รัฐสภา 28 มี.ค.-เครือข่ายประชาสังคม ยื่นหนังสือกมธ.วิสามัญสถานบันเทิงครบวงจร หวังพิจารณารอบด้าน ห่วงส่งผลเสียกับประชาชน “จักรพล” ย้ำ รัฐบาลคิดรอบคอบ ไม่ทิ้งใครลำบาก
เครือข่ายภาคประชาสังคม 16 จังหวัด ยื่นหนังสือต่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งข้อห่วงใยของประชาชนต่อการเสนอเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะรองประธาน กมธ.เป็นตัวแทนรับยื่นหนังสือ โดยนายบุญสืบ พันธุ์ประเสริฐ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า วันที่ 23-25 มีนาคมที่ผ่านมา เครือข่ายทำแบบสำรวจสอบถามความเห็นของประชาชนในเรื่องการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฏหมาย โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสเข้ามาอยู่ใกล้เขตเมืองและชุมชนมากขึ้น
นายบุญสืบ กล่าวถึงผลสำรวจพบว่าประชาชนไม่ต้องการให้พื้นที่ของพวกเขาเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจากไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากมีแหล่งพนันมาอยู่ในพื้นที่ รวมถึงไม่เชื่อว่าประเทศจะได้ผลประโยชน์คุ้มค่า ฉะนั้น จึงเห็นว่าเรื่องนี้ควรต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อให้ได้ประโยชน์และไม่เกิดโทษตามมา จึงมีข้อเสนอดังนี้ 1.ขอให้สส.และรัฐบาลคำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต หากตัดสินใจกระทำการโดยขาดความรอบคอบ ขาดการศึกษาอย่างรอบด้านและขาดมาตรการที่กุม การตัดสินใจในครั้งนี้อาจเป็นการสร้างมรดกบาปแก่คนรุ่นหลังที่ต้องอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นผู้สร้าง
นายบุญสืบ กล่าวว่า 2.ขอให้ประธานกมธ. รายงานความห่วงใยของประชาชน และหวังว่ารัฐบาลจะรับฟังเพื่อแสวงหามาตรการที่นำมาสู่การเกิดความเชื่อมั่นของประชาชน แต่หากไม่สามารถหาแนวทางและวิธีการที่ดีพอได้ ประชาชนก็ไม่อาจเห็นชอบให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ได้ รวมถึงเครือข่ายภาคประชาสังคมจะเฝ้าติดตามการดำเนินการของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และ 3.ขอให้ สส. และรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ประชาพิจารณ์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่ายทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่าง มีกระบวนการรับฟังความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์
“หวังว่าพวกท่านตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยวุฒิภาวะไม่คำนึงเพียงผลประโยชน์ระยะสั้นหรือผลประโยชน์เฉพาะบุคคลบางกลุ่ม และขอให้ตระหนักด้วยว่าการเพิ่มแหล่งการพนัน แม้จะถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็อาจจะตามมาด้วยปัญหาและผลกระทบที่มากเกินกว่าจะประเมินค่าได้ ทั้งนี้แม้สถานบันเทิงครบวงจรอาจสร้างผลกำไรและรายได้ให้แก่ผู้ที่ประกอบกิจการหรือรัฐบาล แต่คนที่ขาดทุนที่แท้จริงคือประชาชน”
นายจักรพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้พิจารณาสืบเนื่องจากสภาชุดที่ 25 เพื่อให้เกิดความครบถ้วนมากที่สุด และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใย ย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้ ให้ความสำคัญและพิจารณา ไตร่ตรองอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม สถานบันเทิงครบวงจรในนั้นเหมือนบ้านหลังใหญ่ กาสิโนเหมือนเป็นห้องหนึ่งห้องในนั้น โดยในบ้านจะมีองค์ประกอบห้องมากมาย ทั้งศูนย์กีฬา โรงแรม โซนครอบครัว ซึ่งในการพิจารณาในสภาฯ วันนี้จะระบุ 5 พื้นที่ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการ แล้วว่าควรจะตั้งที่ไหน และมีผลกระทบอะไรบ้าง
“ในแง่ของสภาฯ กมธ. เราพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเราศึกษากันมาโดยตลอด และในครั้งนี้เรารู้สึกว่า 1.ช่วงเวลาที่เหมาะสมเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องการการดีดตัวขึ้น 2.นโยบายของฝ่ายบริหารที่มีความเห็นว่าควรจะเกิดในประเทศไทยได้แล้ว 3.การถอดชุดความคิดที่ได้ศึกษาจากสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ที่เป็นโมเดลหลักว่าเขามีการดูแลพ่อแม่พี่น้อง เศรษฐกิจอย่างไร ดังนั้น เราให้ความสำคัญและห่วงใยอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการอภิปรายเป็นวงกว้างในสภา อยากให้ประชาชนทุกคนติดตาม นายกฯ และกมธ.ทุกคน ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และอยากให้มีความมั่นใจว่าเราไม่ได้เอาแค่เศรษฐกิจ เราเอาความสุขของพ่อแม่พี่น้องด้วย อัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีการต่อยอดต่างๆ ในชุมชน จะไม่ทิ้งใครไว้ให้ลำบากและเจอผลกระทบ ขอให้สบายใจ ทั้งนี้ หนังสือที่ได้รับจะนำไปพิจารณาให้เกิดความครบถ้วนมากที่สุด” นายจักรพล กล่าว.-317.-สำนักข่าวไทย