ฟาด “วิโรจน์” คุยคับแก้ว มีแต่เรื่องเก่า

รัฐสภา 4 เม.ย.-“สุทิน” ไล่แจงทีละประเด็น ทั้งฟริเกต –ร.ล.สุโขทัย ตอกกลับ “วิโรจน์” หลอกปชช. โฆษณาอภิปรายคับแก้ว สุดท้ายมีแต่เรื่องเก่าที่ตอบไปแล้ว ปฏิรูปกองทัพต้องใช้เวลา ย้ำถ้าความมั่นคงดี ทุกคนได้ประโยชน์ กินอิ่ม นอนอุ่น


นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงปัญหาภายในกองทัพ หลังจากถูกสส.พรรคก้าวไกลอภิปรายพาดพิง  ว่า เท่าที่ฟังเป็นการกล่าวหาเป็นส่วนใหญ่ ตนจะเก็บสิ่งที่เป็นประโยชน์ แม้จะเป็นการกล่าวหา เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน ตนพยายามฟังสส.ก้าวไกลทั้ง 3 คนที่อภิปรายเกี่ยวกับทหาร โดยเฉพาะนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่ระบุว่าตนตบตาหลอกลวงประชาชน

“ถ้าฟังแล้วคนที่ตบตาหลอกลวงประชาชนคือนายวิโรจน์ เอง เพราะโฆษณาว่าจะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว จึงมีคนติดตามฟังเต็มบ้านเต็มเมือง แต่พอเอาเข้าจริงเป็นเรื่องเก่าเรื่องเดิมที่เคยพูดและผมเคยตอบไปแล้ว 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ถือเป็นพฤติกรรมที่หมักหมมสะสมที่ผมและนายวิโรจน์ ก็เคยพูด เคยว่ากองทัพมาด้วยกัน แต่ท่านพูดเหมือนกับให้ชาวบ้านเข้าใจ มันเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ แล้วพยายามจะบอกว่า 6-7 เดือนที่ผมอยู่ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้แก้ปัญหา ทำให้ชาวบ้านผิดหวัง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว


นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนนายชยพล สะท้อนดี เป็นคนรุ่นใหม่อภิปรายดี แต่ไม่โฟกัสประเด็น ตนก็พยายามฟังแต่เหมือนลักษณะบ่นไปเรื่อย ก็พยายามจะตอบแต่ต้องขอบคุณนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงแทนไปแล้ว เช่นเดียวกับนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์  ที่ฟังเนื้อหาอภิปรายแล้วเหมือนกำลัง ตรวจสอบคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ

“เรื่องร.ล.สุโขทัยเป็นการโต้แย้งหักล้างกรรมการ ไม่เกี่ยวกับผม แต่พยายามเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมจะชี้แจงไปพร้อมกันทั้ง 3 คน เพื่อให้การรับฟังต่อเนื่องเชื่อมโยง โดยจะเริ่มต้นขอชี้แจงเรื่องร.ล.สุโขทัยที่บอกว่าเป็นปาหี่ ผมก็ติดตามเหมือนกันว่าจะเป็นปาหี่หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังสอบสวนไม่เสร็จ การจะลงโทษเอาผิด ไม่ใช่วิธีการบริหาร เพราะยังไม่แล้วเสร็จ ต้องรอรายงานผลการสอบสวน นำไปตรวจสอบ ถ้าเป็นลักษณะปาหี่จริง ไม่ต้องห่วง ผมตั้งคณะกรรมการใหม่ได้ โดยจะตั้งคณะกรรมการภายนอกมาสอบ วันที่ 9 เม.ย.นี้ กองทัพเรือจะสรุปผลสอบสวนว่าใครผิด ใครถูก ใครได้รับการลงโทษ ยืนยันเรื่องนี้ไม่มีแพะเด็ดขาด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนประเด็นของนายวิโรจน์ อธิบายดี แต่ลงลึกรายละเอียดเกินไป เรื่องเล็กน้อยที่ยกมา ถ้าตนต้องไปตามต่อทุกเรื่องคงนานและยอมรับว่าเกิดปัญหาโครงสร้างที่ล้มเหลวของกองทัพที่มีมายาวนาน ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ปัญหาโครงสร้าง ถ้าทำได้ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิด ขอให้ลองฟังว่าวิธีการทำงานของตนจะทำให้สบายใจหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ยังมีเวลาอีก 3 ปี ที่จะให้คำแนะนำได้ คิดว่าจะทำงานร่วมกับนายวิโรจน์ ได้ แต่เหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีระบุประเทศยังต้องมีกองทัพ เพราะเป็นองค์กรด้านความมั่นคงที่กระทบกับทุกคน


“ถ้าความมั่นคงดี ทุกคนก็จะได้รับประโยชน์กินอิ่ม นอนอุ่น ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเกลียดกองทัพ หรือมีอคติ ผมก็เคยมีความคิดว่ากองทัพมีปัญหาหลายเรื่อง แต่สุดท้ายคิดว่ากองทัพยังต้องมี อยู่กับเรา ต้องแก้ไขร่วมกันให้กองทัพมีคุณภาพ เราต้องเอากองทัพไว้ ถ้าผมทำไม่ดี ไม่เป็นอย่างที่ว่าก็ให้คำแนะนำมาได้ การมาเป็นรัฐมนตรี ผมก็ทำตามที่พูดไว้ว่าจะปฏิรูปกองทัพ ให้ทันสมัยเป็นที่ยอมรับของประชาชน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี ได้ทาบทาม นักวิชาการ ผู้มีความรู้ทั้งทหารเก่าและทหารใหม่เพื่อปฏิรูปกองทัพ แต่คิดไปคิดมา เราควรไปดูข้างในก่อนว่า เขาได้ปฏิรูป ตระหนักรู้ ตระหนักถึงปัญหาหรือไม่ ถ้าเขาไม่ทำค่อยว่ากัน ทุกอย่างเค้าทำอยู่แล้ว “ลุงตู่” ทำอยู่แล้ว และกล่าวหาตนว่าไปเคลมผลงานเขา ท่านคิดแบบนั้น ตนก็คิดแบบนั้น พอเห็นแบบนั้นตนก็เลยใช้ไม้อ่อน ให้คนภายในเขาปฏิรูปกันเอง

“ปฏิรูปกับปฏิวัติมันต่างกัน ท่านอย่าสับสน ถ้าปฏิวัติคือฉับพลันทางด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ปฏิรูปคือร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ขอไปดูว่าที่ท่านเขียนไว้ ท่านคิดว่าจะปฏิวัติหรือปฏิรูป ถ้าผมเป็นเด็กมีอายุเท่าท่าน ผมใช้วิธีการปฏิวัติเลย แต่พออายุเท่าวันนี้ ที่ผ่านมาหลายเรื่อง ผมคิดว่าการร่วมคิด ร่วมทำดีที่สุด โดยผมตั้งคณะทำงาน 10 ชุด ซึ่งจะครอบคลุมกับปัญหาที่อยากให้แก้ เช่น รูปแบบการเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า กองทัพพร้อมปฏิรูป โดยเสนอปรับโครงสร้างกองทัพ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ที่ปรับลดนักเรียนนายร้อยทหาร คือสิ่งที่รัฐบาลเก่าทำไว้ แต่ของตนเมื่อเกษียณก็ปิดอัตราตำแหน่งนั้นไปเลย และรวบรวมหน่วยงานที่มีภารกิจเดียวกัน รวมถึงยุบบางหน่วยงาน ดังนั้น การลดกำลังพลอย่าคิดว่าตนเคลมเอาผลงานของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ตนเร่งรัด โดยให้เออรี่รีไทร์ ซึ่งตั้งงบประมาณในปี 2568 แล้ว

“ส่วนเรื่องการจัดซื้อเรือฟริเกต ที่ถูกตัดงบ ปี 2567  กองทัพเรือไม่ได้เรือฟริเกต ท่านก็มาบอกเห็นอกเห็นใจกองทัพเรือพรรณานาว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ควรตัดเขา แบบนี้กองทัพกองทัพเรือรักท่านตายเลย แล้วเกลียดผมแย่  ท่านรู้หรือไม่ทำไมตัด การตั้งงบประมาณจัดซื้ออาวุธ หนักใจที่สุดเพราะกลัวฝ่ายค้านด่า พูดตรง ๆ กลัวพรรคก้าวไกลด่านี้แหละ เลยตัดให้มันลงมาในกรอบ แล้วที่ตัดจะมียุทธศาสตร์ที่สำคัญในปีต่อไปอย่างไร ไม่ให้ซ้ำกัน พอตัดปั้บ ผมแทงม้าผิดตัว ซื้อหวยผิดล็อก กลับกลายว่าพรรคก้าวไกลเชียร์ให้เอาไว้  ตายเลย ในคณะกรรมาธิการเชียร์ไว้ ให้เอาต่อ เจอเหลี่ยมนี้ผมหลงมุมเลย ถ้าเป็นภาษามวย วกกลับไม่ทัน ไม่เชื่อว่าท่านจะมาเชียร์ พอไปดู สาระ ก็มีเหตุผลในเรื่องของแรงงานและ อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อท่านสับขาหลอกได้ ผมก็สับเป็น ถ้าปีหน้าตนให้งบกองทัพเรือ อย่าบ่นอย่ามาว่าตนจำคำไว้ดี  ท่านเชียร์ให้เพิ่มอาวุธให้กองทัพ เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต เพราะผมให้ 2 ลำอย่ามาด่าผม รวมถึงซื้ออาวุธอย่างอื่นอย่ามาด่าผม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว  

นายสุทิน กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายวิโรจน์ ที่นำคลิปมาเปิด แสดงว่าตนพูด นโยบายชัด การซื้ออาวุธประเทศจะต้องได้ประโยชน์  แต่ท่านบอกว่าตนขอ เหมือนว่าตนหน่อมแน้ม เหมือนจำนวนที่ตนสอนเด็กนักเรียน คนก้าวร้าวจะไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่เข้าใจความนุ่มนวล และว่า “คำว่าขอของผมคือการสั่งการไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่เขา  ไม่จำเป็นว่ากูต้องทำแบบนั้นจะเอาแบบนี้ การจะใช้คำพูดแบบนั้นบางที่ก็ใช้ไม่ได้  ชัดเจน โยงไปถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่กล่าวหาว่าผมจะละทิ้ง ไม่สนับสนุน มีการทำ Mou สนับสนุนการใช้อาวุธในประเทศ“

นายสุทิน ยังกล่าวถึง การกล่าวหาว่ามีเรื่องเงินทอน เป็นเรื่องที่เกิดมานาน รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเพิ่งจะจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นทางการ คืองบ 2567  ที่ผ่านมาเขาก็ซื้อตามระบบกันมา แต่ตนจะดูให้ดีที่สุดให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิงลุกขึ้นชี้แจงอีกรอบ ว่า ขอนิดเดียว เพราะหากไม่ได้ชี้แจงจะทำให้เกิดความเสียหาย ยืนยันตามเดิมว่าการที่ให้กองทัพเปิดเผย โปร่งใสมีกำลังพลที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นการด้อยค่ากองทัพ และขอค้านกับสิ่งที่นายสุทินให้สัมภาษณ์มาตลอดว่าพวกตนด้อยค่ากองทัพ และการปกป้องเรือฟริเกตที่มีคุณูประการต่อประเทศ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ แบบนี้เป็นการด้อยค่าประเทศหรือ

“เรื่องที่สอง ผมขอขอบคุณรัฐมนตรีที่มาสารภาพกลางสภาฯ แรกเริ่มเดิมทีประชาชนคนไทยคิดว่าประเทศมีนายพลแค่ 1,000 กว่านาย ท่านมาสารภาพว่ามีถึง 2,900 นาย ผมต้องชี้แจงอย่างนี้นะครับ และท่านคงฟังผมไม่ครบไม่ถ้วน ผมบอกว่านายพลที่ไม่มีตำแหน่งแห่งที่ 700 กว่านาย มันคงต้องเหลือ 0 ไม่ใช่เหลือแค่ 300 นาย ผมก็เลยชี้แจงให้ท่านฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่นายพล 2,900 นายนี่ ผมคิดว่าประชาชนซู๊ดปาก ซี๊ดปากกันทั้งประเทศ” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่สาม ตนไม่เคยพูดว่าหนองวัวซอโมเดลเป็นการแจกโฉนด ไปดูได้ แต่กำลังบอกว่าปัญหาใหญ่คือการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน ที่เขาเชื่อว่าปู่ย่าตายายครอบครองมาก่อน  รัฐบาลควรจะเร่งพิสูจน์สิทธิ์ ไม่ใช่เอาที่ดินที่เขาเชื่อว่าเป็นของเขามาให้เขาเช่า โดยตัดการพิสูจน์สิทธิ์

“ผมผิดหวังที่นายสุทินบอกว่ารัฐมนตรีตัดสินใจด้วยความกลัวพรรคก้าวไกล เรื่องเรือฟริเกต ท่านต้องตัดสินใจด้วยความห้าวหาญและภาวะผู้นำ ตรรกะที่คิดว่าเรือลำนี้เป็นประโยชน์หรือคุณูปการของประเทศหรือไม่ และผมบอกกับท่านตรงนี้เลยว่าถ้าเรือลำนี้ต่อในประเทศ จะเกิดคุณูปการกับประเทศไทย วิศวกรรมการต่อเรือ แล้วราคาสมเหตุสมผล โปร่งใส ผมจะไปค้านทำไม ถ้าผมค้าน ผมคงไม่พูดวันนี้ แล้วที่ท่านกล่าวหาหรือพูดลอยๆ ว่าผมก้าวร้าว ไม่ใช่ครับ การสั่งการไม่ใช่ก้าวร้าวครับ แต่เป็นการแสดงความองอาจ แสดงภาวะผู้นำให้สมกับเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหมที่ผมคิดว่าท่านยังไม่มี” นายวิโรจน์ กล่าวอย่างมีอารมณ์พร้อมกับตบไปที่หน้าอกตัวเอง.-316.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]