อาคารอนาคตใหม่ 19 มี.ค.- “ไอติม” ยัน “พิธา” ลงพื้นที่ดับไฟป่า เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก่อนทักษิณกลับเชียงใหม่ โต้ “ทีมโฆษกรัฐบาล” ยันลงพื้นที่เดียวกันเป็นเรื่องปกติทางการเมือง บอกระมัดระวังอยู่แล้ว ไม่ให้เกิดอุปสรรค เชื่อ นายกฯ ก็เข้าใจ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ทีมโฆษกรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์ถึงการลงพื้นที่จากเชียงใหม่ว่าของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เป็นนายกทิพย์ที่ไม่เข้าใจการบริหารงาน ว่าเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องทำความเข้าใจถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ แน่นอนว่าการทำความเข้าใจถึงปัญหาต่างๆทำได้หลายวิธี มุมนึงต้องวิเคราะห์จากบนลงล่างว่าสถิติเป็นอย่างไรข้อมูลเป็นอย่างไรเพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ภาพรวม
แต่อีกมุมนึงการที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับปัญหาน่างานจะทำให้เราเข้าใจถึงปัญหาในภาคปฏิบัติมากขึ้นว่ามีอุปสรรคที่ติดขัดอย่างไรบ้าง ในแบบล่างขึ้นบน การที่สส.ไม่ว่าจะพรรคใดไปลงพื้นที่คลุกคลีกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่ทำให้ประชาชนประสบความเดือดร้อนเป็นเรื่องที่ปกติของการเมือง เวลาพรรคไหนเป็นรัฐบาลผมก็เห็นทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ลงพื้นที่โทรหาประชาชนอยู่ตลอด ซึ่งนี่คือประเด็นแรกที่ต้องยืนยันในเชิงหลักการ
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เราได้จากการลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานจริงที่เป็นอาสาสมัครดับไฟทำให้เราเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านอุปกรณ์ ว่ามีอุปกรณ์ชนิดไหนที่ขาดแคลน อย่างเช่นโดรนตรวจจับความร้อนมีความสำคัญยังไง ตอนนี้มีอยู่กี่เครื่อง หรือจะเป็นปัญหาเรื่องบุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องสวัสดิการหรือค่าตอบแทนที่อาจจะทำให้เขาไม่มีความมั่นคงพอ ส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสภาพจิตใจในการทำงาน ต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทีมให้สามารถเข้าไปดับไฟป่าได้เร็วที่สุดรวมถึงปัญหาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินว่าพอมีบางพื้นที่ที่อาจจะเป็นพื้นที่ป่าไม้ หรือพื้นที่ป่า ที่อาจจะมีบางส่วนรับผิดชอบโดยหน่วยงานหนึ่ง หรือบางส่วนที่รับผิดชอบโดยอีกหน่วยงานหนึ่ง สร้างปัญหาในเชิงปฎิบัติงานอย่างไร
นายพริษฐ์กล่าวยืนยันว่าสิ่งที่เราเข้าไป ทำให้เราเข้าใจ ถึงอุปสรรคเหล่านี้อย่างลึกซึ้งขึ้น และมันจะเป็นประโยชน์ต่อการเข้าไปขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในสภาไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมายการตรวจสอบงบประมาณ หรือการยื่นข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งการที่เราเข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรต่อเจ้าหน้าที่หน้างานแต่อย่างใด
“เราระมัดระวังอยู่แล้วในการไม่ทำให้การเข้าไปศึกษาข้อมูลเป็นอุปสรรคต่อใคร ถ้าจะยืมคำพูดของท่านนายก ท่านนายกก็พูดเองว่า เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้านจะเข้าไปศึกษาปัญหาเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียงกันในเวลาใกล้เคียงกันเพราะต่างคนต่างก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าข้อเสนอแนะเหมือนกันก็ร่วมกันผลักดัน หรือถ้าต่างกัน การที่มีหลายข้อเสนอแนะมาแข่งขันกันก็น่าจะทำให้ประโยชน์นั้นสูงสุดตกต่อพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าท่านนายกเองก็เข้าใจประเด็นนี้ และหวังว่าทีมงานของท่านนายกก็จะเข้าใจเช่นเดียวกัน“นายพริษฐ์กล่าว
ส่วนจะมองว่าถูกโฆษก และรองโฆษกรุมหรือไม่นั้น มองว่า ไม่เป็นไรครับสิ่งที่ผมมองว่าสำคัญกว่า คือเราได้ข้อมูลอะไรจากการทำงานตรงนั้นบ้างและ สามารถนำมาขับเคลื่อนอย่างไรได้บ้าง และท่านนายกเองในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารก็ดูจะเข้าใจดีการให้สัมภาษณ์ของท่าน
ส่วนกรณีที่อาจจะยังมีคนมองว่าเป็นการวัดพลังทางการเมืองระหว่างก้าวไกลกับรัฐบาลหรือคุณทักษิณ ก็ต้องยืนยันถึงข้อเท็จจริงเดิมที่ยืนยันมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ว่าเรื่องนี้เริ่มต้นจากโครงการศึกษาปัญหาไฟป่าซึ่งได้เปิดโครงการมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ซึ่งมีคุณชัยธวัชในฐานะหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำความเข้าใจกับปัญหามากขึ้นและเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์หาแนวทางในการป้องกันในอนาคต โดยโครงการดังกล่าวก็ได้มีการล็อคคิวไว้แล้วว่าคุณพิธาในฐานะแคนดิเดตนายกของพรรคก้าวไกล ต้องไปหาพื้นที่ในการศึกษาปัญหาดังกล่าว เพียงแต่ว่าตอนแรกวางไว้ว่าเป็นพื้นที่จังหวัดเชียงรายแต่พอใกล้ถึงวันกำหนดการทางมูลนิธิที่เราจะเข้าไปพูดคุยด้วย คือมูลนิธิกระจกเงาได้ให้ข้อมูลมาว่าไฟป่าที่เชียงรายค่อนข้างจัดการได้ดีอยู่แล้ว ถ้าจะดูปัญหาจริงให้มาที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะและอาสาสมัครดับไฟป่าก็ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่จึงมีการย้ายพื้นที่มาเชียงใหม่แทน
แน่นอนว่าพอมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องสถานที่หรือรูปแบบกิจกรรมก็มีการปรับเปลี่ยนคณะสส.ที่ไปร่วมกิจกรรมด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการจึงมีสส.จังหวัดเชียงใหม่ไปร่วมโครงการด้วย ผมเองก็ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะโฆษก ยืนยันว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริง พูดร้อยครั้งก็เป็นแบบนี้ร้อยครั้ง . 312 .-สำนักข่าวไทย