19 ก.พ. – “อนุทิน” ลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระบุเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามมาตรฐานและลดผลกระทบในมิติต่างๆ ให้กับชุมชนโดยรอบได้เป็นอย่างดี คาด เสร็จทันกำหนดสัญญาเดิมปี 2569
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ณ ไซต์งานโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
นายอนุทิน กล่าวว่า ภาพรวมโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้รับเหมาทั้งบริษัทผู้ควบคุมงาน และบริษัทผู้ปฏิบัติงาน สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี มีการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดด้านต่างๆ ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก (Hydraulic Cement) ซึ่งมีการวิจัยรองรับแล้วว่าสามารถลดการปล่อยมลพิษในอากาศน้อยกว่าซีเมนต์แบบอื่นๆ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกด้วย ตลอดการดำเนินการก่อสร้างทางผู้ปฏิบัติงานได้มีการฉีดพ่นละอองน้ำ และปิดล้อมพื้นที่โครงการให้เป็นพื้นที่ปิด ขนย้ายเศษดินเศษเหล็กในช่วงเวลาที่ไม่มีผลกระทบกับการสัญจรในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละออง และเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากการก่อสร้างให้กับชุมชนโดยรอบโครงการฯ ด้วย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้การดำเนินโครงการก่อสร้างเกิดความล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ ณ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวล่าช้าจากแผนที่วางไว้กว่าร้อยละ 4 แต่ทางผู้รับเหมาคาดว่าสามารถเร่งดำเนินการให้เสร็จตามแผนเดิมได้ ในปีงบประมาณ 2569 แต่หากไม่ทันตามกำหนด ทางผู้รับเหมายังสามารถขอขยายเวลาได้ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในการกำหนดอัตราค่าปรับร้อยละ 0 ตามประกาศของกรมบัญชีกลาง ขณะนี้ทั้งทางผู้ว่าจ้าง หรือกระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้รับเหมา ต่างให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานซึ่งกันและกัน เพื่อให้การดำเนินงานเกิดความราบรื่นมากที่สุด ตามเป้าหมายที่ผู้รับเหมาได้วางไว้ คือการแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาในสัญญาเดิม
นายอนุทิน กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องย้ายที่ตั้งกระทรวงมหาดไทยจากที่เดิม ในเขตพระนคร มาสร้างที่ใหม่ในเขตคลองสาน ว่าเพื่อรองรับจำนวนบุคลากรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และเป็นการรวบรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร และเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการติดต่อราชการของประชาชน ในรูปแบบของศูนย์ราชการ.-317-สำนักข่าวไทย