สส.ก้าวไกลถล่มงบกอ.รมน.หลังยุบไม่สำเร็จ

รัฐสภา 20 มี.ค.-สภาฯ เห็นชอบลดงบสำนักนายกฯ ตามกมธ.เสียงข้างมาก “สส.ก้าวไกล” รุมถล่มงบกอ.รมน. “ชยพล” ตั้งฉายา “กอ.รอหน้าห้อง” เหตุทวงขอเอกสารทีไร พักประชุมออกไปรอหน้าห้องทุกที  ขณะ “รอมฎอน” ลั่น ในเมื่อยุบไม่ได้ก็ขอตัดเกือบ 90% ด้าน “จุลพันธ์” แจง กอ.รมน.งบเยอะ เพราะเป็นหน่วยงานหลักดูแลชายแดน ยันเบิกจ่ายตามแผน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2 และ 3 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ได้พิจารณามาตรา 7 ว่าด้วยงบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรรมาธิการเสียงข้างมากปรับลดงบประมาณเหลือ 24,124,617,500บาท จากเดิมที่ได้งบ  24,834,743,400บาท

ระหว่างการอภิปราย สส.พรรคก้าวไกล จำนวน 5 คน รุมถล่มตัดงบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เนื่องจากเห็นตรงกันว่าเป็นหน่วยงานที่ใช้งบประมาณเยอะ แต่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ ผู้สงวนความเห็นอภิปรายว่า กองอำนวยการรักษาความสงบมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบยากที่สุด และไม่เข้าใจว่าเหตุใดกรรมาธิการเสียข้างมากจึงปล่อยหน่วยงานนี้ให้ผ่านมาได้ เพราะไม่สามารถชี้แจงอะไรได้เลย พร้อมเสนอว่าควรเป็น ‘กอ. รอ หน้า ห้อง’


นายชยพล กล่าวว่า โครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ ของ กอ.รมน. มีความน่าสงสัยว่าเนื้อหาของโครงการ และเหตุผลความจำเป็นต่างๆ ไม่ค่อยมีความสอดคล้องกัน เช่น โครงการพัฒนาด้านการเมือง และการสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ จำนวน 10.5 ล้านบาท และโครงการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ 33 ล้านบาท ซึ่งมีการชี้แจงว่า เป็นการจัดเวทีเสวนาผู้นำชุมชน และการสร้างทำเนียบปราชญ์ แต่สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับการรักษาความสงบภายในประเทศ

“แม้ตามความเข้าใจแล้ว กอ.รมน.ไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะเป็นหน่วยงานในการประสานงาน แต่กลับมีงบซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ 120 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะยอมเผยข้อมูลให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้วปรากฏว่าเป็นค่าซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ให้หน่วยงานอื่นๆ เช่น เป็นการซ่อมระบบสำรองไฟให้ค่ายทหาร ซ่อมกล้องตรวจการกลางคืน ซ่อมรถเกราะ ซื้อแบตเตอรี่โดรน ซื้อน้ำมันทำความสะอาดปืน แต่ละรายการ ส่งเลขมาถ้วนๆ เหมือนกับกลัวว่าเราจะไม่รู้ว่ามันมีปัญหาตุกติกอะไรซ่อนอยู่ เหมือนกับกลัวเราไม่รู้ว่าเป็นการเสกเลขขึ้นมาเฉย ๆ แล้วก็เบิกกันไปมั่ว ๆ สรุปแล้ว กอ.รมน. นอกจากจะไปแย่งหน้าที่กรมการข้าว สอนเขาทำนากันแล้ว ยังไปแย่งหน้าที่ของกรมการช่างอีกหรือ มันเซียนมาจากไหน มันเรียนที่ไหนมา ผมก็อยากจะทราบเหมือนกัน” นายชยพล กล่าว

นายชยพล กล่าวถึงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐและการขับเคลื่อนนโยบาย วงเงิน 345.6 ล้านบาท โดยมีสิ่งน่าสงสัยคือการจ้างเหมาลำเครื่องบินจากภาคเอกชน 12 เดือน มูลค่า 190 ล้านบาท จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่ามีความจำเป็นต้องเหมาสายการบินเพื่อขับเคลื่อนนโยบายหรือ ต้องเดินทางไปไหนมากมาย และว่า “ไม่ติดปีกไม่หลีกทางให้นโยบายหรือครับ หรือนายไม่บินนโยบายไม่เดินอย่างนี้หรือครับ”


นายชยพล กล่าวว่า ในการประชุมกรรมาธิการฯ เมื่อพยายามจี้ถามขอเอกสารไปเรื่อย ๆ ก็จะพักประชุม กลับมาอีกทีก็จะมีข้อสรุปเรียบร้อยว่าจะตัดหรือไม่ตัดอะไรบ้าง จะถามย้ำก็มีการอ้างว่า มีมติแล้ว และสู่เรื่องอื่น แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่านี่เป็นการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพจริง การพิจารณางบประมาณครั้งนี้โปร่งใส รอบคอบ คุ้มค่าภาษี

“ผมขอเอกสารไปเยอะแยะมากมาย ไม่ได้กลับมาสักอย่าง แต่ปล่อยผ่านได้เฉย ถามจริงๆ ครับ ไปคุยกันนอกห้อง ไปคุยอะไร อยู่ๆ ก็เปิดไมค์บอก กอ.รมน. ไปรอหน้าห้อง ถึงได้เป็นที่มาของเนื้อเรื่องของผมในวันนี้ ‘กอ. รอ หน้า ห้อง’ ไปคุยอะไรกัน ช่วยตอบชี้แจงหน่อยได้ไหม ในฐานะกรรมาธิการ ถ้าไปคุยกันเองมันรู้เรื่องมากกว่า งั้นช่วยมาชี้แจงหน่อยว่า เงินทั้งหมดนี้สมเหตุสมผลอย่างไร” นายชยพล กล่าว

ขณะที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายขอตัดงบ กอ.รมน.ด้วย ระบุว่า รอยุบไม่ไหว ขอตัดใจตัดงบ กอ.รมน. เนื่องจากเห็นตัวเลขในแต่ละโครงการแล้ว ต้องตัดถึง 89.7% ตัดให้หมด ให้เหลืองบ 773 ล้านบาท เพราะ งบ กอ.รมน. เป็นงบก้อนที่ใหญ่ที่สุดในสำนักนายกรัฐมนตรี มากกว่ากระทรวงถึง 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยวและกีฬา อุตสาหกรรม และพลังงาน เอาอุตสาหกรรมมัดกับพลังงานยังไม่ถึงงบ กอ.รมน.เลย นอกจากนี้ ยังมีการอ้างถึงการใช้งบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ด้านร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคก้าวไกล เริ่มต้นอภิปรายด้วยการเหน็บกอ.รมน. ว่าเป็นหน่วยงานที่น่าปวดหัวที่สุด ให้ชี้แจงอะไรก็ตอบไม่ได้ เอกสารก็ไม่มี กอ.รมน.ยุ่งกับทุกหน่วยงานราชการ เขียนแผนงานแบบเดิมมาทุกปี นอกจากนี้ ยังใช้งบเสริมสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ 33 ล้านบาท แต่กลับไม่มีเอกสารชี้แจง ตนจะปล่อยไว้ไม่ได้  กอ.รมน. ทำทุกอย่าง ยกเว้นงานในหน้าที่ สรุปแล้วมีประโยชน์อะไร ตนจึงขอปรับลดลง 5%

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะความมั่นคง ดังนั้น จึงขอกำลังพลตามแผนและยุทธศาสตร์ 24 ชั่วโมง ทำให้ต้องเบิกจ่ายเงินเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่มีความซ้ำซ้อนกันภายในองค์กร ภายหลังการอภิปรายของสมาชิกกว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ มาตรา 7 ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมาก มาด้วยคะแนน 292 ต่อ 169 เสียง.-312.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย