ย้ำ ศักยภาพของไทย ในการขับเคลื่อน SDGs

ทำเนียบรัฐบาล 28 มี.ค.- นายกฯ หารือ รองเลขาฯ ยูเอ็น และ เลขาธิการบริหาร ESCAP ย้ำ ศักยภาพของไทย ในการขับเคลื่อน SDGs เสริมสร้างความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืน


นางอาร์มิดา ซัลเซียะฮ์ อาลิสจะฮ์บานา (Mrs. Armida Salsiah Alisjahbana) รองเลขาธิการสหประชาชาติ และเลขาธิการบริหารคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ ESCAP สำหรับความร่วมมือเพื่อพัฒนาประเทศไทยที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพ (Host Country) ของ ESCAP ยินดีสนับสนุนการทำงานของ ESCAP อย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างความสามารถในการแข่งขันผ่านวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND เพื่อขับเคลื่อนประเทศใน 8 เสาหลัก เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นบทบาทสำคัญให้กับภูมิภาคอาเชียน ขณะที่ด้านการเมือง ไทยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะรักษาความเป็นกลาง เป็นตัวแทนในการรักษาเสถียรภาพ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับภูมิภาคนี้ได้


ด้านรองเลขาธิการสหประชาชาติฯ ชื่นชมบทบาทที่มีศักยภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันได้เติบโตเป็นศูนย์กลางส่วนภูมิภาคขององค์กรสหประชาชาติ และถือเป็นศูนย์กลางขององค์กรสหประชาชาติในเอเชียแปซิฟิกด้วย (The United Nations Hub for Asia and the Pacific) โดยมีสำนักงานต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก สะท้อนความร่วมมืออันดีระหว่างกันยาวนานกว่า 70 ปี พร้อมเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางของการจัดการประชุมในวาระสำคัญต่าง ๆ ของสหประชาชาติได้อย่างต่อเนื่อง โดย ESCAP พร้อมให้การสนับสนุนต่อไป โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)

สำหรับประเด็นสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือ ได้แก่ ด้านการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ไทยพร้อมร่วมมือกับ ESCAP เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย SDGs โดยเน้นย้ำถึงแผนการลดคาร์บอนของไทยเพื่อไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ในปี ค.ศ. 2050 รวมไปถึงการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับภูมิภาค ซึ่ง ESCAP พร้อมส่งเสริมการเติบโตอย่างสมดุลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวทางการขับเคลื่อน SDGs ซึ่งจะควบคู่กับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ 

ด้านการดำเนินการทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ESCAP อยู่ระหว่างการจัดทำแผนภูมิทัศน์ทางธุรกิจ (Landscape mapping of businesses) เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ และแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับพลเมืองได้ ซึ่งปัจจุบันมีความร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ ของไทย โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงส่งเสริมภาคเอกชนที่สามารถมีส่วนร่วมผ่านการลงทุนและการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


ESCAP ให้ความสำคัญกับการจัดการมลพิษทางอากาศ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว โดยรัฐบาลได้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดและพร้อมประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่ง ESCAP ยินดีให้การสนับสนุน โดยเฉพาะการลดมลพิษทางอากาศด้วยการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานสะอาด

ขณะเดียวกันรองเลขาธิการสหประชาชาติฯ ยังได้เชิญไทยเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมประจำปีของ ESCAP สมัยที่ 80 ในเดือนเมษายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ โดยจะมีผู้แทนระดับสูงของไทยเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว เพื่อแสดงถึงบทบาทความร่วมมือและวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีรับไปพิจารณา.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]