ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่-มั่นใจเกิด “สึนามิแห่งการลงทุน”

รัฐสภา 3 เม.ย. – นายกฯ ลั่นไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ คอยจ้องเล่นแต่การเมือง มั่นใจอีก 2 ปี เกิด “สึนามิแห่งการลงทุน” ยืนยันตัวจริงเสียงจริง รัฐบาลเพื่อประชาชน


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เป็นครั้งที่ 2 ของวัน ว่า ขอขอบคุณช่วงเช้าและช่วงบ่ายที่มีการอภิปรายอย่างแพร่หลาย และมีข้อคิดเห็นต่างๆ ตนเองมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้า ย้ายจากทำเนียบฯ มานั่งทำงานอยู่หลังบัลลังก์ และคอยฟังไปด้วย ถ้าตรงไหนคิดว่าเป็นคำแนะนำ หรือข้อคิดที่มีประโยชน์ ตนก็จดไปด้วย ส่วนตรงไหนที่ต้องการความกระจ่างก็จะมาตอบ

สำหรับเรื่องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการเปิดโอกาส และสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผลตามมา ยืนยันว่า ไม่มีนายกฯ จะบินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นว่าฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ คอยแต่จ้องจะเล่นแต่การเมือง ทั้งที่รัฐบาลพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน  พร้อมยืนยัน ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น แต่หากมี ก็ขอให้นำข้อมูลหลักฐานมา ยินดีที่จะให้ความกระจ่าง รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชน


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ให้ผู้แทนการค้าไทย กับเลขาฯบีโอไอ ชี้แจงผลสำเร็จอย่างชัดเจนไปแล้ว รวมถึงมีคณะทูตและคณะทำงาน คอยติดตามงานประเทศที่ตนได้เดินทางไปมาแล้ว และการดึงดูดนักลงทุนถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่การเอาธุรกิจ หรือเม็ดเงินมาอย่างเดียว หลายอย่างที่เราเห็นเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเพิ่มทักษะ บัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรสูง หรืออุตสาหกรรมไฮเทค ก็จะมีการเพิ่มในข้อตกลงการลงทุนในประเทศไทย เพื่อให้คนของเราได้รับการฝึกงานที่เหมาะสมและสามารถก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น

ส่วนที่ระบุว่า ยังไม่เห็นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าถ้าหากทำงานจริงๆ จะรู้ ถ้าคนจะลงทุน 5 แสนล้านบาท เป็นแสนล้านล้านบาท เชื่อว่าระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แน่นอนว่ารัฐบาลที่แล้วทำมา รัฐบาลชุดนี้ก็มาสานต่อ เช่น บริษัท EWS ก็มีการลงทุนแล้ว ส่วนเราเองก็ได้มีการติดต่อ Google , Microsoft ซึ่งการจะลงทุนเป็นแสนล้านก็ต้องใช้เวลาบ้าง โดยเรามั่นใจว่าสัญญาณที่เราเห็นมาเป็นบวกบวก แต่อย่างไรก็ตามเราก็มีตัวเลขของไตรมาส 4 ปี 2566 ตั้งแต่ที่ตนเข้ามารับตำแหน่งและเดินทางไป โปรโมทยังต่างประเทศ ที่มีเจตจำนงจะมาลงทุนในประเทศไทย มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี2565 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชัดเจนสามารถพิสูจน์ได้ ตัวเลขที่ลงทุน 558,000 ล้านบาท ที่สมาชิกสงสัยเป็นตัวเลขจริงที่มีการยื่นแผนเข้ามาแล้ว และยังมีอีกหลายบริษัทที่เข้ามาพูดคุย ย้ำว่าเป็นตัวเลขจริง ไม่ใช่แค่เป็นตัวเลขที่จับต้องไม่ได้

“ขอให้อดใจรอ เพราะเชื่อว่า อีก 2 ปีข้างหน้า จะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ผมขอใช้คำว่า สึนามิแห่งการลงทุน ขอให้ท่านมั่นใจ เพราะตนเองก็มั่นใจ “ นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า การที่บอกว่าตนไปขายการลงทุน ในประเทศไทยให้กับนักลงทุนต่างประเทศทั้งที่เศรษฐกิจวิกฤต  มองว่าเรื่องที่เราไปโฆษณาประเทศ กับเรื่องที่เศรษฐกิจวิกฤตเป็นคนละเรื่องกัน วิกฤตหรือไม่วิกฤต เป็นเรื่องที่โต้เถียงกัน แต่เรื่องที่ไม่ต้องโต้เถียงกันคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนมั่นใจว่าทุกคนในที่นี้ ต้องมีความมั่นใจว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต้องเกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นเชื่อว่าเรามาถูกทาง หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยในการทำธุรกิจ ออกมาเชิญชวนใครเข้ามาลงทุน เพราะถ้าเราไม่ออกไป เขาก็จะไม่ทราบว่า เรามีความพร้อมในทุกมิติ เรามีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เยอะ อาทิ ประชากรที่มีคุณภาพ พลังงานสะอาด ที่มีศักยภาพสูงมาก ความสามารถในการเป็นศูนย์กลางการบิน และเรื่องอาหาร การท่องเที่ยว แน่นอนว่าหากจะมีการย้ายฐานการผลิตเข้ามายังประเทศไทย เรื่องของโรงพยาบาลและโรงเรียนระดับโลกของไทยก็มีอยู่จำนวนมาก จึงต้องทำให้เขาสบายใจ ทั้งนี้สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จุดยืนในการต่างประเทศของเรา มีความเป็นกลาง ทำให้หลายประเทศอย่างจีน​ ญี่ปุ่น สหรัฐ​ อินเดีย​  ไต้หวัน มีความสบายใจในการเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งตนมั่นใจว่า ถ้าหากไม่เชื่อตน ขอให้เชื่อในศักยภาพของประเทศ ตามที่ได้เอ่ยมาในเบื้องต้น

ส่วนการที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง​ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า “ไม่จริงหรอก​ครับ เพราะการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของผม ผมมั่นใจครับ ผมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่แก้จนให้กับประชาชน ผมฝากไว้นิดนึงนะครับว่า ท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงงก็แล้วกัน วันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันหนึ่งก็มีข่าวว่าจะขอเข้าร่วมรัฐบาล กลัวประชาชนจะงงมากกว่า “ นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงตัวเลขการจ้างงาน ว่า ตัวเลขไตรมาส 4 ของปี 2566 อยู่ที่ 330,000 คน ลดลงจากปีก่อน 29% ที่มีผู้ว่างงานกว่า 462,000 คน โดยทำให้ตัวเลขว่างงานเหลืออยู่เพียง 0.8% ของกำลังแรงงาน ส่วนสถานการณ์บัณฑิตว่างงาน ในไตรมาส 4 ปี 2566 ว่างงาน 4.4%  ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 6.1% ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงตลาดแรงงานบัณฑิตจบใหม่มีสัญญาณดีขึ้น หากเปรียบเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ ที่ชี้แจงนั้นไม่ได้บอกว่าเราทำหน้าที่เสร็จแล้ว แต่เชื่อว่าเรามาในทิศทางที่ดีและจะพยายามทำต่อไป มั่นใจว่าแรงงานไทยก็จะดีขึ้น

ขณะที่เรื่องยางพารา​ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ข้อมูลไปแล้วอย่างครบถ้วน ซึ่งขอเสริมเล็กน้อย ว่า ที่ท่านบอกว่ารัฐบาลที่แล้ว ขนาดปราบยางเถื่อนแล้ว ราคายางพาราก็ยังไม่ขึ้น ตนไม่มั่นใจว่าท่านไปปราบที่ไหน แต่ขอชี้แจ้งว่าการปราบของตน ไม่ได้คุยแค่ศุลกากร ไม่ได้คุยแค่กระทรวงเกษตรฯ หรือฝ่ายความมั่นคง แต่ได้คุยทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งทำงานกันอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจริงๆ ฉะนั้นเรามั่นใจว่า การปราบยางเถื่อน มีผลชัดเจน​ จับต้องได้ ส่วนที่ราคายางปรับขึ้นนั้น แน่นอนว่า เราสามารถควบคุมที่อยู่ 30% ของทั่วโลก ถ้าประเทศที่เป็นการผู้นำในการส่งออกยางและใช้จ่าย พอเรามีการประกาศว่าจะปราบยางเถื่อนอย่างชัดเจนแล้วผู้ซื้อมีความมั่นใจในรัฐบาล แน่นอนปริมาณความต้องการซื้อเพิ่ม ราคาก็ขึ้นด้วย การที่บอกว่าราคายางขึ้นไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลนี้ที่ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกับทุกฝ่าย ขอขอบคุณ ผบ.ทบ. และรักษาการแทน ผบ.ตร. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมศุลกากรด้วย​

นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า “ยืนยัน ตัวจริงเสียงจริง รัฐบาลเพื่อประชาชนครับ “.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย