กลาโหม 5 เม.ย.-“สุทิน” รมว.กลาโหม ชี้ข้อมูลอภิปรายของฝ่ายค้านเกือบ 90% เป็นของเก่า ไม่ดุเดือด เหมือนโดนจับขึ้นชก ทั้งที่ยังไม่พร้อม รับ ทร. โดนตีหลายครั้ง หวังเรือดำน้ำจบใน เม.ย.
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่มีการพูดถึงเรือดำน้ำ และเรือฟริเกต โดยมองว่าไม่ได้ดุเดือด หรือรุนแรง
“เขาไม่ได้รู้จริงเท่าไหร่ เหมือนกับคลำหา ไม่ว่าจะเป็นเรือฟริเกต หรือเรือดำน้ำก็คลำหา”นายสุทิน กล่าว
ส่วนเรื่องเรือฟริเกตที่มองว่ารัฐมนตรีไปตัดงบทำไม ทั้งที่พรรคก้าวไกลอุตส่าห์เชียร์ นายสุทิน มองว่า เป็นเหลี่ยมทางการเมืองของฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นอย่างนี้ตลอด ถ้าเราไปขาวเขาก็ไปดำ ถ้าเราไปดำเขาก็ไปขาว ถ้าเราให้ข้อมูลไปก็ยังมีมุมมาว่าเราอีก เพราะฉะนั้นไม่ชกตามเสียงเชียร์ แต่ชกไปตามแผนของเรา
ทั้งนี้ งบจัดซื้อเรือฟริเกตไม่อยู่ในแผนงบประมาณปี 68 ใช่หรือไม่ นายสุทิน บอกว่า ยังไม่สรุปว่าไม่เข้า อาจจะนำเข้าก็ได้ ขอรอดูการพูดคุยเรื่องเรือดำน้ำก่อน ซึ่งมันเชื่อมโยงกันอยู่ หมายความว่าเกี่ยวกับการใช้งบที่มีความสัมพันธ์กัน
“ต้องดูก่อนว่าเรือดำน้ำจบอย่างไร ก็จะมีผลต่อการจัดหาเรือฟริเกตในปี 68 เพราะถ้าให้งบมาซ้อนกันงบจะโป่งพอง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต มันก็จะทำให้งบโป่งพอง ซึ่งต้องดูว่าการพูดคุยจบได้ปีละ 1 ลำ หรือถ้าเรือมาเร็ว ก็จะทำให้งบซ้อนกัน”นายสุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะใช้เวลาตัดสินใจเรื่องเรือดำน้ำนานแค่ไหน นายสุทิน กล่าวว่า ตนพยายามจะเร่งอยากจะให้จบภายในเดือนเมษายน หรือถ้าจบเร็วกว่านี้ก็ดี พอมีสัญญาณที่ชาร์จงบประมาณ ปี 68 ก็น่าจะเดินได้
ส่วนวันอังคารที่ผ่านมา หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ได้หารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเวลานาน ผลเป็นอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับนายกฯ หลายเรื่อง รวมถึงเรื่องทั่วไปด้วย การพูดคุยก็ไม่ได้ถึงกับนานมาก เพราะได้รายงานให้นายกฯ รับทราบเป็นระยะอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่ามีคนในรัฐบาลโทรหากองทัพเรือจ้องตบทรัพย์เรื่องเรือฟริเกตนั้น นายสุทิน กล่าวว่า เสียดายตนฟังตรงนี้ไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอย่างไร ถ้าโทรไปจริง คงไม่ใช่เรื่องตบทรัพย์อาจเป็นเรื่องการให้กำลังใจ ขอให้ใจเย็นๆ ได้อยู่หรอก
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการที่พรรคก้าวไกลเชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต เพราะฝ่ายค้านได้เงินทอนด้วยใช่หรือไม่ นายสุทิน มองว่า “ก็เป็นการย้อนตรรกะเฉยๆ เมื่อคุณคิดทางลบกับคนอื่นทำให้คนอื่นคิดทางลบกับคุณได้เหมือนกัน เท่านั้นเอง”
เมื่อถามว่าทั้งสองฝ่าย มีตัวแทนนายหน้าผู้ค้าอาวุธอยู่เบื้องหลัง เหมือนแย่งโครงการกัน นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้หรอก แต่โดยธรรมชาติการค้าขายที่ไหนก็จะมีเรื่องของตัวแทนเป็นปกติ ส่วนจะเป็นเรื่องผลประโยชน์หรือแย่งชิงอะไรกันนั้น ตนไม่รู้เลย แต่คิดว่าไม่ถึงขั้นนั้น หากได้ผลสรุปเรื่องเรือฟริเกตก็จะยืนอยู่บนหลักการเดิมคือ จีทูจี
เมื่อถามว่า กองทัพเรือถูกอภิปรายโจมตีหลายเรื่อง รวมถึงผลสอบเรือหลวงสุโขทัยล่ม นายสุทิน กล่าวว่า ก็ไม่แปลกเพราะมีหลายกรณี หลายเคส หลายสตอรี่ ก็ต้องถูกโยงอภิปรายมากหน่อยเป็นธรรมดา
เมื่อถามต่อว่า สิ่งที่รัฐมนตรีพูดในสภาว่า หากแถลงผลสอบเรือหลวงสุโขทัยออกมา แล้วมีความไม่ชอบมาพากลก็อาจตั้งกรรมการสอบซ้ำใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็เป็นความตั้งใจเราในฐานะฝ่ายบริหาร เราต้องทำเรื่องนี้ให้ตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด ถ้าผลสอบออกมาไม่เป็นธรรมเราก็ต้องทำให้เป็นธรรมทำ ซึ่งวิธีการหนึ่งคือสอบสวนใหม่ หรือสั่งให้ทบทวน ก็ต้องดูว่าวิธีไหนจะทำได้ แต่ถ้าผลสอบเป็นธรรมแล้วก็แล้วไป สังคมรับได้ก็จบ
ส่วนรัฐมนตรีไม่กลัวทหารเรือจะไม่พอใจใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัว กลัวประชาชน กลัวสังคมมากกว่า ซึ่งความไม่เป็นธรรมนั้น รวมทุกเรื่อง ถ้าเป็นไปตามความจริงนั่นคือเป็นธรรม สรุปแล้วอยู่ที่เนื้อหาและบทลงโทษ ถ้าลงโทษถูกคน เหมาะแก่ความผิด อย่างนั้นก็เป็นธรรม แต่ถ้าลงโทษไม่ถูกคนหรือลงโทษเบากว่าฐานความผิด นั่นก็คือไม่เป็นธรรม
ส่วนที่มองว่าเหมือนผู้การเรือหลวงสุโขทัยจะโดนลงโทษคนเดียว นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะกองทัพเรือยังไม่สรุป ต้องรอให้สรุปมาก่อน ถ้าเพียงได้ยินมาแว่วๆ หรือคาดว่า บางทีก็อาจไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งถ้ามีความผิดก็ต้องมีคนรับผิดชอบ หรือถ้าไม่ผิดจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่คนรับผิดชอบต้องเป็นตัวจริง ซึ่งสังคมรอดูอยู่
เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ที่ฝ่ายค้านชี้ว่ามีไอโม่งอยู่เบื้องหลังเรื่องเรือหลวงสุโขทัย นายสุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ดู แต่ถ้าผลสอบออกมาอย่างไร จะสะท้อนเองว่ามีหรือไม่มีไอ้โม่ง ซึ่งคนในสังคมก็ตามอยู่ และเขาก็รู้เรื่องมาตลอด ถ้าผลสอบออกมาไม่น่าสอดคล้องกับความเป็นจริงก็น่าจะมีขบวนการที่ไม่ปกติ
ทั้งนี้ ให้คะแนนฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้เท่าไหร่ จากเต็ม 10 นายสุทิน กล่าวว่า ไม่อยากไปด้อยค่าเขา แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงกลาโหม ทุกกระทรวง 80-90% ของการอภิปรายเป็นเรื่องเก่า
“นี่คือปัญหา ซึ่งเขาก็รู้ดี ผมเชื่อว่าฝ่ายค้านเขารู้ดี เขาก็เคยพูดแต่แรกว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานมา 6 เดือนจะไปอภิปรายอะไร คล้ายๆ รู้ว่าอภิปรายก็ต้องเอาเรื่องเก่ามาพูด ซึ่งเขาอาจถูกบีบโดยสังคมหรือใครไม่รู้ ไปบีบให้เขาต้องอภิปราย เพราะฉะนั้นเหมือนไปจับเขาขึ้นชก ในขณะที่เขายังไม่อยากชก สองคือเขาไม่พร้อมมันก็ออกมาแบบนั้นแหละ”นายสุทิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย