ฟาด “วิโรจน์” คุยคับแก้ว มีแต่เรื่องเก่า

รัฐสภา 4 เม.ย.-“สุทิน” ไล่แจงทีละประเด็น ทั้งฟริเกต –ร.ล.สุโขทัย ตอกกลับ “วิโรจน์” หลอกปชช. โฆษณาอภิปรายคับแก้ว สุดท้ายมีแต่เรื่องเก่าที่ตอบไปแล้ว ปฏิรูปกองทัพต้องใช้เวลา ย้ำถ้าความมั่นคงดี ทุกคนได้ประโยชน์ กินอิ่ม นอนอุ่น


นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงปัญหาภายในกองทัพ หลังจากถูกสส.พรรคก้าวไกลอภิปรายพาดพิง  ว่า เท่าที่ฟังเป็นการกล่าวหาเป็นส่วนใหญ่ ตนจะเก็บสิ่งที่เป็นประโยชน์ แม้จะเป็นการกล่าวหา เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน ตนพยายามฟังสส.ก้าวไกลทั้ง 3 คนที่อภิปรายเกี่ยวกับทหาร โดยเฉพาะนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่ระบุว่าตนตบตาหลอกลวงประชาชน

“ถ้าฟังแล้วคนที่ตบตาหลอกลวงประชาชนคือนายวิโรจน์ เอง เพราะโฆษณาว่าจะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว จึงมีคนติดตามฟังเต็มบ้านเต็มเมือง แต่พอเอาเข้าจริงเป็นเรื่องเก่าเรื่องเดิมที่เคยพูดและผมเคยตอบไปแล้ว 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ถือเป็นพฤติกรรมที่หมักหมมสะสมที่ผมและนายวิโรจน์ ก็เคยพูด เคยว่ากองทัพมาด้วยกัน แต่ท่านพูดเหมือนกับให้ชาวบ้านเข้าใจ มันเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ แล้วพยายามจะบอกว่า 6-7 เดือนที่ผมอยู่ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้แก้ปัญหา ทำให้ชาวบ้านผิดหวัง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว


นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนนายชยพล สะท้อนดี เป็นคนรุ่นใหม่อภิปรายดี แต่ไม่โฟกัสประเด็น ตนก็พยายามฟังแต่เหมือนลักษณะบ่นไปเรื่อย ก็พยายามจะตอบแต่ต้องขอบคุณนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงแทนไปแล้ว เช่นเดียวกับนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์  ที่ฟังเนื้อหาอภิปรายแล้วเหมือนกำลัง ตรวจสอบคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ

“เรื่องร.ล.สุโขทัยเป็นการโต้แย้งหักล้างกรรมการ ไม่เกี่ยวกับผม แต่พยายามเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมจะชี้แจงไปพร้อมกันทั้ง 3 คน เพื่อให้การรับฟังต่อเนื่องเชื่อมโยง โดยจะเริ่มต้นขอชี้แจงเรื่องร.ล.สุโขทัยที่บอกว่าเป็นปาหี่ ผมก็ติดตามเหมือนกันว่าจะเป็นปาหี่หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังสอบสวนไม่เสร็จ การจะลงโทษเอาผิด ไม่ใช่วิธีการบริหาร เพราะยังไม่แล้วเสร็จ ต้องรอรายงานผลการสอบสวน นำไปตรวจสอบ ถ้าเป็นลักษณะปาหี่จริง ไม่ต้องห่วง ผมตั้งคณะกรรมการใหม่ได้ โดยจะตั้งคณะกรรมการภายนอกมาสอบ วันที่ 9 เม.ย.นี้ กองทัพเรือจะสรุปผลสอบสวนว่าใครผิด ใครถูก ใครได้รับการลงโทษ ยืนยันเรื่องนี้ไม่มีแพะเด็ดขาด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนประเด็นของนายวิโรจน์ อธิบายดี แต่ลงลึกรายละเอียดเกินไป เรื่องเล็กน้อยที่ยกมา ถ้าตนต้องไปตามต่อทุกเรื่องคงนานและยอมรับว่าเกิดปัญหาโครงสร้างที่ล้มเหลวของกองทัพที่มีมายาวนาน ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ปัญหาโครงสร้าง ถ้าทำได้ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิด ขอให้ลองฟังว่าวิธีการทำงานของตนจะทำให้สบายใจหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ยังมีเวลาอีก 3 ปี ที่จะให้คำแนะนำได้ คิดว่าจะทำงานร่วมกับนายวิโรจน์ ได้ แต่เหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีระบุประเทศยังต้องมีกองทัพ เพราะเป็นองค์กรด้านความมั่นคงที่กระทบกับทุกคน


“ถ้าความมั่นคงดี ทุกคนก็จะได้รับประโยชน์กินอิ่ม นอนอุ่น ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเกลียดกองทัพ หรือมีอคติ ผมก็เคยมีความคิดว่ากองทัพมีปัญหาหลายเรื่อง แต่สุดท้ายคิดว่ากองทัพยังต้องมี อยู่กับเรา ต้องแก้ไขร่วมกันให้กองทัพมีคุณภาพ เราต้องเอากองทัพไว้ ถ้าผมทำไม่ดี ไม่เป็นอย่างที่ว่าก็ให้คำแนะนำมาได้ การมาเป็นรัฐมนตรี ผมก็ทำตามที่พูดไว้ว่าจะปฏิรูปกองทัพ ให้ทันสมัยเป็นที่ยอมรับของประชาชน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี ได้ทาบทาม นักวิชาการ ผู้มีความรู้ทั้งทหารเก่าและทหารใหม่เพื่อปฏิรูปกองทัพ แต่คิดไปคิดมา เราควรไปดูข้างในก่อนว่า เขาได้ปฏิรูป ตระหนักรู้ ตระหนักถึงปัญหาหรือไม่ ถ้าเขาไม่ทำค่อยว่ากัน ทุกอย่างเค้าทำอยู่แล้ว “ลุงตู่” ทำอยู่แล้ว และกล่าวหาตนว่าไปเคลมผลงานเขา ท่านคิดแบบนั้น ตนก็คิดแบบนั้น พอเห็นแบบนั้นตนก็เลยใช้ไม้อ่อน ให้คนภายในเขาปฏิรูปกันเอง

“ปฏิรูปกับปฏิวัติมันต่างกัน ท่านอย่าสับสน ถ้าปฏิวัติคือฉับพลันทางด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ปฏิรูปคือร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ขอไปดูว่าที่ท่านเขียนไว้ ท่านคิดว่าจะปฏิวัติหรือปฏิรูป ถ้าผมเป็นเด็กมีอายุเท่าท่าน ผมใช้วิธีการปฏิวัติเลย แต่พออายุเท่าวันนี้ ที่ผ่านมาหลายเรื่อง ผมคิดว่าการร่วมคิด ร่วมทำดีที่สุด โดยผมตั้งคณะทำงาน 10 ชุด ซึ่งจะครอบคลุมกับปัญหาที่อยากให้แก้ เช่น รูปแบบการเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า กองทัพพร้อมปฏิรูป โดยเสนอปรับโครงสร้างกองทัพ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ที่ปรับลดนักเรียนนายร้อยทหาร คือสิ่งที่รัฐบาลเก่าทำไว้ แต่ของตนเมื่อเกษียณก็ปิดอัตราตำแหน่งนั้นไปเลย และรวบรวมหน่วยงานที่มีภารกิจเดียวกัน รวมถึงยุบบางหน่วยงาน ดังนั้น การลดกำลังพลอย่าคิดว่าตนเคลมเอาผลงานของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ตนเร่งรัด โดยให้เออรี่รีไทร์ ซึ่งตั้งงบประมาณในปี 2568 แล้ว

“ส่วนเรื่องการจัดซื้อเรือฟริเกต ที่ถูกตัดงบ ปี 2567  กองทัพเรือไม่ได้เรือฟริเกต ท่านก็มาบอกเห็นอกเห็นใจกองทัพเรือพรรณานาว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ควรตัดเขา แบบนี้กองทัพกองทัพเรือรักท่านตายเลย แล้วเกลียดผมแย่  ท่านรู้หรือไม่ทำไมตัด การตั้งงบประมาณจัดซื้ออาวุธ หนักใจที่สุดเพราะกลัวฝ่ายค้านด่า พูดตรง ๆ กลัวพรรคก้าวไกลด่านี้แหละ เลยตัดให้มันลงมาในกรอบ แล้วที่ตัดจะมียุทธศาสตร์ที่สำคัญในปีต่อไปอย่างไร ไม่ให้ซ้ำกัน พอตัดปั้บ ผมแทงม้าผิดตัว ซื้อหวยผิดล็อก กลับกลายว่าพรรคก้าวไกลเชียร์ให้เอาไว้  ตายเลย ในคณะกรรมาธิการเชียร์ไว้ ให้เอาต่อ เจอเหลี่ยมนี้ผมหลงมุมเลย ถ้าเป็นภาษามวย วกกลับไม่ทัน ไม่เชื่อว่าท่านจะมาเชียร์ พอไปดู สาระ ก็มีเหตุผลในเรื่องของแรงงานและ อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อท่านสับขาหลอกได้ ผมก็สับเป็น ถ้าปีหน้าตนให้งบกองทัพเรือ อย่าบ่นอย่ามาว่าตนจำคำไว้ดี  ท่านเชียร์ให้เพิ่มอาวุธให้กองทัพ เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต เพราะผมให้ 2 ลำอย่ามาด่าผม รวมถึงซื้ออาวุธอย่างอื่นอย่ามาด่าผม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว  

นายสุทิน กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายวิโรจน์ ที่นำคลิปมาเปิด แสดงว่าตนพูด นโยบายชัด การซื้ออาวุธประเทศจะต้องได้ประโยชน์  แต่ท่านบอกว่าตนขอ เหมือนว่าตนหน่อมแน้ม เหมือนจำนวนที่ตนสอนเด็กนักเรียน คนก้าวร้าวจะไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่เข้าใจความนุ่มนวล และว่า “คำว่าขอของผมคือการสั่งการไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่เขา  ไม่จำเป็นว่ากูต้องทำแบบนั้นจะเอาแบบนี้ การจะใช้คำพูดแบบนั้นบางที่ก็ใช้ไม่ได้  ชัดเจน โยงไปถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่กล่าวหาว่าผมจะละทิ้ง ไม่สนับสนุน มีการทำ Mou สนับสนุนการใช้อาวุธในประเทศ“

นายสุทิน ยังกล่าวถึง การกล่าวหาว่ามีเรื่องเงินทอน เป็นเรื่องที่เกิดมานาน รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเพิ่งจะจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นทางการ คืองบ 2567  ที่ผ่านมาเขาก็ซื้อตามระบบกันมา แต่ตนจะดูให้ดีที่สุดให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิงลุกขึ้นชี้แจงอีกรอบ ว่า ขอนิดเดียว เพราะหากไม่ได้ชี้แจงจะทำให้เกิดความเสียหาย ยืนยันตามเดิมว่าการที่ให้กองทัพเปิดเผย โปร่งใสมีกำลังพลที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นการด้อยค่ากองทัพ และขอค้านกับสิ่งที่นายสุทินให้สัมภาษณ์มาตลอดว่าพวกตนด้อยค่ากองทัพ และการปกป้องเรือฟริเกตที่มีคุณูประการต่อประเทศ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ แบบนี้เป็นการด้อยค่าประเทศหรือ

“เรื่องที่สอง ผมขอขอบคุณรัฐมนตรีที่มาสารภาพกลางสภาฯ แรกเริ่มเดิมทีประชาชนคนไทยคิดว่าประเทศมีนายพลแค่ 1,000 กว่านาย ท่านมาสารภาพว่ามีถึง 2,900 นาย ผมต้องชี้แจงอย่างนี้นะครับ และท่านคงฟังผมไม่ครบไม่ถ้วน ผมบอกว่านายพลที่ไม่มีตำแหน่งแห่งที่ 700 กว่านาย มันคงต้องเหลือ 0 ไม่ใช่เหลือแค่ 300 นาย ผมก็เลยชี้แจงให้ท่านฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่นายพล 2,900 นายนี่ ผมคิดว่าประชาชนซู๊ดปาก ซี๊ดปากกันทั้งประเทศ” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่สาม ตนไม่เคยพูดว่าหนองวัวซอโมเดลเป็นการแจกโฉนด ไปดูได้ แต่กำลังบอกว่าปัญหาใหญ่คือการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน ที่เขาเชื่อว่าปู่ย่าตายายครอบครองมาก่อน  รัฐบาลควรจะเร่งพิสูจน์สิทธิ์ ไม่ใช่เอาที่ดินที่เขาเชื่อว่าเป็นของเขามาให้เขาเช่า โดยตัดการพิสูจน์สิทธิ์

“ผมผิดหวังที่นายสุทินบอกว่ารัฐมนตรีตัดสินใจด้วยความกลัวพรรคก้าวไกล เรื่องเรือฟริเกต ท่านต้องตัดสินใจด้วยความห้าวหาญและภาวะผู้นำ ตรรกะที่คิดว่าเรือลำนี้เป็นประโยชน์หรือคุณูปการของประเทศหรือไม่ และผมบอกกับท่านตรงนี้เลยว่าถ้าเรือลำนี้ต่อในประเทศ จะเกิดคุณูปการกับประเทศไทย วิศวกรรมการต่อเรือ แล้วราคาสมเหตุสมผล โปร่งใส ผมจะไปค้านทำไม ถ้าผมค้าน ผมคงไม่พูดวันนี้ แล้วที่ท่านกล่าวหาหรือพูดลอยๆ ว่าผมก้าวร้าว ไม่ใช่ครับ การสั่งการไม่ใช่ก้าวร้าวครับ แต่เป็นการแสดงความองอาจ แสดงภาวะผู้นำให้สมกับเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหมที่ผมคิดว่าท่านยังไม่มี” นายวิโรจน์ กล่าวอย่างมีอารมณ์พร้อมกับตบไปที่หน้าอกตัวเอง.-316.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]