นครราชสีมา 24 มี.ค.- “เศรษฐา” บอก ต้องรับฟังผลโพลสะท้อนความเห็นประชาชน หลังพบอยากให้ “พิธา” นั่งนายกฯ มองอาจคลาดเคลื่อน ไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนความเป็นจริง ลั่นไม่พอใจผลงานตัวเอง - ครม. ชี้ยังทำได้ดีกว่านี้ ขอรองบฯ 67 ออก มั่นใจทำผลงานเปรี้ยงขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ถึงผลสำรวจความนิยม ของนิดาโพล ล่าสุดพบว่า อันดับ1 ที่ประชาชนสนับสนุนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนนายเศรษฐา อยู่ในลำดับที่ 3 ว่า เราก็ต้องรับฟังโพล เพราะผลโพลสะท้อนความคิดของประชาชน แต่การทำโพลมีหลายแบบ เช่น ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีความไม่แน่นอนเช่นเรื่องกลุ่มตัวอย่างที่อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจจะไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนความเป็นจริง แต่ก็ถือเป็นโพลโพลหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องรับฟังและมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป ถึงแม้จะทำงาน 6-7 เดือนแล้วก็ตาม อีกทั้งงบประมาณปี 2567 ก็เพิ่งผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันศุกร์นี้เอง ซึ่งก็จะใช้ระยะเวลาอีกเดือนหนึ่งกว่าจะใช้งบประมาณได้ อย่างในวันนี้ อสม.ก็เพิ่งทราบว่างบประมาณเพิ่งผ่าน ก็จะได้เงินค่าตอบแทนเพิ่ม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจรัฐบาลก็ได้ แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วมีขั้นตอน ทางสภาฯ เรื่องการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าต้องตั้งใจทำงาน และรับฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก
ส่วนที่ผ่านมาพอใจการทำงานของรัฐมนตรี แต่ละกระทรวงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ ผมไม่พอใจการทำงานของตัวเอง ไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรีทุกท่าน เพราะทุกอย่างทำให้ดีขึ้นได้อีก เพราะอันนี้คือชีวิตจริง เราต้องไม่พอใจเรื่องพวกนี้ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนยังมีอยู่ ในทุกเรื่องตัวเราเองต้องพยายามทำต่อ ถึงได้ลงมาในพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะได้นำไปปรับวิธีการทำงาน
เมื่อถามว่า ตั้งใจหรือไม่หลังงบประมาณปี67 ผ่านสภาฯ การทำงานจะเปรี้ยงขึ้นกว่าเดิม นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า “ มั่นใจครับ”
ส่วนจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดกระแสขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนไม่อยากใช้คำว่าอิงกับกระแส ตนว่าเรื่องเสียงสะท้อนทุกอันต้องรับฟัง และต้องมีการปรับกลยุทธ์ แต่ไม่ใช่ปรับเพื่อให้กระแสดีขึ้น เป็นการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ปรับกลยุทธ์ให้เศรษฐกิจดีขึ้น ปรับกลยุทธ์เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียมดีขึ้น มีการปรับตลอด
เมื่อถามว่า ต้องเน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานแทบทุกวัน ไม่มีวันหยุดแต่หลายผลงานประชาชนอาจไม่เห็น ทำให้ผลสำรวจออกมาเป็นเช่นนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทีมสื่อสารคงเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ กันอีกทีว่าตรงไหนเราพูดน้อยเกินไปหรือไม่ เราทำเรื่องเยอะเกินไปหรือเปล่า เราเปิดงานเยอะเกินไปหรือเปล่า เราต้องโฟกัสบางเรื่องให้เยอะขึ้นหรือไม่ ทำเรื่องที่จะโดนใจประชาชน และการที่รัฐมนตรี 5-6 คนมาลงพื้นที่ ก็พยายามที่จะผลักดัน วิธีการแก้ไขปัญหาของประชาชน และเชื่อว่ามาโคราชอีกครั้ง ช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ น่าจะมีผลงานคืบหน้าได้ เพราะงบประมาณแล้วออกแล้ว.-316 -สำนักข่าวไทย