รัฐสภา 16 ก.พ.-“โรม” ยินดีถูกสอบจริยธรรม ท้าเปิดคนหนุนหลังม็อบ บอก อยากเห็น “ชาดา” เปิดบัญชีผู้มีอิทธิพล “อุทัยธานี” จะมีนักการเมือง ช. หรือไม่ แจงภาพคู่ “ตะวัน” ทำหน้าที่ กมธ. ลงพื้นที่
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มภาคีราชภักดิ์ นำโดย เต้ อาชีวะ เรียกร้องให้สอบจริยธรรมว่าทำผิดข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ภายหลังนำภาพมาอภิปรายในญัญติมาตรการอารักขาขบวนเสด็จ ว่า ตนยินดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าผู้ร้องไม่ได้มีสิทธิ์แค่ร้องผู้อื่น แต่ต้องรับผิดชอบในคำร้องเช่นเดียวกัน และยืนยันว่า ตนไม่ได้ตัดต่อภาพใดๆ และการนำภาพขึ้นที่ประชุมสภาฯ ก็ผ่านคณะกรรมการในการพิจารณา และอนุมัติ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราไปดูกฎหมาย PDPA ก็ไม่ได้บังคับมาถึงการทำหน้าที่ในสภาฯ เพราะการทำหน้าที่ในสภาฯ ได้รับการยกเว้น ซึ่งตนไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องอะไร ถ้าจะร้องก็ร้องได้ ตนยินดี แต่อย่าลืมว่า ผู้ร้องก็จะมีภาระหน้าที่ทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ยืนยันว่า ตนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปรากฏตามข้อมูลโดยที่ไม่ได้ตัดต่อหรือปลอมแปลง
ส่วนที่กลุ่มภาคีฯ นำภาพการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสมัยเป็นนักศึกษาในช่วงการชุมนุมเมื่อปี 57 และกล่าวว่าใช้ความรุนแรงเหมือนกัน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนั้นเป็นวันที่กลุ่มนิสิตนักศึกษามีการชุมนุมด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเราตั้งใจว่าจะชุมนุมเพียงแค่ 15 นาที โดยจะไม่พูดอะไรเลย และหลังจาก 15 นาที จะพูดอะไรก็ได้ที่สะท้อนจิตใจของพวกเรา ตนมั่นใจว่าการชุมนุมในตอนนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือขัดขวางการจราจร แต่ไม่มีใครเดือดร้อนทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 18.00 น. มีการเข้าสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่เข้าจับกลุ่มผู้ที่ไปชุมนุมนายเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษา
“หนึ่งในคน ที่ผมรู้จัก ผมยังจำภาพได้ตอนนั้น เขาคิดว่าการชุมนุมทำได้ตามกฎหมาย และการจับกุมเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะภาพที่เกิดขึ้นเขาไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ๆ เขาก็โดนจับ และเขาก็ปฏิบัติตามที่เขาเชื่อ ว่าเจ้าหน้าที่กระทำโดยไม่ชอบ สิ่งที่เกิดขึ้น ทหาร เอา ว.ดำ (ว.สื่อสาร) ทุบไปที่มือ เพื่อให้เขาปล่อยไม้ที่เกาะเอาไว้ เขาไม่ได้ไปทำอะไรใคร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ปกติถ้าเราเห็นว่าการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราสามารถป้องกันตนเองได้ ดังนั้น ถ้าหากไปดูภาพวีดีโอทั้งหมด จะพบว่า ตนก็เกาะแขนกับเพื่อนๆ และพยายามเดินไปช่วย ไม่ได้ไปทำร้ายหรือลงมือ เราแค่ต้องการไปหาเพื่อนที่ถูกจับไปแล้ว
“มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน ชกมาที่เป้ากางเกงของผม เพื่อให้ผมเกิดอาการจุก ยอมจำนงและถูกจับไป ถ้าไปดูคลิปทั้งหมด ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่คิดจะทำด้วย เพราะก็คงสู้ไม่ได้ แต่ภาพคือผมต้องปกป้องตัวเอง ผมคิดว่ามีสิทธิ์ในการปกป้องเนื้อตัวร่างกาย” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า การกระทำครั้งนั้นไม่ได้นำไปสู่การตัดสินจำคุก ดังนั้น เหตุการณ์ในวันนั้นจบไปแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าประชาชนถูกรังแก ตนเป็นคนที่ปกป้องประชาธิปไตยเพื่อทุกคน ดังนั้น คนที่ทำรัฐประหารต่างหากที่ทำผิดกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคงไม่นิรโทษกรรมตนเอง
เมื่อถามว่า ที่นายรังสิมันต์และสส.พรรคก้าวไกล ถ่ายภาพรวมกับกลุ่มทะลุวังด้วย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนั้นตนอยู่ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ถ้ากรรมาธิการไม่ลงพื้นที่ ตนคิดว่า จะทำหน้าที่ในการปกป้องสิทธิมนุษยชนได้อย่างไร ซึ่งเป็นหมวกที่ตนต้องทำหน้าที่ โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งก่อน ซึ่งสามารถลงพื้นที่และนำข้อมูลกลับมาได้
“การที่ไปร่วมชุมนุมไม่ได้หมายความว่าตนเป็นท่อน้ำเลี้ยง ไม่ได้หมายความว่าม็อบนี้จะเกิดขึ้นได้เพราะตน และกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวก็ไม่ได้รับสิทธิใดๆ โดยน้องๆนักศึกษาก็ยังต่อสู้คดีกันอยู่ แต่ในทางตรงข้าม ตนก็ไม่แน่ใจว่า ศปปส.ที่ไปทำร้ายร่างกายประชาชนกลางเมืองหลวง จนถึงวันนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอะไรแล้วบ้าง” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลัง วันที่ตนชุมนุนทางการเมือง ก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง และในวันที่ตนเป็นนักการเมืองก็ไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใคร ยืนยันว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ เขาไม่ยอมให้ใครไปอยู่เบื้องหลัง
ส่วนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเปิดบัญชีผู้หนุนหลังม็อบเยาวชน ซึ่งอาจมีผู้ช่วย สส.เกี่ยวข้องด้วย นายรังสิมันต์ ระบุว่า เปิดเลย ตอนที่นายชาดา เดินมาหาตนในห้องประชุมสภา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ว่าตนไม่แฟร์ พวกเราเอง สส.พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้เปิดบัญชีออกมาเลย พวกเราก็อยากรู้เหมือนกัน ที่ผ่านมาอยู่กับข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและจินตนาการไปเองทุกวัน
“เราก็อยากดูเหมือนกัน ไอ้ที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ทำบัญชีผู้มีอิทธิพล เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครบ้าง ที่เป็นผู้มีอิทธิพล ในเมื่อท่านมีข้อมูลต่างๆ ท่านเปิดเลยครับ จะได้ใช้กฎหมายในการแก้ปัญหา ผมขอแวะมาที่ผู้มีอิทธิพลแป๊บนึง ผมก็อยากจะรู้ว่าบัญชีผู้มีอิทธิพล สุดท้ายมันมีรายละเอียดอย่างไร สุดท้ายที่อุทัยธานี ใครเป็นผู้มีอิทธิพล ชื่อขึ้นต้น ช. หรือไม่ หรือไม่มีผู้มีอิทธิพล ก็อยากจะทราบ ดังนั้น คิดว่าอยู่บนข้อเท็จจริงดีกว่าไหมครับ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า อย่าใช้คำว่าผมมีข้อมูลนั้น ข้อมูลนี้ วันนี้นายชาดา เป็นรัฐมนตรีแล้วอาจลืมตัวไป ต้องใจเย็นๆ ต้องตอบคำถามสังคม ตนเป็นนักการเมืองที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็มีสิทธิ์จะถาม นายชาดา ก็มีสิทธิ์ตอบ ถ้าไม่เปิดเผยข้อมูลออกมาอาจมีความผิด
เมื่อถามว่านายชาดา จะพูดคุยในกรรมาธิการเท่านั้น จะเรียกมาชี้แจงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าจะมากรรมาธิการตนยินดี โดยวันที่ 29 ก.พ. น่าจะมีการประชุมในเรื่องนี้
“ท่านชาดาอาจจะใช้อารมณ์มากไปหน่อย น่าจะใช้โอกาสสภาในการนำเสนอ ว่าถ้าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่องขบวนเสด็จ จะมีการเสนออะไร” นายรังสิมันต์ กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย