ฝรั่งเศส 11 มี.ค. – นายกฯ ร่วมการหารือระหว่างอาหารกลางวันกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทั้งสองฝ่ายพร้อมกระชับความสัมพันธ์รอบด้านอย่างแน่นแฟ้น
วันนี้ (11 มีนาคม 2567) เวลา 11.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส) ณ ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส Palais de l’Elysée นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการประเทศแรกในยุโรป พร้อมขอให้ฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 หวังว่าฝรั่งเศสจะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งสถานที่ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาไทย รวมถึง Thai House ที่ไทยวางแผนจะจัดแสดงมวยไทย แฟชั่น และอาหารไทย โอกาสนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวเชิญ ปธน.ฝรั่งเศส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 340 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่างกัน และครบรอบ 170 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2569
นายกฯ ได้ทราบถึงแผนฟื้นฟู France Relance ของฝรั่งเศสที่ต้องการเป็นประเทศแรกในยุโรปที่บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 ซึ่งไทยเองก็มีแผนองค์รวมที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2568 เช่นกัน พร้อมขอให้ฝรั่งเศสและสหภาพยุโรปพิจารณาจัด “ช่องทางสีเขียว green lane” สำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นมาตรการเตรียมพร้อมในขณะที่การเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ยังดำเนินอยู่ โดยนายกฯ ยังได้กล่าวเชิญชวนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะ EV และแบตเตอรี่ รวมถึงภาคเอกชนฝรั่งเศส เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสีเขียวของไทย
ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่บริษัทไทยขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในฝรั่งเศสจำนวนมาก นายกฯ หวังว่าฝรั่งเศสจะอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนของไทยในอนาคต รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าแก่นักธุรกิจไทย และพร้อมเชิญชวนฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค โครงการ Landbridge และตามวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND” ที่นายกฯ ได้ประกาศเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ยกระดับประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ใน 8 ภาคส่วน ได้แก่ การท่องเที่ยว สุขภาพและการแพทย์ เกษตรกรรมและอาหาร การบิน โลจิสติกส์ การผลิตยานยนต์ในอนาคต เศรษฐกิจดิจิทัล และการเงิน โดยนายกฯ ได้พบและเชิญชวนบริษัทเอกชนชั้นนำของฝรั่งเศสหลายภาคส่วน จึงหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจาก ปธน.ฝรั่งเศสด้วย
ในด้าน soft power และแฟชั่น ไทยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อยอดความสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างสถาบันอาชีวศึกษาไทยและ the Duperré School of Applied Arts ในการแลกเปลี่ยนครูและนักเรียนระหว่างกัน เพื่อพัฒนาโครงการด้านการออกแบบแฟชั่นและผ้าไหมไทย โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี พร้อมเชิญชวนร้านแฟชั่นและอัญมณีฝรั่งเศสเข้ามาจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูงจากในท้องถิ่นของไทย หวังว่าจะได้เห็นผลงานนักออกแบบชาวไทยที่งาน เช่น Paris Fashion Week
ทั้งนี้ ไทยเชื่อมั่นในเทคโนโลยีการป้องกันประเทศของฝรั่งเศส จากการเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน ในขณะที่อุตสาหกรรมการบินของไทยได้จัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์สำหรับเฮลิคอปเตอร์แอร์บัสในจังหวัดลพบุรี ไทยหวังที่จะเดินหน้าความร่วมมือนี้ ขอเชิญชวนให้ฝรั่งเศสมาร่วมลงทุนเพื่อเป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาค หรือศูนย์ซ่อมบำรุงรักษาขั้นสูงสำหรับบริษัทป้องกันประเทศชั้นนำของโลก
นอกจากนี้ นายกฯ ขอให้ประธานาธิบดีพิจารณาผลักดันเรื่องการขอยกเว้นการตรวจลงตราเชงเกนให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย เพื่อเพิ่มการติดต่อระหว่างบุคคลและผู้ประกอบการไทยและฝรั่งเศส เนื่องจากปี 2568 จะเป็นปีสำคัญที่รัฐบาลเปิดศักราชการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลได้เตรียมการไว้หลายด้าน เพื่อรองรับกิจกรรมนี้ เช่น การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง ทางด้านท่าเรือ และโครงการใหญ่ของรัฐบาล โครงการ Landbridge ซึ่งจะส่งเสริมการเชื่อมต่อเดินทาง
นายกฯ เชื่อมั่นว่า การยกเว้นการตรวจลงตราจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้เอกชนฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น ซึ่งรัฐบาลได้พูดคุยกับภาคเอกชนให้แลกเปลี่ยนการจัดกิจกรรม Pop up Store ส่งเสริมการขาย กิจกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งได้พูดคุยกับบริษัท มิชลิน และกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดนิทรรศการระดับโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับ Formula และ Art Basel
ส่วนความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ไทยสนับสนุนความพยายามของฝรั่งเศสในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ และยินดีที่ไทยและฝรั่งเศสจะจัดการเจรจาทวิภาคีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และการคุ้มครองพันธุ์พืช.-314-สำนักข่าวไทย