กทม. 22 ก.พ.- “ชัยธวัช” ชี้ ก่อนนิรโทษกรรมต้องสร้างกระบวนให้เกิดการยอมรับก่อน มอง สถานการณ์ความขัดแย้งต่างจากอดีต หากเร่งเสนอนิรโทษกรรมคดี ม.112 อาจเป็นอุปสรรคไปต่อไม่ได้
นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องของเป้าหมายในการนิรโทษกรรม ว่าการศึกษาครั้งนี้จะแตกต่างจากการศึกษาการสร้างความปรองดองและความสมานฉันท์ทุกชุดที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ต่างกัน โดยเฉพาะความขัดแย้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยถึงสาระสำคัญข้อเสนอให้กรรมาธิการการพิจารณา
“ผมเองได้เสนอว่าการนิรโทษกรรมในครั้งนี้จะต้องไม่ใช่การพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว ต้องมองในภาพรวมการสร้างความสมานฉันท์การสร้างความปรองดองทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้นิรโทษกรรมทางการเมืองเป็นหนึ่งในนั้น ไม่ควรมองแค่เรื่องนี้นิรโทษกรรม และการนิรโทษกรรมในครั้งนี้ อยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ได้ยุติลง ดังนั้นเป้าหมายควรจะเป็นการนิรโทษกรรมเพื่อหยุดขยายความขัดแย้งเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต และเปิดทางเพื่อให้สามารถหาข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกันได้ทางการเมืองในอนาคต” นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่าการสร้างความสมานฉันท์ไม่ใช่แค่เพียงการตรากฎหมายนิรโทษกรรมเท่านั้น ส่วนกระบวนการที่จะทำให้ข้อขัดแย้งต่างๆสามารถทำความเข้าใจลดการเผชิญหน้าลดความหวาดระแวงลงและสร้างข้อตกลงร่วมกันร่วมกัน ซึ่งกระบวนการนี้มีความสำคัญและอาจกลายเป็นกระบวนการที่เป็นเงื่อนไขที่ต้องทำให้เกิดขึ้นก่อนจะเสนอให้มีการนิรโทษกรรม ซึ่งเนื้อหาจะไม่ได้จำกัดว่าจะนิรโทษกรรมให้กับใครบ้างหรือครอบคลุมแค่ไหน หรือนิรโทษกรรมอะไร แต่ต้องมีกระบวนการให้เกิดการยอมรับก่อนที่จะเริ่มนิรโทษกรรม
ซึ่งทุกเรื่องจะต้องทำให้เกิดกระบวนการยอมรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนิรโทษกรรมเกี่ยวกับคดีมาตรา 112 ซึ่งเป็นหลักที่สำคัญที่วันนี้ได้เสนอในที่ประชุม ซึ่งยอมรับว่าประเด็นนี้เป็นรายละเอียดที่ยังคงมีความเห็นต่างกัน แม้จะเห็นร่วมกันในหลักการใหญ่ ซึ่งบางคนเห็นว่าอาจรวมการนิรโทษมาตรา 112 ด้วยอาจกลายเป็นเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถจะนิรโทษกรรมใครได้เลย หรือหากไม่รวมการนิรโทษในคดีมาตรามาตรา 112 อาจจะไม่ตอบโจทย์การที่จะระงับการขยายตัวของความขัดแย้งในปัจจุบัน
ซึ่งแนวโน้มอาจจะมีหลายตัวเลือก แนวทางการสร้างความสมานฉันท์และการนิรโทษกรรมแล้วนำไปเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย หรือการนิรโทษกรรมในบางเรื่องบางคดีที่มีความเห็นแตกต่างกันเยอะ อาจจะมีการวางเงื่อนไข ว่าจะต้องมีกระบวนการอย่างไรบ้างเพื่อสร้างการยอมรับและนำไปสู่ข้อตกลงร่วมบางอย่างจากนั้นถึงจะสามารถเสนอเรื่องนี้ ให้ไปสู่การนิรโทษกรรมได้
นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงกรณีที่มีภาพ”ตะวัน” นักเคลื่อนไหว ถูกกามส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ หลังอดอาหารนานกว่า9 วัน และยังมีนักเคลื่อนไหวหลายคนใช้วิธีการนี้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ว่าตอนนี้พรรคไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรได้ และไม่ได้มีการส่งใครไปดูกรณีดังกล่าว ตอนนี้ให้เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ แต่เราก็มีความเป็นห่วง เพราะเรื่องนี้เป็นรูปธรรมที่สะท้อน เรื่องของการนิรโทษกรรม ถ้าคิดจะนิรโทษกรรมแล้วเว้นฐานความผิดบางอย่างไว้แล้ว อาจจะไม่ตอบโจทย์ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะสถานการณ์การเมืองปัจจุบันไม่อาจละเว้นคดีการเมืองบางอย่างได้ แต่ตนก็เข้าใจความเห็นที่แตกต่างกัน ว่าถ้านิรโทษกรรมคนกลุ่มนี้ไปแล้ว แล้วจะนำไปสู่สภาวะแบบเดิมอีกหรือไม่ ตนเข้าใจความกังวลนี้ ตนจึงเสนอให้ใช้คณะกรรมาธิการชุดนี้ลองศึกษาสร้างกระบวนการที่เป็นที่ยอมรับซึ่งกันและกันได้ หรือสร้างข้อตกลงร่วม ที่จะนำไปสู่สังคมในอนาคต ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ และเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการนิรโทษกรรม.312 .-สำนักข่าวไทย