สส.ก้าวไกล จี้แก้งบประชาสัมพันธ์ภาครัฐโปร่งใส

รัฐสภา 21 มิ.ย.-“ภคมน” สส.ก้าวไกล ชี้รัฐบาลจัดงบประชาสัมพันธ์ซ้ำซ้อน แนะแก้ไขปรับปรุงให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐโปร่งใส

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568


นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเกี่ยวกับงบประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ว่า งบส่วนนี้ถูก ignore มานานแล้ว ซึ่งงบจากทุกกระทรวง ทุกกรม รวมกัน 2,945 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่มีงบประมาณส่วนนี้ 3,200 ล้านบาท โดยแยก เป็น 2 รูปแบบ แบบแรก เป็นงบประชาสัมพันธ์ทางตรง ระบุชัดในชื่อโครงการเลยว่านำไปใช้ในภารกิจประชาสัมพันธ์ แบบที่ 2 เป็นงบประมาณที่ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ซ่อนมาในคีย์เวิร์ดสำคัญ เช่น รณรงค์ เสริมสร้างความเข้าใจ ปลูกจิตสำนึก ปลูกฝัง หรือบางโครงการ ชื่อก็เดาไม่ออกว่าเป็นการประชาสัมพันธ์

นางสาวภคมน ระบุว่า เป็นการใช้งบประมาณโฆษณาซ้ำซ้อนกัน เป็นเงินอย่างน้อยคือ 662 ล้านบาท เช่น โครงการสื่อสารเพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด หน่วยงานที่ทำ โครงการนี้มหาดไทยทำ ใช้งบ 38 ล้าน กระทรวงศึกษาทำใช้งบ 23 ล้านบาท กระทรวงยุติธรรม ใช้งบประมาณ 5 ล้าน และกระทรวงสาธารณสุขก็ใช้งบ 100 ล้าน ซึ่งชื่อโครงการต่างกัน แต่วัตถุประสงค์เหมือนกัน ถ้ามีการคุยกันสักนิด ว่าภารกิจไหนใครทำ อย่างน้อยเราไม่ต้องจ่ายงบประมาณที่เหมือน ๆ กันแบบนี้


“หากจำได้เมื่อต้นปีเคยมีคลิป จากอินฟลูฯ ท่านหนึ่งนำเสนอเรื่องราวของทหารชายแดน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่านี่ เป็นการโฆษณาจากกลาโหมหรือไม่ ซึ่งเงินก้อนนี้แหละค่ะ ที่เขียนไว้หลวม ๆ แบบนี้ จับตากันนะคะ ผลผลิตของมันเราจะได้เห็นการโฆษณาลักษณะนั้นอีกหรือไม่” นางสาวภคมน กล่าว

นางสาวภคมน ตั้งคำถามว่า โครงการประชาสัมพันธ์ในลักษณะนี้ เป็นโครงการที่มีประโยชน์กับประชาชนโดยตรงจริง ๆ ใช่หรือไม่ หรือเป็นประโยชน์กับใคร

ส่วนศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ในงบประมาณ 67 ได้รับไป 69 ล้านบาท ปีนี้ได้รับงบประมาณมาจำนวน 68 ล้านบาท จากผลงานที่ผ่านมา เมื่อมีการตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับรัฐบาล ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ก็บอกว่าตรวจสอบแล้วเป็นข่าวจริงแต่ไม่เผยแพร่ เพราะไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล มีปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แก้ต่างให้พรรคการเมืองที่ถูกโจมตี หลักการสำคัญข้อหนึ่ง ที่ศูนย์เคยประกาศไว้เอง คือ ความเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นอิสระ มุ่งเน้นประโยชน์ ต่อประชาชน ขนาดรัฐบาลที่แล้ว ยังไม่เคยใช้ AFNC แก้ต่างให้พรรคของรัฐมนตรี DES เลย แม้แต่ครั้งเดียวเลย


กรมประชาสัมพันธ์ ที่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการของบประมาณทั้งหมด 2,496 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 82 ล้านบาท เป็นงบบุคลากรไปแล้ว 38 % และยังมีงบลงทุน 540 ล้านบาท ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์น่าจะเป็นเป็นสถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เมื่อเทียบงบประมาณแต่ละปีกับผลงาน ชัดเจนว่าสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์เล็ก ๆ เขาทำได้ดีกว่า

งบที่สำคัญของกรมประชาสัมพันธ์ในการ PR ภาครัฐ แต่พูดตามตรง ต่อให้กรมประชาสัมพันธ์ได้งบประมาณก้อนนี้มากกว่าเดิม 10 เท่า หรือ 100 เท่า ก็ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงกรุกในเวทีต่างชาติ ให้เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นได้ การบุกเปิดยอดบัญชี ยอดเพจ จำนวนเยอะ ๆ ทำไปเพื่ออะไร ยุทธศาสตร์การเปิดเป็นร้อย ๆ เพจนี้จะทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นจริงหรือไม่ หรือเราควรมียุทธศาสตร์อื่นที่ดีกว่านี้ การเปิดเพจจำนวนมาก ๆ นั้น ไม่ได้ทำให้คนสนใจมากขึ้น มีแต่จะใช้งบประมาณมากขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล

“ดิฉันไม่ได้นั่งเทียนวิจารณ์ด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดดูเรตติ้งทีวีดิจิทัลที่เขาวัดจากทั้งคนที่ดูผ่านทีวีและอินเตอร์เน็ต ช่อง NBT ของกรมประชาสัมพันธ์อยู่ในอันดับ 19 รองบ๊วยจากทั้งหมด 20 ช่อง ก็คงจะเป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นว่ายังทำงานไม่เข้าเป้า” นางสาวภคมน กล่าว

นางสาวภคมน ระบุว่า มีโครงการหนึ่ง จ้างเหมาบริการผลิตข้อมูลข่าวสาร 39 ล้านบาท โดยใช้บุคลากร พิธีกรผู้ดำเนินรายการจำนวนหนึ่งจากบริษัทที่ปิดตัวลง ย้ายมาทำให้ NBT จนประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม แต่ตอนนี้ที่กรมประชาสัมพันธ์ประสบปัญหาก็คือ พยามจะใช้บทบาทตัวเองเพื่อเป็นปากเป็นเสียงทางการเมืองให้รัฐบาล มากกว่าการมุ่งเน้นงานสื่อสารเพื่อประชาชน และแต่ละช่องทางล้วนไม่มีคนดู เรตติ้งสู้สื่ออื่นไม่ได้เลย

นางสาวภคมน กล่าวในช่วงท้ายว่า คาดหวังว่ารัฐบาล และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ จะแก้ไข ปรับปรุง ให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐโปร่งใส เลิกซุก เลิกซ่อน เลิกซ้อนเสียที และด้วยความปรารถนาดี การสื่อสารคือปลายทาง แต่ต้นทางที่จะทำให้การสื่อสารของรัฐบาลได้ผล คือ ฝีมือการบริหาราชการแผ่นดิน ความสง่างามทางการเมือง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย