รัฐสภา 22 ก.พ.-กมธ.พัฒนาการเมืองเชิญตัวแทนสื่อ-ตร. แจงกรณีนักข่าวโดนจับ หวังสร้างหลักประกันเสรีภาพการนำเสนอข่าว หาที่ยืนให้สื่อออนไลน์-ขนาดเล็ก ผิดหวังสมาคมสื่อไม่ตอบรับ
น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมในวันนี้ ว่า ที่ประชุมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง สืบเนื่องจากกรณีตำรวจออกหมายจับกุมผู้สื่อข่าวและช่างภาพในข้อกล่าวหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกรรมาธิการฯ จะเป็นตัวกลางเปิดพื้นที่ให้เป็นเวทีกับสื่อมวลชนอิสระ และออนไลน์ ที่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากการทำงาน ฝ่ายตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล และสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
“ส่วนจะมีธงอะไร จากการเรียกเข้าชี้แจงหรือไม่ เราคงไม่กลับไปพูดถึงกรณีเกิดขึ้น เพราะผ่านไปแล้ว หลังจากนี้เราอยากให้มีจุดเริ่มต้นว่าขอบเขตการทำงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์ ล่อแหลมต่างๆ อยู่ตรงไหน การคัดกรองสื่อมวลชนจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สื่อมวลชนที่ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชนอิสระ ออนไลน์ และสื่อขนาดเล็ก จึงหวังว่าจะได้คำตอบว่า สื่อกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของการฟ้องปิดปากเหล่านี้ จะมีเส้นการทำงานในสังคมอย่างไรได้บ้าง อาจจะพิจารณาจากช่องทางการเผยแพร่ มียอดผู้ติดตามเท่าไหร่ การนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากี่ปี จึงถือว่าเป็นสื่อมวลชน” น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวว่า บริบทของสื่อมวลชนไทยเปลี่ยนไปแล้ว คงไม่ได้มีเพียงสื่อโทรทัศน์ หรือวิทยุ แต่มีสื่ออิสระมากมาย ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ผู้คนสามารถเป็นผู้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น ถึงเวลาที่รัฐ หรือ สตช. ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแล ต้องปรับตัว พูดคุย เริ่มต้นพร้อมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลพลเรือนชุดนี้ จะสามารถการันตีได้ในระดับเบื้องต้นว่า เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย ที่จะคุกคาม ลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เป็นสิ่งที่เราคาดหวัง วันนี้ได้เชิญตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรีมาด้วย แต่ไม่มีตัวแทนตอบรับมา เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาการขึ้นทะเบียนสื่อมวลชน ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมประชาสัมพันธ์ เราจึงอาจจะไม่ได้คำตอบว่า หลังจากนี้การจัดการหรือการขึ้นทะเบียนสื่อมวลชนในประเทศไทย ควรเป็นรูปแบบแบบไหน ซึ่งน่าเสียดาย
ส่วนกรณีที่สมาคมสื่อฯ ไม่ตอบรับมา สะท้อนอะไรหรือไม่ น.ส.ภคมน กล่าวว่า ค่อนข้างผิดหวัง สมาคมสื่อฯ เอง น่าจะคว้าโอกาสใช้พื้นที่กรรมาธิการฯ ยืนยันความชอบธรรมให้กับตนเอง ที่ผ่านมาสมาคมสื่อฯ ก็ถูกตั้งคำถามมากถึงบทบาทในการปกป้องเสรีภาพของคนในวิชาชีพสื่อมวลชน จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก และยังต้องตั้งคำถามและพิสูจน์บทบาทของสมาคมสื่อฯ ต่อไปว่าจะทำให้คนที่อยู่ในวิชาชีพสื่อมวลชนเชื่อมั่นได้อย่างไร sลังจากนี้ กรรมาธิการฯและคณะทำงานจะผลักดันต่อให้ออกมาในรูปแบบข้อบังคับที่ชัดเจน ให้สื่อมวลชนทำงานได้อย่างเสรีภาพจริง ๆ เราไม่ได้เรียกร้องเพื่อสื่อมวลชนอย่างเดียว แต่เราเรียกร้องภาพลักษณ์และความชอบธรรมให้กับตำรวจด้วย
ส่วนความพยายามผลักดันในครั้งนี้ จะเป็นการอุ้มสื่อมวลชนที่จงใจทำผิดกฏหมายหรือไม่ น.ส.ภคมน กล่าวว่า เราไม่มีหน้าที่ที่จะพิจารณาหรือชี้ผิดชี้ถูกใคร แต่สิ่งที่เราต้องทำวันนี้ คือต้องทำกติกาให้ชัดก่อน ที่ผ่านมากติกาไม่เคยชัด เมื่อไหร่ที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อน และมีคนที่เห็นด้วยกับผู้เดือดร้อน ก็จะมีกล่าวหาแบบนี้เสมอ ถ้าอยู่บนกติกาเดียวกัน ก็พูดคุยกันได้ ควรเริ่มต้นกติกาด้วยการนับขั้นบันไดเดียวกัน สุดท้ายถ้าสื่อเป็นคนผิด จะได้พิจารณาลงโทษอย่างไม่มีความเคลือบแคลงใจ
“หลังจากได้ข้อมูลในวันนี้แล้ว กรรมาธิการฯ จะนำไปทำงานต่อ หากสภาฯ อยู่ครบสมัย ก็คงมีโอกาสได้ยื่นพระราชบัญญัติบางอย่างเข้าสภาฯ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ แต่คงต้องถกกันหลายฝ่ายต่อไปว่า การคุ้มครองนี้อาจจะไม่ใช่การบลิดรอนสิทธิเสรีภาพ หรือสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไม่ควรมีกฎหมายใด มาบังคับใช้เลยหรือไม่” น.ส.ภคมน กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย