเจรจากันระหว่างกลุ่มที่ต่อสู้กันในพื้นที่ อาจจะมีการตกลงกันได้ ทำให้ไม่ต้องขนคนไป และคาดว่าอาจจะมีข้าราชการเข้ามา แต่สุดท้ายไม่ได้เข้ามา ซึ่งโดยปกติทางการทูตไม่ว่าจะเป็นประเทศใด เราไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ทั้งหมดนี้ ก็ผ่านชายแดนมาเรียบร้อย ซึ่งในการตรวจสอบที่ชายแดน ยืนยันได้ว่าไม่มีอาวุธ ไม่มีกำลังพล ไม่มีทหาร และเดิมที่จะเดินทางเข้ามาก็ขอยกเลิกไปไม่ได้เดินทางเข้ามา ดังนั้นเหลือแต่เอกสารทางราชการที่ส่งกลับไป


นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวว่าเครื่องบินที่เข้ามาขนคนเข้ามานั้น ก็ไม่เห็นและตามที่แจ้งมาก็ไม่มีเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องของมนุษยธรรม พอไม่มีชาวเมียนมามาก็เหลือเฉพาะสัมภาระ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งทั้งหมดผ่านด่านมาแล้วมีการตรวจเรียบร้อยก่อนมาแล้ว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมกัน ซึ่งนายเศรษา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญฝ่ายความมั่นคงเข้ามา เพราะมีความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นทางประเทศไทยจะเตรียมสถานการณ์รองรับได้อย่างไรบ้าง

“ได้รับรายงานว่า ปัจจุบันนี้ มีการเตรียมแผนรองรับแล้ว น่าจะรับได้ประมาณ 1 แสนคน เข้ามาในที่ปลอดภัยชั่วคราว ก็มีคำถามต่อไปว่า ถ้ามีจำนวนคนเข้ามามากกว่าแสนคนจะทำอย่างไร  ผู้รับผิดชอบก็แจ้งว่าสามารถที่จะดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้กำลังติดต่อกับต่างประเทศด้วย ว่าหากเกิดความรุนแรงแล้วมีคนเข้ามาเป็นหลักแสนเราจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่อยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการได้โดยลำพัง ก็ต้องเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาร่วม” นายปานปรีย์ กล่าว


นายปานปรีย์ กล่าวว่า อีกเรื่องคือเรื่องการค้าชายแดน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง และก่อนหน้านี้การค้าบริเวณชายแดนโดยเฉพาะที่แม่สอด ก็ลดลงมาก ตอนนี้ข้าราชการกรมศุลกากร ตม.ฝั่งเมียนมาก็ยังทำงานเป็นปกติ แต่อาจจะไม่ได้ใส่เครื่องแบบ การค้ายังเข้า-ออกได้ปกติ หากเข้า-ออกไม่ได้ก็จะไดเวอร์สไปพื้นที่ชายแดนอื่นต่อไป

ส่วนกรณีให้เครื่องบินมาจอดจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่นั้น นายปานปรีย์ยืนยันว่า ไม่มี เพราะไม่ใช่เครื่องบินทหาร เป็นเครื่องบินพลเรือนของเมียนมา ซึ่งปกติก็บินเข้า-ออกประเทศไทยอยู่แล้ว “

ตนคิดว่าไม่มีประเด็นอะไรเลยเรื่องของการชักศึกเข้าบ้าน และถามทางกองทัพก็มีความพร้อม ในกรณีที่อาจจะมีการล่วงละเมิดน่านฟ้า ว่าจะดำเนินการอย่างไร” นายปานปรีย์ กล่าว

สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะให้มีการเจรจานั้น  นายปานปรีย์ กล่าวว่า การเจรจาต้องเจรจาให้ครบทุกกลุ่ม ทั้งทางการเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งรัฐบาลเมียนมาคุมได้ พื้นที่หนึ่ง อีกกลุ่มก็คุมในพื้นที่หนึ่ง ดังนั้นการเจรจาต้องเจรจาให้ได้ทุกกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ต้องทำ

เมื่อถามถึงจุดยืนของประเทศไทย ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันประเทศไทยมี ความเป็นกลางอย่างแน่นอน

“เรามีความประสงค์ให้เกิดสันติสุขและเกิดความสงบเรียบร้อยในเมียนมา เพราะไทยได้รับผลกระทบมากและเราได้เริ่มทำในบางส่วนแล้ว แต่เมื่อมีการสู้รบกันมากขึ้น ก็จะต้องหาทางที่จะทำให้เกิดการเจรจา เพื่อให้การสู้รบยุติลง เพื่อให้เกิดการพูดคุยกันมากขึ้น” นายปานปรีย์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากกลุ่มเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ ที่หลบหนีการสู้รบเข้ามาอยู่ฝั่งไทยแล้วมาอยู่รวมกันจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า

เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ ซึ่งผู้รับผิดชอบ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กองทัพ ทราบอยู่แล้ว และจะเป็นผู้ที่รู้ว่าในพื้นที่ต่างๆ เป็นชนกลุ่มไหน ชาติพันธุ์ไหน ดังนั้นการที่ไปเอาชาติพันธุ์ที่ไม่ถูกกันหรือคนที่เป็นของรัฐบาลมาอยู่ด้วยกัน อาจจะมีปัญหาได้ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เราแยกแยะได้และโดยปกติแล้วประชาชนชาวเมียนมาไม่ได้แตกแยกเท่าไหร่  จะเป็นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น และประชาชนชาวเมียนมาส่วนมาก ก็ข้ามไปข้ามมา ไม่รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มไหน ไม่น่าจะมีปัญหา แต่อย่างไรก็ตามได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ จะทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยกับสถานการณ์นี้อย่างไร นายปานปรีย์ กล่าวว่า วันนี้ยังมีความสงบอยู่ จากที่ได้รับรายงาน มีการค้าขายกันปกติ ประมาณการค้าอาจจะลดน้อยลงและประชาชนอาจจะมีความกังวลอยู่บ้า งว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นเรื่องภายในของเมียนมา ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรที่รุนแรงในพื้นที่ ของเมียวดี เนื่องจากเมียวดีเป็นพื้นที่ของเศรษฐกิจโดยตรง และคิดว่าไม่มีใครมีความประสงค์ที่จะทำให้เกิดความรุนแรง โดยทางกองทัพก็เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ในกรณีที่เป็นเรื่องชายแดน ทางกองทัพก็จะต้องดูแล ตอนนี้ก็เพิ่มกำลังไปแล้วและดูแลอย่างใกล้ชิดเข้มงวด

เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนบทบาทจากผู้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นผู้ควบคุม เหมือนกรณีของจีนหรือไม่นั้น  นายปานปรีย์ กล่าวว่า เราไม่ได้เข้าไปควบคุมใครและเราไม่สามารถที่จะไปควบคุมรัฐบาลอื่น แต่เราทำหน้าที่ประสานงาน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในเมียนมา และไม่ใช่เฉพาะ ในเรื่องการดำเนินข้อริเริ่มด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว แต่หลังจากตรงนี้ เราก็มีแผนที่จะดำเนินการในส่วนนี้อยู่แล้ว

ส่วนที่มีรายงานว่ารัฐบาลตัดสินใจอนุญาตให้เครื่องบินลงจอด  โดยไม่ได้ประสานงานกับกองทัพนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการและเป็นไปตามขั้นตอน หลังจากที่มีเหตุการณ์ ก็มีการประสานงานเข้าประชุม สภาความั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  เพื่อหารือว่าเกิดอะไรขึ้น และนายกรัฐมนตรีก็รับทราบดี  การจะให้เครื่องบินเมียนมาบินเข้ามาหรือไม่  รัฐบาลรับทราบดีและตัดสินใจสอดคล้องกัน ผ่าน สมช.

ส่วนจำเป็นต้องให้จีนมาร่วมหรือไม่ เป็นอีกสเตปหนึ่ง ที่เป็นเรื่องของประเทศที่มีชายแดนติดกับเมียนมา ทั้ง จีน อินเดีย บังคลาเทศและลาว จะมาร่วมกัน เพราะทั้ง 3-4 ประเทศนี้ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับประเทศไทย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

สระแก้วพบผู้ป่วยติดเชื้อแอนแทรกซ์รายแรก

สระแก้ว 2 มิ.ย.- สระแก้วพบผู้ป่วยแอนแทรกซ์รายแรก ซักประวัติชอบกินก้อย-ซอยจุ๊-เนื้อดิบ จนท.เตรียมลงพื้นที่สอบสวนโรคเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์รายแรกของจังหวัด เป็นชาย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างตัดไม้ อยู่ที่ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี ด้วยอาการตุ่มแผลบริเวณศีรษะ ด้านหลังคอ แขน และขา การตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อแอนแทรกซ์ จากการซักประวัติพบว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเสี่ยง คือ ดื่มสุราทุกวัน และชอบบริโภคก้อย ซอยจุ๊ เนื้อดิบเป็นประจำ ล่าสุดได้รับประทานเนื้อดิบเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากการบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยที่ไม่ได้รับการปรุงสุก วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) จะลงสอบสวนโรคเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ เน้นย้ำให้ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้วและพื้นที่ใกล้เคียง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ล้างมือและชำระล้างร่างกายหลังสัมผัสสัตว์ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย บริโภคอาหารที่ปรุงสุก ร้อน และสะอาดเท่านั้น หากพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ […]

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 2 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย