ฟังความเห็นคนใน-นอกพื้นที่ทุกมิติ

อุทยานฯ แหลมสน 22 ม.ค.- นายกฯ ตรวจพื้นที่ทำโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ระนอง ยืนยันฟังความเห็นทั้งคนใน-นอกพื้นที่ทุกมิติ ขออย่าเพิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ยก 20 ปีก่อน คนค้านรัฐบาลทักษิณทำสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ทำประโยชน์มหาศาล รับปากไม่ต้องห่วง รัฐบาลจริงใจ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อติดตามโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับรายงานว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่มาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว และรับฟังการนำเสนอข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม ว่า ภาพรวมจะถมทะเลออกไปเท่าไหร่ รวมถึงช่องน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจากที่รับฟังรายงาน คาดว่าจะตั้งตอม่อออกไป และชัดเจนว่าประชาชนสามารถประกอบอาชีพประมงได้ ได้เห็นศักยภาพของโครงการดังกล่าว

ส่วนต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการทำโครงการใหญ่ๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีคนมายื่นหนังสือด้วย รัฐบาลรับฟังข้อห่วงใยเรื่องผลกระทบ


เมื่อถามว่า รัฐบาลยังขาดการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งเริ่ม ขออย่าเพิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ขอให้รอฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน เพราะหากจำได้ 20 ปีที่ผ่านมา เรามีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ระดับชาติ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่หนองงูเห่า ซึ่งตอนนั้นถกเถียงกันนานมากว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่ 2 รองจากดอนเมือง และรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินหน้าลุยเต็มตัว จนทำเป็นสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ สมัยนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

“20-30 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีเมกะโปรเจกต์ใหญ่เลย ดังนั้น ขอให้ดูว่าประโยชน์ที่ได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 20 ปีที่แล้วมาจนถึงวันนี้ มีประโยชน์มหาศาล ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้น หากไม่มีโครงการเหล่านี้ขึ้นมา เราจะไม่มาถึงจุดนี้ พร้อมระบุว่า เป็นธรรมดาที่นานๆ จะมีเมกะโปรเจกต์สักครั้ง รัฐบาลพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน โดยจะร่นระยะทางการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งขณะนี้เริ่มหนาแน่นและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น การขนถ่ายสินค้าจากมุมหนึ่งของโลกไปอีกด้าน จึงมีความอึดอัดพอสมควร เพราะฉะนั้น การที่เราจะสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ที่เชื่อมระหว่างสองฝั่งแล้วส่งต่อไปทั่วโลก ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ


“การขนถ่ายสินค้า การเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิต ส่งออก ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และถ้าดูรายละเอียดเรื่องการขนย้ายสินค้าไปทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา นี่ถือเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่ต้องผลักดันให้ประเทศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนจะต้องศึกษาก่อนผลักดันให้ดำเนินโครงการหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องศึกษาก่อน ขั้นตอนต่อไปรัฐบาลจะดูแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราสนับสนุนตรงนี้ควบคู่กับความเจริญทางเศรษฐกิจ ต้องศึกษาควบคู่ไปกับการดำเนินการ ฟังความคิดเห็นประชาชน เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยมาศึกษา ส่วนจะช้าจะเร็วอยู่ที่เสียงเรียกร้องด้วยว่าต้องทำมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่าต้องทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจ

“ผมไม่กังวลเรื่องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอาชีพของประชาชนในโครงการดังกล่าว เพราะผมมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า โครงการนี้ไม่ใช่พื้นที่สำหรับคนขายสินค้าอย่างเดียว เรือสำราญก็เข้ามาเทียบจอดได้ ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลายด้วย ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค อาทิ สนามบินอันดามันที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ตที่จะเป็นสนามบินขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานควบคู่กันไป รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวภาคใต้ ส่วนเรื่องความมั่นคง ยืนยันว่าเราดูแลครบทุกมิติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมารับหนังสือจากตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ที่มาเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของคนในพื้นที่ รวมถึงชะลอโครงการดังกล่าวก่อน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องห่วง ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ต้องให้โอกาสกับคนในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนทุกคน

ตัวแทนกลุ่มดังกล่าวได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จริงใจรับฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า เราจะรับฟังทั้งสองทาง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาพื้นที่ระนองบ่อย ไม่ต้องห่วง มีความจริงใจอยู่แล้ว.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]